สินเชื่อกรุงศรี รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยต่ำ กู้เพิ่มได้!

ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก
1.79%*
ประเมินหลักประกัน
ฟรี**
ค่าจดจำนอง
ฟรี***
ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย
0.25%****
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว l อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 3.921% - 5.732% ต่อปี*​****
ให้วงเงินสูงสุด 30 ล้านบาท ผ่อนสบายตั้งแต่ 5 ปี ถึง สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)

*สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ลบ.ขึ้นไป
**ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (วันที่ 1 ก.ย. 68 – 31 ธ.ค. 68)
***ฟรีค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่ซื้อ MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด และเลือกดอกเบี้ยทางเลือกฟรีค่าจดจำนองเท่านั้น
****เฉพาะปีที่ 1 เมื่อซื้อประกัน MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด
*****สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 18 ส.ค. 68 = 6.870% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดดอกเบี้ยและการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ใน Fact sheet คลิก

ตัวอย่างการคำนวณเบื้องต้น
สำหรับวงเงินกู้ที่ผ่อนชำระเป็นงวด 1 ล้านบาท สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 18 ส.ค. 68 = 6.870% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 คิด 1.79% ต่อปี ปีที่ 2 คิด 2.99% ต่อปี ปีที่ 3 คิด MRR-2.93% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MRR-1.50% ต่อปี เลือกผ่อนนาน 30 ปี ค่างวด 6,100 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยทั้งสัญญา 581,728.632 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสัญญา 1,581,728.632 บาท
หมายเหตุ อัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บโดยประมาณการ ทั้งนี้ดอกเบี้ยเรียกเก็บจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้าแต่ละราย ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นไปตามประกาศของธนาคาร

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์

สำหรับผู้ที่วางแผนรีไฟแนนซ์บ้าน นี่คือตัวอย่างการคำนวณยอดเงินกู้คงเหลือ ระยะเวลาการกู้ อัตราการผ่อนชำระ และดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ เมื่อมารีไฟแนนซ์ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  
ยอดเงินกู้คงเหลือ (บาท) ระยะเวลาการกู้ (ปี) ผ่อนaเดือนละ (บาท) ประหยัดbค่าดอกเบี้ยจ่าย
ตลอดสัญญาได้ทั้งสิ้น (บาท)
3,000,000
10 33,500 418,523.46
15 25,600 603,376.27
20 21,800 823,845.04
25 19,600 1,088,736.64
a. คำนวณจากการผ่อนสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 คิด 1.79% ต่อปี ปีที่ 2 คิด 2.99% ต่อปี ปีที่ 3 คิด MRR-2.93% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MRR-1.50% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 18 ส.ค. 68 = 6.870% ต่อปี)
b. คำนวณเปรียบเทียบการผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคารอื่น ด้วยยอดเงินกู้คงเหลือ 3,000,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90% ต่อปี และมีค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนเท่ากันกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา


มองหาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่อัตราดอกเบี้ยยุติธรรม เพื่อช่วยลดภาระในการผ่อนชำระและประหยัดดอกเบี้ย เลือกสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ สนใจสามารถกรอกข้อมูลและรอเจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับได้เลย

ลดค่าดอกเบี้ยมาใช้ประโยชน์ เลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดี ?

ก่อนจะพาทุกคนไปทำความรู้จักรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” เราอยากจะขออธิบายความหมายของคำว่า “สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์” หรือ “Refinance” บ้าน ให้ทุกท่านได้ทราบกันก่อน

การรีไฟแนนซ์บ้าน หมายถึงการยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตัดสินใจย้ายไปผ่อนชำระค่าบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่ถูกลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดอกเบี้ยที่ผ่านการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านลดลง อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนย่อมน้อยลงตามไปด้วย หรือจะเลือกผ่อนชำระเท่าเดิมเพื่อให้หมดภาระเร็วขึ้นด้วยก็ได้ จึงทำให้คุณสามารถผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้ผ่อนคลายมากขึ้น

สินเชื่อประเภทนี้สามารถใช้เพื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือรีไฟแนนซ์คอนโด รวมทั้งยังมีสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกู้เพิ่มวงเงินได้ให้เลือกใช้บริการด้วย และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมขอวงเงินเพิ่มที่ไหนดี เรามีรายละเอียดของ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าทุกคนมาบอกกัน
 

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านกู้เพิ่มได้

  • ช่วยลดภาระค่าดอกเบี้ยได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในปัจจุบัน มักต่ำกว่าสินเชื่อบ้านเดิม อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนจึงน้อยลง ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี หรือหากเลือกผ่อนชำระเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้น ทำให้หมดภาระเร็วขึ้น
  • ได้เงินก้อนส่วนเพิ่มนำไปหมุนเวียน เราสามารถขอวงเงินเพิ่มจากมูลค่าหลักประกันที่เราผ่อนชำระไปแล้วพร้อมกับการรีไฟแนนซ์ได้ เช่น ยอดเงินกู้สินเชื่อบ้านที่ธนาคารเดิมคือ 3,000,000 บาท ผ่อนชำระไป 3 ปี เงินต้นคงเหลือ 2,500,000 บาท หากมีคุณสมบัติเหมาะสมและผ่านเกณฑ์พิจารณาของธนาคาร ก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และบริหารการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เช่น การเคลียร์ภาระหนี้สิน ชำระปิดหนี้บัตรเครดิต รีโนเวทบ้าน หรือเก็บเป็นเงินก้อนสำรอง เผื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์บ้านและขอกู้เพิ่ม ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง เช่น ค่าประเมินบ้าน ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอน แต่หากดำเนินการทำเรื่องกับธนาคารกรุงศรี เรามีข้อเสนอดี ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดมากมาย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์แน่นอน

ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำก่อนผ่อนชำระครบ 3 ปีได้ไหม คำตอบคือ สามารถทำได้ แต่ผู้ที่ประสงค์ทำการรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ จะต้องสอบถามข้อมูลจากธนาคารเดิมก่อนว่า มีเงื่อนไขใดบ้างที่ระบุไว้ในสัญญา กรณีรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี เช่น ค่าธรรมเนียม 3% ของยอดหนี้คงเหลือ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบเรื่องอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน การขอลดดอกเบี้ย และการกู้เพิ่มวงเงินให้ดี ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้กู้เอง
 

สามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม ?

การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำกับธนาคารเดิมได้ แต่จะเรียกว่า Retention Program ซึ่งช่วยให้ผู้กู้ขอลดดอกเบี้ยเพื่อได้รับอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำลง หรือเงื่อนไขการผ่อนชำระที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารจะพิจารณาจากประวัติการผ่อนชำระ วงเงินคงเหลือ และเครดิตของผู้กู้ หากเงื่อนไขเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ผู้กู้สามารถดำเนินการรีไฟแนนซ์ภายในธนาคารเดิมได้โดยไม่ต้องย้ายสถาบันการเงิน ซึ่งอาจช่วยลดขั้นตอนเอกสารและค่าใช้จ่ายในการโอนหนี้ใหม่ได้เป็นอย่างดี

สมัครสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์

This site is protected by reCAPTCHA and the Google
Privacy Policy and Terms of Service apply.

รายละเอียด

  • บุคคลธรรมดา ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 – 65 ปี
  • พนักงานประจำที่มีอายุงานรวมที่ทำงานเดิมและปัจจุบันตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป (งานปัจจุบันต้องผ่านการทดลองงานแล้ว)
  • ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวและประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
  • ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้กู้และสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ได้
ประเภท จำนวนเงินที่เรียกเก็บ ช่องทางการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกัน
(วงเงินกู้รวมต่อหลักประกันไม่เกิน 100 ล้านบาท)
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ฟรี ! 3,210 บาท ต่อหลักประกัน
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หากเกินกว่านี้ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบ
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
เบี้ยประกันอัคคีภัย
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
ตามอัตราของบริษัทประกัน ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
เพื่อสาขาทำการโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทประกันภัย
ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
ค่าอากรแสตมป์
(เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
คิด 0.05% ของวงเงินกู้
(ไม่เกิน 10,000 บาท)
ชำระโดยเงินสด, เงินโอน, เช็ค
หรือยินยอมให้ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
(ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา)
ค่าจดจำนอง
(เรียกเก็บ ณ วันจดจำนองที่กรมที่ดิน)
คิด 1% ของทุนจำนอง  
ค่าเบี้ยปรับกรณีปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด
(เมื่อลูกค้ารีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นภายใน 3 ปีแรก นับจากวันทำสัญญา)
คิด 3% ของยอดหนี้คงเหลือ -
ช่องทางการสมัคร

สาขาทั่วประเทศ (ในวันทำการ)

ค้นหาสาขา

ติดต่อทีมสินเชื่อบ้านกรุงศรี

โทรศัพท์ : 1572

เอกสารประกอบการสมัคร

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส/ หย่า/ ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาใบมรณบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
  • สำเนาใบประกอบวิชาชีพที่ถือไม่น้อยกว่า
    2 ปี และยังไม่หมดอายุ สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ(ถ้ามี)
กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
  • หนังสือรับรองการทำงาน หรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) (สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • หนังสือรับรองโบนัสประจำ (ถ้ามี)
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
  • แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (50 ทวิ และ ภงด.90/91) พร้อมใบเสร็จการชำระภาษีย้อนหลัง 2 ปี
กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
  • สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
  • สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
  • สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)
  • ใบอนุญาตปลูกสร้าง / หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14 )
  • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (กรณีถ้ามีสัญญาเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอื่นและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ)
  • แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
  • สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม
  • สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด

ดาวน์โหลดเอกสาร

 
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. 68 – 31 ธ.ค. 68
PDF
 
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ อาคารพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. 68 – 31 ธ.ค. 68
PDF

คำถามที่พบบ่อย

สามารถลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกที่นี่
สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การรับโอนหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นมาอยู่กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 95 % ของราคาประเมิน
  • หลักประกันประเภทอาคารพาณิชย์ : สูงสุด 95% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าไถ่ถอนจำนองมาจากสถาบันการเงินอื่นมายื่นกู้กับธนาคารกรุงศรีฯ จะเสียค่าธรรมเนียมตามประกาศของธนาคาร
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน KMA krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร KMA และการชำระเงิน คลิก
สามารถลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คลิกที่นี่
สามารถยื่นกู้ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Krungsri Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
เอกสารประกอบการสมัครที่ใช้ในการสมัคร มี 3 ส่วนหลัก ได้แก่
  • เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน)
  • เอกสารแสดงรายได้ (เช่น สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน)
  • เอกสารทางด้านหลักประกัน (เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย) สามารถตรวจสอบได้ตามประเภทของการขอสินเชื่อนั้น ๆ
สามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 3 คน (รวมผู้กู้หลักเป็น 4 คน) ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้หลัก เช่น เป็นสามี ภรรยา พี่น้องท้องเดียวกัน หรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตร เป็นต้น
ได้
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องชำระมีดังนี้
  • ค่าอากรแสตมป์ (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา) คิด 0.05 % ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย ตามอัตราของบริษัทประกัน (เรียกเก็บก่อน หรือ ณ วันทำนิติกรรมสัญญา)
การรับโอนหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นมาอยู่กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาทขึ้นไป
  • หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และห้องชุดพักอาศัย: สูงสุด 95 % ของราคาประเมิน
  • หลักประกันประเภทอาคารพาณิชย์ : สูงสุด 95% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาการกู้ : สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ลูกค้าไถ่ถอนจำนองมาจากสถาบันการเงินอื่นมายื่นกู้กับธนาคารกรุงศรีฯ จะเสียค่าธรรมเนียมตามประกาศของธนาคาร
ลูกค้าสามารถชำระค่างวดผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ได้แก่ ชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชำระโดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ผ่านบัญชีเงินฝากของ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชำระผ่าน KMA krungsri app ชำระผ่านทางอินเทอร์เน็ต Krungsri Online และชำระผ่าน ตู้ ATM นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเพิ่มช่องทางการชำระอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ และชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส

โปรดศึกษาวิธีการสมัคร KMA และการชำระเงิน คลิก

บทความที่เกี่ยวข้อง

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมยังไงให้คุ้ม คนกู้บ้านต้องรู้
รอบรู้เรื่องบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมยังไงให้คุ้ม คนกู้บ้านต้องรู้

หากคุณกำลังผ่อนบ้านและรู้สึกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่สูงเกินไป หรืออยากได้เงื่อนไขการผ่อนที่ช่วยให้สบายกระเป๋ามากขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้าน คือคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือการเปลี่ยนธนาคารใหม่ ลองนึกภาพการผ่อนบ้านที่สบายกระเป๋าขึ้น พร้อมดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกรีไฟแนนซ์บ้านให้ได้ผลดีที่สุด ให้คุณผ่อนบ้านได้อย่างเบาใจและคุ้มค่ากว่าที่เคย <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</a></li> <li><a href="#title-2">ตัวอย่างคำนวณการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-3">ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-4">ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน</a></li> <li><a href="#title-5">เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์ให้ง่ายขึ้น</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</h2> </div> ใครที่สนใจกู้ซื้อบ้านควรรู้จักกับคำว่า &lsquo;รีไฟแนนซ์บ้าน&rsquo; ว่าคืออะไร บ้านยังผ่อนไม่หมดรีไฟแนนซ์ได้ไหม หรือรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมได้ไหม ลองไปอ่านกันเลย<br /> <br /> รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอสินเชื่อใหม่เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อบ้านเดิม โดยผู้กู้สามารถเลือกที่จะรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ แต่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์บ้าน ได้แก่สถาบันการเงินใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าของสินเชื่อบ้านเดิม เพื่อช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเองหากเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม จะเรียกว่าเป็นการลดดอกเบี้ยหรือ Retention การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดภาระทางการเงินได้อย่างมาก<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>ตัวอย่างคำนวณการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> เช่น สมมติ ปัจจุบันนาย ก. ผ่อนบ้านราคาสองล้านบาท เป็นเวลา 20 ปี รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาเท่ากับสองล้านห้าแสนบาท นั่นคือเงินต้น (2,000,000 บาท) + ดอกเบี้ย (2,500,000 บาท) = 4,500,000 บาท จึงตัดสินใจเลือกรีไฟแนนซ์ โดยเลือกให้ระยะเวลาการผ่อนสิ้นสุดตามสัญญาเดิม (17 ปี) ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเงินต้น + ดอกเบี้ย = 3,750,000 บาท<br /> <br /> ทั้งหมดนี้ เป็นตัวเลขสมมติแต่คงช่วยให้คุณเห็นภาพได้แล้วว่าการรีไฟแนนซ์นั้น สามารถช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น มีโอกาสประหยัดเงินได้นับแสนบาท<br /> <br /> สมการข้างต้นอาจดูเรียบง่าย แต่ถ้าสนใจรีไฟแนนซ์บ้านจริงๆ จะยุ่งยากหรือไม่และต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาทำความเข้าใจขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านกันดีกว่า<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. ตรวจสอบสัญญากู้บ้าน </strong></span></h3> บ้านยังผ่อนไม่หมด อยากรีไฟแนนซ์ทำได้ไหม คำตอบคือ ได้แน่ ๆ โดยขั้นแรกควรตรวจสอบสัญญากู้บ้านว่าผ่อนไปแล้วกี่ปี ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนดให้สามารถเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนไปแล้ว 3 ปี<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. เลือกธนาคารที่ใช่</strong></span></h3> เป็นข่าวดี เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีให้เลือกมากกว่า 100 โปรโมชั่น ซึ่งเรื่องของดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ธนาคาร เราไม่ต้องกังวลว่าบ้านยังผ่อนไม่ไหมดจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม จะผ่านหรือเปล่าในตอนนี้ ให้เราต้องนำข้อมูลการยื่นขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ของหลาย ๆ ธนาคารมาเทียบกัน ถ้าเลือกดี ๆ จะได้ธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้นับแสนบาทเลยทีเดียว และอีกเรื่องที่สำคัญ คือธนาคารที่เราจะเลือกใช้บริการ Refinance นั้น เราสะดวกในการเข้าไปติดต่อทำธุรกรรมหรือไม่<br /> <br /> ลงทุนใช้เวลาสักหน่อยในการเลือกธนาคารที่จะรีไฟแนนซ์ ลองดู<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/refinance" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'Refinance'});" target="_blank">โปรโมชันจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา</a>เป็นทางเลือกในการตัดสินใจ เพื่อจะได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด<br /> <br /> สำหรับคำถามที่ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม? คำตอบคือสามารถทำได้ หากไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร เราสามารถยื่นขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลดดอกเบี้ยบ้านโดยไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. เตรียมเอกสาร</strong></span></h3> สิ่งสำคัญที่จะทำให้การรีไฟแนนซ์สำเร็จ คือการเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้าน นั้นคล้ายการยื่นกู้บ้านใหม่อีกรอบ ซึ่งเอกสารที่แต่ละธนาคารต้องการมักจะคล้ายกัน มาดูกันว่าต้องเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรบ้าง<br /> &nbsp; <strong>1. เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล</strong><br /> เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลของผู้กู้ ใช้เพื่อยืนยันตัวตนกับธนาคาร <ul> <li>สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ</li> <li>สำเนาทะเบียนบ้าน</li> <li>สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)</li> <li>สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)</li> <li>สำเนาใบมรณะบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)</li> </ul> <br /> <strong>2. เอกสารแสดงหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์</strong> <ul> <li>สำเนาแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด</li> <li>ใบอนุญาติปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่นสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือสัญญาให้ที่ดิน ทด.14</li> <li>สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน</li> <li>สำเนาสัญญากู้เงินธนาคารเดิม</li> <li>สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด</li> <li>แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป</li> </ul> <br /> <strong>3. เอกสารแสดงรายได้</strong><br /> แบ่งประเภทของผู้มีรายได้เป็น 2 แบบด้วยกัน ซึ่งถ้ามี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/payroll" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'payroll'});" target="_blank">บัญชีเงินเดือน</a>กับธนาคารกรุงศรีก็จะมีสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมด้วย <ol> <li>สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ</li> </ol> <ul style="margin-left: 20px;"> <li>สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน(ตัวจริง)</li> <li>รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน</li> <li>สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)</li> </ul> <ol start="2"> <li>สำหรับบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจส่วนตัว</li> </ol> <ul style="margin-left: 20px;"> <li>สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า</li> <li>สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม</li> <li>สำเนา<a class="Text-link" href="https://www.krungsrionline.com/BAY.KOL.WebSite/Common/Login.aspx" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'Login'});" target="_blank">รายการเดินบัญชี</a>ย้อนหลัง 6&nbsp;เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)</li> <li>สำเนา ภ.พ. 30 (ถ้ามี)&nbsp;</li> </ul> *ในทั้ง 2 ประเภท ถ้ามีผู้กู้ร่วมก็ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารแสดงรายได้ดังกล่าวด้วยเช่นกัน สำหรับการ รีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งสำคัญคือการเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการรีไฟแนนซ์ผ่านไปได้อย่างราบรื่น และช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดจากธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>4. ยื่นขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน </strong></span></h3> หลังจากที่คุณยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์แล้ว ทางธนาคารก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาหลักประกันของเราเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่ที่เราเลือกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราติดต่อธนาคารเดิมเพื่อสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอน<br /> <br /> สำหรับขั้นตอนการไถ่ถอน แม้ว่าเราจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมไม่ได้ แต่ธนาคารเดิมอาจจะเสนอการลดดอกเบี้ยให้เรา แต่จะเปลี่ยนใจเราได้ไหม เราจะต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและข้อเสนอทั้งหมดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านต่อหรือไม่<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>5. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน </strong></span></h3> เมื่อคุณตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคารใหม่จะนำสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน ในวันเดียวกับการไปทำสัญญาจำนอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่เสร็จสิ้นการรีไฟแนนซ์บ้าน<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> <center><img alt="ขั้นตอนยื่นขอสินเชื่อการรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/ec469e4f-4121-4d5d-941e-1b00913d6060/home-loan-refinance-1.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> <br /> หากว่าบ้านยังผ่อนไม่หมด แต่ต้องการรีไฟแนนซ์ และเลือกธนาคารได้แล้ว และได้ผลการขอสินเชื่อว่ารีไฟแนนซ์ได้ไหมมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งควรทำต่อไปคือ คำนวณค่าใช้จ่ายหักลบกับเงินที่ประหยัดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์บ้าน ว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงหรือเปล่า โดยส่วนมากค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านใหม่ มาดูว่าปกติแล้วมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง <ul> <li>ค่าประเมินราคา (อาจมีค่าใช้จ่าย หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน)</li> <li>ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้</li> <li>ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน(ไม่เกิน 10,000 บาท)</li> <li>ประกันอัคคีภัย (โดยปกติต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมาย)</li> <li>ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร</li> </ul> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-5"> <h2>เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์กับธนาคารเป็นเรื่องง่าย</h2> </div> หากคุณบ้านยังผ่อนไม่หมด และต้องการลดค่าใช้จ่าย การรีไฟแนนซ์บ้านอาจเป็นทางออกที่ดีแต่กังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม ควรเริ่มจากการพิจารณารายได้ของเราว่ามี้เพียงพอที่พอผ่อนชำระในแต่ละเดือนหรือไม่ นอกจากนี้ หากคุณมีหลักทรัพย์เพิ่มจากเดิมและยังมีการผ่อนชำระอยู่ อาจทำให้ให้การรีไฟแนนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่สามารถทำได้ไม่ง่ายนัก และที่สำคัญที่ต้องไม่ลืมคือ การตรวจสอบสถานะเครดิตบูโรของเรายังดีอยู่หรือเปล่า ซึ่งสิ่งนี้มีผลโดยตรงต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ของธนาคาร<br /> <br /> นอกจากนั้นเราก็สามารถนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร มาทำการรีไฟแนนซ์บ้านผ่อนกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่ายังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะทำให้เราผ่อนบ้านได้หมดไวแล้วยังมีเงินเหลือเอาไป<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/investments/investment-knowledge" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Text-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'funds'});" target="_blank">ต่อยอดในการลงทุน</a>ได้อีกด้วย ดังนั้น ใครกำลังมองหาวิธีลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน อยากประหยัดเงิน บ้านยังผ่อนไม่หมด ไม่ต้องกังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม มาปรึกษาเราเลย<br /> &nbsp; <center><a href="https://www.krungsri.com/th/calculator/home-calculator/borrowing-power-caculator" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'Banner-Click','event_action':'home-loan-refinance','event_label':'plan-buy-home-refinance'});" target="_blank"><img alt="เครื่องมือคำนวณวางแผนรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/b6d67380-e03a-46f9-8b56-af7af7f73ea6/home-loan-refinance-2.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></a></center> <br /> บทความโดย<br /> ปริตา ธิติปรีชาพล<br /> กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล<br /> ธนาคารกรุงศรีอยุธยา <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style> <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style>
ks-coach
4 Min Read
share
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?
รอบรู้เรื่องบ้าน

รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? รวมทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ

การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ อะไร? มาทำความเข้าใจกันดีกว่า รีไฟแนนซ์บ้านเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับการผ่อนบ้านให้หมดเร็วยิ่งขึ้นที่ลดทั้งเงินต้น ลดทั้งดอกเบี้ย หากคุณอยากปลดภาระทางการเงินอย่างรวดเร็ว และผ่อนบ้านแบบสบาย ๆ ไม่ควรพลาดการรีไฟแนนซ์บ้านโดยบทความนี้จาก Plan Your Money ได้รวบรวมทุกขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านอย่างละเอียดเอาไว้แล้วในบทความนี้<br /> &nbsp; <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร </a></li> <li><a href="#title-2">ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน </a></li> <li><a href="#title-3">8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง </a></li> <li><a href="#title-4">สรุป</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร</h2> </div> การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอเงินกู้จากธนาคารใหม่เพื่อปลดภาระเงินกู้จากธนาคารเก่า ซึ่งกระบวนการนี้เกิดจากการเปรียบเทียบสถาบันทางเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม การรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้ลดภาระหนี้และภาระค่าผ่อนต่อเดือน ทำให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน</h2> </div> ผู้ขอสินเชื่อผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมเดือนละ 20,000 บาท ในสัญญาเดิม ต้องหักดอกเบี้ย 13,000 บาท และหักเงินต้นเพียง 7,000 บาท แต่เมื่อตัดสินใจรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่แล้ว จะพบว่าเหลือหักดอกเบี้ย 7,000 บาท และหักเงินต้น 13,000 บาท ซึ่งอัตตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะช่วยให้ค่าผ่อนบ้านลดลงและสามารถผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นอีก <center><br /> <img alt="วิธีและขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน" class="img-fluid" src="/getmedia/78b7ed3e-b866-471d-9d10-7d851280017f/8-steps-to-refinance-your-home-01.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง</h2> </div> สำหรับขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับการยื่นกู้ซื้อบ้าน แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยมีขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนี้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. พิจารณาธนาคารเดิมกับธนาคารใหม่</strong></span></h3> หากลังเลว่าอยากให้ลดดอกเบี้ยลง แต่ไม่อยากเปลี่ยนธนาคาร คุณสามารถทำได้โดยติดต่อธนาคารเพื่อลดดอกเบี้ยให้ (Retention) อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์ และดอกเบี้ยที่ธนาคารใหม่เสนอให้<br /> <br /> โดยข้อดีในการลดดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการ ลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ แต่ข้อเสีย คือ ส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยที่ได้ลดจะน้อยกว่าธนาคารใหม่ที่เสนอให้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ขอสินเชื่อว่าต้องการแบบไหน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. ตรวจสอบสัญญาการกู้</strong></span></h3> สำหรับใครที่ตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำ คือการตรวจสอบสัญญาว่า กำหนดการที่สามารถให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะอนุญาตให้รีไฟแนนซ์ได้หลังผ่อนชำระครบ 3 ปี แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อน ทางผู้กู้จะต้องชำระค่าปรับให้กับทางธนาคาร<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ </strong></span></h3> ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือจากสถาบันทางเงินเดิม เพื่อสรุปยอดหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเลือกธนาคารใหม่ ผ่านการนำยอดหนี้ที่คงเหลือไปคำนวณกับข้อเสนอที่ธนาคารมอบให้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>4. มองหาธนาคารที่เหมาะสม </strong></span></h3> หลังจากทราบข้อมูลแล้ว ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านต่อมา คือการมองหาธนาคารใหม่ที่เหมาะสมในการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยพิจารณาข้อเสนอในเรื่องของดอกเบี้ยและระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันให้เลือกมากมาย หากใครที่สนใจการรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถศึกษา<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/refinance" onclick="dataLayer.push({'event':'track_event','event_category':'article','event_action':'click_Text','event_label':'โปรโมชันรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา'});" target="_blank">โปรโมชันรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา</a> เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการตัดสินใจเลือกธนาคารที่ดีที่สุดได้ <center><br /> <img alt="เอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมอะไรบ้าง" class="img-fluid" src="/getmedia/c0a3b4bb-14cb-427a-a2ab-6e3bb3a8e684/8-steps-to-refinance-your-home-02.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>5. เตรียมเอกสารให้พร้อม </strong></span></h3> สำหรับเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการทำสัญญา เพราะการรีไฟแนนซ์จะคล้ายกับการยื่นกู้ซื้อบ้านใหม่อีกรอบ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ <ol> <li><strong>เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล</strong> เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านและทะเบียนสมรส เป็นต้น</li> <li><strong>เอกสารแสดงรายได้</strong> เช่น สลิปเงินเดือน และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เป็นต้น</li> <li><strong>เอกสารหลักประกัน</strong> เช่น โฉนดที่ดินและสัญญาเงินกู้จากธนาคารเดิม เป็นต้น</li> </ol> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>6. ยื่นขอสินเชื่อสำหรับการรีไฟแนนซ์ </strong></span></h3> หลังเตรียมเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอสินเชื่อสามารถเข้าไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ โดยเมื่อธนาคารรับเรื่องแล้วจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินราคาหลักประกันเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วทางธนาคารจะติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสอบถามหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนต่อไป<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>7. เตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ </strong></span></h3> เมื่อธนาคารแห่งใหม่อนุมัติสินเชื่อแล้ว ลำดับต่อมาที่ผู้ขอสินเชื่อต้องเตรียม คือการเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านแบบปกติ โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมมีดังนี้ <ul> <li>ค่าประเมินราคา ประมาณ 2-3 พัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคาร</li> <li>ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้</li> <li>ค่าประกันอัคคีภัย</li> <li>ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)</li> <li>ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร</li> </ul> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>8. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน </strong></span></h3> สำหรับการทำสัญญา ทางธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมกับการทำสัญญาจดจำนองในวันเดียวกัน หลังทำสัญญาและจดจำนองเรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการรีไฟแนนซ์<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>สรุป</h2> </div> ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านมีด้วยกัน 8 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบสัญญาการกู้ การเลือกธนาคารไปจนถึงการเตรียมเอกสารยื่นรี ไฟแนนซ์บ้าน ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน ผู้ขอสินเชื่อควรศึกษาและหาธนาคารที่เหมาะสมที่สุด เพราะแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันที่แตกต่างกัน <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
5 Min Read
share
วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นภายใน 10 ปี จบหนี้ไว ไร้กังวล
รอบรู้เรื่องบ้าน

วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นภายใน 10 ปี จบหนี้ไว ไร้กังวล

<ul> <li><a href="#title-2">จะผ่อนบ้านยังไงให้หมดไว เพื่อให้หนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว ?<!--</a--></a></li> </ul> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2><a href="#title-2">การผ่อนบ้าน สามารถคำนวณได้อย่างไร</a></h2> </div> ถ้าเรากู้ธนาคาร 1,000,000 บาท เราต้องผ่อนธนาคารประมาณ 6,000 บาท จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยที่ทางธนาคารคิดกับเรา สมมติว่าเราได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 6% ต่อปี เป็นระยะเวลา 30 ปี<br /> <br /> ถ้าเราลองคำนวณตัวเลขคร่าว ๆ ดู 6,000 บาท x 12 เดือน จะเท่ากับ 72,000 บาท หมายความว่า เราจะผ่อนเท่ากับ 72,000 บาทต่อปี แล้วถ้าเรา เอา 72,000 x 30 ปี จะได้เท่ากับ 2,160,000 บาท นั่นแปลว่าถ้าเรากู้ 1,000,000 บาท แต่เงินที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคารจะเท่ากับ 2,160,000 บาท ส่วนที่เพิ่มนั้นเราเรียกกันว่า &quot;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/calculate-your-mortgage" target="_blank">ดอกเบี้ย</a>&quot; ซึ่งเรียกได้ว่าเราจะจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นที่เรายืมมาอีกทีก็ไม่ผิดนัก<br /> <br /> ตรงนี้เราต้องเข้าใจก่อน เวลาที่เราผ่อนจ่ายให้กับธนาคารไปในแต่ละงวดนั้น เงินจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือ &quot;ชำระดอกเบี้ย&quot; ส่วนที่สองก็คือ &quot;ชำระเงินต้น&quot;<br /> <br /> งวดแรกที่เราผ่อนชำระ 6,000 บาทไป โดยที่เราเป็นหนี้ธนาคารอยู่ 1,000,000 บาท เราจะมีภาระดอกเบี้ยเท่ากับ 1,000,000 x 6% /12 เดือน จะเท่ากับ 5,000 บาท นั่นแปลว่า เงินที่เราจ่ายธนาคารไปทุกเดือนนั้นจะเป็นการชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท แล้วชำระคืนเงินต้นเพียง 1,000 บาทเท่านั้นเอง<br /> <br /> ส่วนในเดือนที่ 2 เราก็จ่ายอีก 6,000 บาท ภาระดอกเบี้ยเราจะเหลือ 990,000 x 6%/12 เดือนก็จะเท่ากับ 4,950 บาท แล้วจะไปชำระคืนเงินต้น 1,050 บาท<br /> <br /> เราจะเห็นได้ว่าช่วงแรกของการผ่อนชำระเงินกู้บ้าน มากกว่า 70-80% ของเงินผ่อนจะเป็นการชำระคืนดอกเบี้ยทั้งหมดเลยทำให้ยอดหนี้รวมที่เราอยู่กับธนาคารนั้นลดไปอย่างช้า ๆ ซึ่งนั่นก็จะทำภาระดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้นไปด้วย<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>จะผ่อนบ้านยังไงให้หมดไว เพื่อให้หนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว ?</h2> </div> <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. การโปะบ้าน</strong></span></h3> วิธีการหนึ่งที่จะช่วยทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงและทำให้เราผ่อนบ้านให้หมดไว ปิดหนี้ได้เร็วมากขึ้นนั้นก็คือ &quot;การโปะ&quot; หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการชำระคืนในแต่เดือนให้มากกว่าเงินงวดปกติ หรือกรณีนี้ คือ มากกว่า 6,000 บาทต่อเดือน เพราะเงินที่จ่ายหรือโปะเพิ่มเข้าไปนั้นจะไปหักเงินต้น 100% ก็จะทำให้ยอดหนี้เราลดลงเร็วมากขึ้น แล้วก็จะทำให้เราโดนคิดดอกเบี้ยน้อยลง ง่าย ๆ ว่าถ้าเราจ่ายเป็น 2 เท่าจากยอดปกติที่เราคุยกับธนาคารไว้จะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดภายใน 10 ปี จากเดิมที่วางเอาไว้ที่ 30 ปี ซึ่งเร็วขึ้น 20 ปีเลยทีเดียว<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. การรีไฟแนนซ์บ้าน</strong></span></h3> อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ภาระดอกเบี้ยเราลดลงได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ การทำ <b>&quot;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/refinance-howto-most-efficiently" target="_blank"><strong>รีไฟแนนซ์</strong></a> (Refinance)&quot;</b> เพราะเดี๋ยวนี้เวลาที่เราขอกู้ธนาคารจะมีช่วงที่เรียกว่าช่วงโปรโมชัน &quot;ดอกเบี้ยต่ำ&quot; ช่วง 2-3 ปีแรก หลักการก็คือ เมื่อหมดช่วงโปรแล้วเราโดนคิดดอกเบี้ยเต็ม ๆ เมื่อไหร่ ก็ให้เราไปติดต่อธนาคารอื่น ๆ เพื่อขอกู้ใหม่แล้วนำเงินมาปิดหนี้กับที่เดิมเพื่อให้เราได้ช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำไปเรื่อย ๆ ณ ปัจจุบันดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่นจะอยู่แถว ๆ 3.5% โดยเฉลี่ย แต่ถ้าหมดช่วงโปรแล้วดอกเบี้ยจะดีดขึ้นไปอยู่แถว ๆ 5-6% นั่นเอง<br /> <br /> วิธีการรีไฟแนนซ์ แนะนำว่าทุกคนควรทำ เพราะแค่เราย้ายที่กู้เรื่อย ๆ ก็จะทำให้เราลดภาระดอกเบี้ยได้ด้วยการที่เราผ่อนชำระด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม แต่เราสามารถรักษาช่วงโปรโมชั่นได้ตลอดก็จะช่วยทำให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นจากเดิม 30 ปี จะเหลือแถว ๆ 20 ปีเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราทั้งโปะ 1 เท่า แถมรีไฟแนนซ์ตลอดจะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดไวภายในระยะ 8-9 ปีเท่านั้น !<br /> &nbsp; <div class="table-responsive"> <table border="1" cellpadding="0" cellspacing="0" class="table table-striped responstable" style="border-color: rgb(162, 162, 162); width: 100%;" width="679"> <tbody> <tr> <td style="background-color: rgb(113, 95, 95); text-align: center; vertical-align: middle;"><span style="color:#ffffff;"><strong>ลักษณะการผ่อน</strong></span></td> <td style="background-color: rgb(113, 95, 95); text-align: center; vertical-align: middle;"><span style="color:#ffffff;"><strong>ระยะเวลาผ่อน</strong></span></td> </tr> <tr> <td style="text-align: center;">ผ่อนตามแผน</td> <td style="text-align: center;">30 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ผ่อนตามแผน + โปะ 1 เท่า</td> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">10 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center;">ผ่อนตามแผน + รีไฟแนนซ์เรื่อย ๆ<br /> <span style="font-size:12px;">***ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน***</span></td> <td style="text-align: center;">ประมาณ 20 ปี</td> </tr> <tr> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ผ่อนตามแผน + โปะ 1 เท่า + รีไฟแนนซ์เรื่อย ๆ<br /> <span style="font-size:12px;">***ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน***</span></td> <td style="text-align: center; background-color: rgb(236, 233, 233);">ประมาณ 8-9 ปี</td> </tr> </tbody> </table> </div> พอเรารู้วิธีการผ่อนบ้านยังไงให้หมดจบเร็วแล้ว ปัญหาอีกเรื่องนึงที่ต้องเจอกันทุกคนอย่างแน่นอนก็คือ &ldquo;เราจะเลือกกู้กับธนาคารไหนดี&rdquo; ตรงนี้ต้องแนะนำว่าเราสามารถเลือกง่าย ๆ ก็แค่ดูว่า &quot;ดอกเบี้ย&quot; ที่ไหนที่ต่ำที่สุดก็เลือกธนาคารนั้นเป็นหลักได้เลย วิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจว่าดอกเบี้ยที่ได้ต่ำที่ถูกเราต้องขยันเดินเข้าไปสอบถามหลาย ๆ ธนาคารหน่อยแล้วล่ะ เพราะบางครั้งบางธนาคารก็มีโปรเด็ด ๆ ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าที่อื่น ซึ่งอาจจะมีดอกเบี้ยช่วงโปรต่ำกว่าถึง 0.5-1% ต่อปีเลยก็มีให้เห็นเหมือนกัน แต่การเปรียบเทียบว่าดอกเบี้ยที่ได้ต่ำที่สุด เราต้องดู &ldquo;ดอกเบี้ยเฉลี่ย&rdquo; ตลอดช่วงเวลาก่อนที่เรามารถรีไฟแนนซ์ได้อีกรอบ ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยช่วงโปรโมชัน<br /> <br /> แต่ถ้าที่ทำงานใครมีสวัสดิการร่วมกับธนาคารเรื่องการกู้ซื้อบ้าน จริง ๆ เราอาจจะลองพิจารณาตรงนั้นเป็นพิเศษก็ได้เหมือน เพราะเราอาจจะได้ดอกเบี้ยพิเศษถูกกว่าไปกู้เองหรืออาจจะช่วยให้อนุมัติง่าย อนุมัติเร็ว ก็เป็นไปได้เช่นกัน ลองปรึกษาฝ่ายบุคคลที่บริษัทดูก่อนด้วยทุกครั้ง ถือว่าเป็นสวัสดิการที่เราสามารถใช้ได้นั้นเอง <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px;} </style> <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400;} </style>
ks-coach
3 Min Read
share