ในช่วงกลางปีแบบนี้คงจะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ตั้งตารอคอย เพราะเป็นช่วงที่หลายบริษัทจ่ายโบนัสประจำปีให้กับพนักงาน หรือลูกจ้างของตัวเอง จึงทำให้หลายคนได้เงินก้อนใหญ่เข้ากระเป๋าเพิ่ม
บางคนคงเตรียมวางแผนนำเงินโบนัสไปใช้ต่าง ๆ นานา กันแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะเอาเงินโบนัสไปทำอะไรดี ลองมาดูไอเดียนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อยอดให้เติบโตงอกเงยขึ้นกัน
เงินโบนัส คืออะไร?
เงินโบนัส คือ เงินพิเศษที่บริษัท หรือองค์กรมอบให้กับพนักงาน พูดให้เข้าใจง่าย ๆ เหมือนเป็นรางวัล หรือสินน้ำใจที่บริษัทมอบให้นอกเหนือจากเงินเดือนพื้นฐานที่จ่ายเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจ และกระตุ้นพนักงานให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป รวมถึงเป็นการใช้แทนคำขอบคุณที่พนักงานที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี และมีส่วนช่วยสร้างผลประกอบการที่ดี หรือมีกำไรตามที่บริษัทหวังไว้
โดยแต่บริษัทจะมีรอบการจ่ายโบนัสแตกต่างกัน อาจจะเป็นรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือรายปีแล้วแต่นโยบายของบริษัท ยิ่งเราได้เงินโบนัสมาเร็วกว่า เช่น โบนัสออกทุก 6 เดือน ทำให้สามารถนำเงินไปลงทุนต่อยอดได้เร็วขึ้น
4 วิธีต่อยอดเงินโบนัส ยิ่งทำยิ่งมีเพิ่ม
1. ลงทุนในหุ้นไทย หรือหุ้นต่างประเทศ
การลงทุนในหุ้น เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเราจะมีสถานะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเจ้าของบริษัทนั้น ๆ โดยจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างของราคา หรือที่เรียกว่า Capital Gain
การนำเงินต่อยอดด้วยวิธีลงทุนในหุ้น จะเปิดโอกาสให้เงินโบนัสก้อนนี้ของเราเติบโตงอกเงยไปพร้อมกับหุ้นที่เราเลือกลงทุน รวมถึงเมื่อบริษัทที่เราไปลงทุนมีผลประกอบที่ดี มีกำไรดี เรามีโอกาสได้รับเงินปันผลอีกด้วย และหากเรานำเงินปันผลที่ได้มาไปลงทุนต่ออีกจะยิ่งเป็นการเพิ่มเงินลงทุนให้มากขึ้น ทบต้นขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ
เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุน และสนใจลงทุนในธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของบริษัท รับความเสี่ยงได้สูง มีเวลาศึกษาข้อมูลบริษัท
คำแนะนำการลงทุน
สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ยังไม่เคยลงทุนหุ้นมาก่อน แนะนำให้กระจายแบ่งเงินลงทุนในหุ้นหลายตัว ไม่ควรนำเงินทั้งก้อนมากระจุกอยู่ที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่ง อาจจะกระจายลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อกระจายความเสี่ยงในยามที่อาจมีปัจจัยเฉพาะมากระทบกับธุรกิจเดียว หากเรากระจายไปลงทุนในกลุ่มอื่นด้วย พอร์ตลงทุนของเราก็จะไม่เสียหายทั้งหมด หรือสำหรับคนที่มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน สามารถลงทุนแบบ Dollar Cost Average หรือ DCA ได้ เป็นการทยอยลงทุนสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกงวด จะช่วยลดความเสี่ยงในด้าน Market Timing ได้
ข้อควรระวัง
การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง และมีความเสี่ยงที่เงินต้นจะสูญหายได้ รวมถึงความผันผวนของราคาหุ้นจะผันผวนไปตามผลประกอบการของบริษัทที่ลงทุน ตามเศรษฐกิจ และตามปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบโดยเฉพาะกับธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งแต่ละธุรกิจมีความเสี่ยงที่ต่างกันออกไป
ดังนั้น เราควรศึกษาข้อมูลลักษณะธุรกิจ ผลประกอบการบริษัท และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ หากเราไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ จะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมเข้ามาด้วย
2. ลงทุนในกองทุนรวม ผ่าน KMA krungsri app
มือใหม่ที่สนใจอยากลงทุน แต่ไม่มีเวลาศึกษาเรื่องการลงทุนเอง และมีเงินลงทุนน้อย กองทุนรวมคือคำตอบ!
กองทุนรวมเป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนหลากหลาย มีให้เลือกทั้งแบบความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงต่ำ แล้วแต่เราจะรับความเสี่ยงได้ เช่น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ อสังหาฯ ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลบริหารพอร์ตการลงทุนแทนเรา มีเงินน้อยลงทุนได้ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ลดหย่อนภาษีปีนี้ เลือกซื้อกองทุนไหนดี? ธนาคารกรุงศรีฯ แนะนำ 4
กองทุน SSF ปี 2566 ที่น่าลงทุน
เหมาะกับใคร?
เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุนในสินทรัพย์ไหนมาก่อน คนที่มีเงินลงทุนน้อย อยากลงทุนในหลายสินทรัพย์ และลงทุนในสินทรัพย์การลงทุนที่นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ยาก รวมถึงคนที่ไม่มีเวลาศึกษาและติดตามข่าวสารเรื่องการลงทุนเอง
คำแนะนำการลงทุน
แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุน กระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ ซึ่งแนวคิดการจัดพอร์ตที่ง่ายที่สุด คือ จัดพอร์ตลงทุนตามช่วงอายุ โดยใช้สูตร 100 - อายุผู้ลงทุน = สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง (แนวคิด Rule of 100 ของ John Bogle)
ข้อควรระวัง
แม้ว่ากองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนหรือผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้ แต่ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ มาทำความเข้าใจกับความเสี่ยงกองทุนรวมว่ามีอะไรบ้าง แล้วเราจะบริหาร
ความเสี่ยงกองทุนรวมอย่างไรดี ตามมาอ่านต่อกัน
3. ลงทุนในทองคำ
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ลงทุนทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีมูลค่าในตัวเอง หลายคนจึงนิยมลงทุนเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ซื้อง่ายขายคล่อง สามารถเดินเข้าไปซื้อขายที่หน้าร้านขายทองคำได้เลย
นอกจากนี้ในปัจจุบันมีช่องทางให้เลือกลงทุนในทองคำหลากหลายขึ้น เช่น ออมทองคำผ่านแอปฯ ของร้านทอง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ เป็นต้น
เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่ชื่นชอบ อยากสะสมทองคำ รวมถึงคนที่สะสมไว้เพื่อเป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลาน
คำแนะนำการลงทุน
เราอาจจะแบ่งเงินโบนัสมาส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการกระจายการลงทุน ทยอยซื้อทองคำสะสมทีละเล็กละน้อย สะสมไว้เป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลานได้ หรือใช้เป็นหลักประกันได้ หรือหากใครชอบจับจังหวะซื้อ ๆ ขาย ๆ ทองคำทำได้ เพียงแค่นำเงินไปซื้อทองคำมาเก็บสะสมไว้ก่อน เมื่อในอนาคตราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นถึงจุดที่เราพอใจนำทองคำไปขาย แค่นี้เราจะมีเงินเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ข้อควรระวัง
หากมองดูผลตอบแทนย้อนหลังในระยะยาวจะเห็นได้ว่าราคาทองคำปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีบางช่วงที่ราคาปรับตัวลดลง และผันผวน ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับทองคำตามรอบเศรษฐกิจ ดังนั้น การลงทุนในทองคำจึงมีความเสี่ยงเช่นกัน เราจึงควรศึกษาทำความเข้า และรู้จังหวะในการลงทุนทองคำ
4. ลงทุนแบบเซฟ ๆ เก็บเงินไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
ยังมีอีกวิธีลงทุนแบบเซฟ ๆ ด้วยการเก็บเงินในบัญชีเงินฝาก ถือเป็นวิธีเก็บเงินแบบเบสิก และได้สร้างวินัยในการออมเงินด้วย ซึ่งบัญชีเงินฝากมีให้เลือกทั้ง
บัญชีฝากประจำทั่วไป และเงินฝากประจำปลอดภาษี
โดยบัญชีฝากประจำทั่วไป จะต้องฝากเงินตามระยะเวลาที่เราเลือก เช่น 3 / 6 / 12 / 24 / 36 / 48 เดือน วิธีนี้เราจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย จะได้รับดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการออมเงินตามที่เราเลือก
สำหรับการ
ฝากประจำปลอดภาษี ไม่ต้องมีเงินก้อนก็ฝากได้ ฝากเริ่มต้นแค่เดือนละ 500 บาท ทยอยฝากเท่ากันทุกเดือน ระยะเวลาในการฝาก 24 เดือน และ 36 เดือน และดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี
เหมาะกับใคร?
คนที่เป็นสายรับความเสี่ยงได้ต่ำ ไม่กล้าลงทุนเสี่ยงสูง เน้นรักษาเงินต้น และยังเหมาะกับการเก็บเงินของกลุ่มคนวัยใกล้เกษียณ เพื่อเน้นรักษาเงินก้อนที่ไว้รอใช้ในวันที่เกษียณแล้ว
คำแนะนำการลงทุน
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอะไรดี สามารถนำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝากรอไว้ก่อนได้
ข้อควรระวัง
เนื่องจากบัญชีเงินฝากมีระยะเวลาการออมเงินกำหนดไว้แน่นอน จึงเหมาะกับผู้ที่มีเงินก้อน และไม่มีแผนการใช้เงินในช่วงระยะเวลาของการฝากเงิน โดยต้องคงเงินในบัญชีจนครบกำหนด จึงจะได้รับดอกเบี้ย ผู้ฝากสามารถถอนก่อนกำหนดได้แต่จะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารระบุไว้ ดังนั้นเราอาจจะต้องวางแผนบริหารเงินก้อนนี้ให้ดี
สุดท้ายนี้ การนำเงินโบนัสไปลงทุนต่อยอดให้เงินเติบโตงอกเงยถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้น ได้เพิ่มความมั่งคั่งมากขึ้น แต่ก่อนนำเงินโบนัสไปลงทุน อย่าลืมตรวจเช็กสุขภาพการเงินของตัวเอง และบริหารจัดการเงินโบนัสก่อนนำไปใช้จ่ายเสมอ เพื่อจัดสรรเงินก้อนนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด
เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน และจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเมื่อไหร่ หลังจากจัดสรรเงินในส่วนนั้นเสร็จแล้ว ค่อยนำเงินส่วนที่เหลือมาต่อยอดลงทุนยังไม่สายเกินไป หากเรามีการบริหารจัดสรรเงินก้อนได้ดีจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง และมีเงินนำไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตได้อีกด้วย
คำเตือน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต