บทนำ
ในยุคที่โลกต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เทคโนโลยีล้ำสมัยได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ และเตรียมความพร้อมให้มนุษย์สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ทั้งในชีวิตประจำวัน การทำงาน ตลอดจนยังช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกด้วย โดยสำหรับปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง วิจัยกรุงศรีมองว่าเทคโนโลยียุคใหม่ที่น่าจับตามองจะอยู่ใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น 2) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ที่เรียนรู้และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดขึ้น 3) เทคโนโลยีชีวภาพที่ปฏิวัติสุขภาพของมนุษย์ให้ดีขึ้น และ 4) เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนและพลังงานสะอาดที่จะช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้น
เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถกำหนดทิศทางของโลกในอนาคตซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกคนในสังคม ดังนั้น เราจึงควรติดตามแนวโน้มของเทคโนโลยีเหล่านี้ และทำความเข้าใจการประยุกต์ใช้ตลอดจนผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่และพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย
1. เครือข่าย 6G เทคโนโลยีแห่งอนาคต
วิวัฒนาการของเครือข่ายไร้สาย
ในยุคที่เครือข่ายสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมและวิถีชีวิตของผู้คนให้ก้าวหน้า วิวัฒนาการของเครือข่ายทุกๆ รุ่น หรือ "Generation (G)" จึงไม่ใช่แค่การ “อัพเกรด” เทคโนโลยี แต่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงของวิธีที่มนุษย์สื่อสารพร้อมกันไปด้วย จากยุค 1G (First Generation) ที่เริ่มต้นในประเทศไทย ราวปี 2529 เป็นจุดเริ่มต้นของโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเน้นการสื่อสารด้วยเสียง จึงใช้งานได้เพียงการโทรออกและรับสายเท่านั้น พัฒนาเป็นยุค 2G (Second Generation) ในปี 2533 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเอื้อให้สามารถส่งข้อความสั้นๆ ได้ ตามมาด้วยยุค 3G (Third Generation) ในปี 2555 ที่เป็นยุคเริ่มต้นของสมาร์ทโฟน จนมาถึงยุค 4G (Fourth Generation) ในปี 2559 ที่เกิดแอปพลิเคชันใช้งานบนสมาร์ทโฟนอย่างมากมายพร้อมกับข้อมูลมัลติมีเดียที่ส่งผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และยุค 5G (Fifth Generation) ในปี 2564 ที่รองรับอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เทคโนโลยีอย่างเมืองอัจฉริยะ ยานยนต์ไร้คนขับ ฯลฯ ไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการอีกต่อไป
พัฒนาการต่อไปของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
ในยุค 6G เราจะได้เห็นการสื่อสารไร้สายแบบใหม่ที่มีอัตราการส่งข้อมูลสูงขึ้น 50 เท่า และมีความเร็วที่เร็วกว่า 5G ถึง 100 เท่า โดยปัจจุบัน 6G กำลังอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้เร็วที่สุดในช่วงปี 2571
1/ ทั้งนี้ Precedence Research คาดการณ์ว่าตลาด 6G จะเติบโตจากมูลค่า 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 มาอยู่ที่ 57.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2577 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 24
2/
ลักษณะเด่นของ 6G
เทคโนโลยี 6G มีจุดเด่นสำคัญคือ เร็วกว่า เสถียรกว่า และปลอดภัยกว่า เมื่อเทียบกับ 5G โดยมีรายละเอียดดังนี้
-
ย่านความถี่เทราเฮิร์ตซ์ (Terahertz: THz) สำหรับ 6G ยังมีการใช้งานในระดับต่ำ เนื่องจากย่านความถี่ดังกล่าวจะสูงกว่า 100 GHz ซึ่งไม่ทับกับย่านของ 5G ในปัจจุบัน (24–100 GHz)3/ จึงทำให้สามารถนำมาใช้รับส่งข้อมูลความเร็วสูงได้ในระดับ 1 เทราบิตต่อวินาที (Tbps) ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารสำหรับอนาคต เช่น การถ่ายทอดภาพโฮโลแกรม (Holograms)4/ แบบเรียลไทม์ในการประชุมทางไกลแบบสามมิติได้อย่างสมจริงแม้ผู้เข้าประชุมจะอยู่ห่างไกลกัน และเกมออนไลน์ที่จะมีภาพสมจริงและรวดเร็วยิ่งขึ้นจนผู้ใช้งานแทบไม่รู้สึกถึงความล่าช้าหรือสะดุดระหว่างเล่น5/
-
6G มีความหน่วง (latency) เพียง 0.1 มิลลิวินาที ซึ่งน้อยกว่า 5G ที่มีความหน่วงระดับ 1 มิลลิวินาที ถึง 10 เท่า ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางเกิดขึ้นได้ทันที การทำงานแบบเรียลไทม์จึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการประยุกต์ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น เครื่องจักรที่ทำงานอัตโนมัติในกระบวนการผลิต การควบคุมยานยนต์ไร้คนขับ หรือการผ่าตัดทางไกลโดยใช้หุ่นยนต์ที่แพทย์ควบคุมจากระยะไกล6/
-
6G สามารถผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับการเข้ารหัสเชิงควอนตัม (Quantum Encryption) เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดย AI จะช่วยตรวจจับภัยคุกคามและสกัดกั้นไม่ให้เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะที่การเข้ารหัสเชิงควอนตัมจะช่วยยกระดับความปลอดภัยในการส่งถ่ายข้อมูล ทำให้ไม่โดนดักฟังหรือขโมยข้อมูล ซึ่งการผสานสองเทคโนโลยีนี้ทำให้เครือข่าย 6G มีจุดเด่นที่สามารถปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหว จึงช่วยสร้างช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยสูง7/
-
เครือข่าย 6G สามารถตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน โดยเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ เริ่มตั้งแต่สถานีฐาน (Base stations) ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทาง ทำให้ 6G สามารถรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระยะยาว8/
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยี 6G ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน9/ เช่น ต้องพัฒนาฮาร์ดแวร์ให้รองรับคลื่นความถี่ย่านเทราเฮิร์ตซ์ และต้องลงทุนสูงเพื่อติดตั้งสถานีฐานและเชื่อมต่อกับเครือข่ายเดิม การลงทุนในเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการออกแบบกรอบกำกับดูแลสำหรับเทคโนโลยีใหม่
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่
2. Agentic AI: AI ที่ฉลาดคิด ตัดสินใจ และลงมือทำได้แต่ต้นจนจบ
เทคโนโลยี AI กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากยุคของปัญญาประดิษฐ์นักสร้าง (Generative AI: Gen AI) อย่าง ChatGPT ที่ตอบคำถามได้อย่างชาญฉลาด
เข้าสู่ยุค Agentic AI ซึ่งทำงานแทนมนุษย์ได้จริง และจัดการงานซับซ้อนได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดย Agentic AI หรือ “ปัญญาประดิษฐ์นักปฏิบัติการ” สามารถวางแผน คิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติงานได้เอง ตลอดจนเรียนรู้จากผลลัพธ์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวเองและสั่งการ AI ตัวอื่นได้อีกด้วย Agentic AI จึงสามารถทำงานได้หลากหลาย นับตั้งแต่ช่วยจัดตารางนัดหมาย ทำธุรกรรมออนไลน์ หรือแม้กระทั่งทำงานวิจัยขั้นสูงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากแชตบอต AI แบบที่เราคุ้นเคยที่ต้องรอรับคำสั่งจากมนุษย์แล้วจึงตอบสนองไปทีละขั้นตอน
Agentic AI อาศัยการทำงานร่วมกันของ
AI Agent หรือ “ตัวแทน AI” ที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน สามารถทำงานได้ทั้งแบบอิสระและแบบร่วมมือกัน เช่น โมเดล AI ที่สามารถเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายรูปแบบ (Multimodal AI) ทั้งภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสาร ภาพ เสียง วิดีโอหรือเนื้อหาที่แสดงผลในหน้าจอ
หรือโมเดล AI ที่สามารถใช้เหตุผลได้ (Reasoning AI) ซึ่งช่วยให้มีตรรกะหรือไหวพริบในการแก้ปัญหาต่างๆ
ในปี 2568 บริษัทชั้นนำด้าน AI กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเข้าสู่ยุค Agentic AI เต็มตัว ตัวอย่างเช่น OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้เปิดตัว “ChatGPT Agent” ผู้ช่วย AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น จัดตารางนัดหมายพร้อมเตรียมข้อมูลที่สำคัญสำหรับการประชุม สรุปข้อมูลแล้วจัดทำสื่อประกอบการนำเสนอ10/ รวมถึงในเดือนกรกฎาคม 256811/ Google ได้เปิดตัว "Opal" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง AI Agent ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด โดย AI Agent ที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้เอง เช่น เริ่มค้นหาข้อมูล วางแผนแคมเปญการตลาด ไปจนถึงสร้างเนื้อหาสำหรับบทความหรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย12/ นอกจากนี้ บริษัทด้าน AI จากจีนก็เร่งพัฒนา Agentic AI มาสร้างกระแสได้น่าสนใจเช่นกัน ตัวอย่างเช่น “Manus” ที่สามารถทำงานที่ซับซ้อน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน สร้างเว็บไซต์ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องคอยกำกับ
ขณะเดียวกัน องค์กรทั่วโลกเริ่มตื่นตัวที่จะประยุกต์ใช้ Agentic AI โดยผลสำรวจจาก Capgemini13/ ระบุว่า ในช่วงปี 2568-2570 องค์กรกว่าร้อยละ 82 มีแผนจะนำ Agentic AI ไปใช้ในงานในด้านต่างๆ เช่น การเขียนโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนหรือตอบอีเมล14/ ทั้งนี้ Technavio ประเมินว่า มูลค่าตลาดของ Agentic AI จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากมูลค่าเพียง 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เป็น 27.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 40 ต่อปี (CAGR)15/
3. Physical AI: AI ที่มีตัวตนและเชื่อมต่อกับโลกจริง
เทคโนโลยี AI จะพัฒนาความสามารถไปสู่ “AI เชิงกายภาพ (Physical AI)” หรือ AI ที่สามารถรับรู้ เข้าใจ และมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ โดยเชื่อมต่อกับโลกของมนุษย์ผ่านหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robot) หรือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ รวมถึงอุปกรณ์รอบตัวและระบบอัตโนมัติ (Automation) ซึ่ง Precedence Research คาดการณ์ว่าในปี 2577 มูลค่าตลาดทั่วโลกของ Physical AI จะสูงถึง 67.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 33.3 ต่อปี (CAGR)16/
บริษัทด้านเทคโนโลยีเริ่มพัฒนาโมเดล AI เพื่อขับเคลื่อนหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์รอบตัวให้มีความฉลาด สามารถทำงานที่ละเอียดหรือซับซ้อนได้มากขึ้น โดยในช่วงต้นปี 2568 บริษัท Google ได้เปิดตัว “Gemini Robotics” หรือโมเดล AI ที่ออกแบบเพื่อช่วยให้หุ่นยนต์ทำงานได้ทั้งในโรงงานและงานบ้าน เช่น พับกระดาษ บรรจุขนมใส่ถุง หรือจัดเรียงสิ่งของ นอกจากนี้ Ubitech ผู้พัฒนาหุ่นยนต์ชั้นนำจากจีนได้ยกระดับโมเดล AI DeepSeek-R1 ให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากสภาพแวดล้อม ใช้เหตุผล และทำงานร่วมกันได้ใกล้เคียงมนุษย์ โดย Ubitech ประยุกต์ใช้หุ่นยนต์หลายตัวมาทำงานร่วมกันในโรงงานของบริษัทรถยนต์จีนยี่ห้อ Zeekr ในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพและการประกอบรถยนต์


4. SLM ช่วยให้ AI ฉลาดเฉพาะด้านและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แชทบอทอัจฉริยะและเครื่องมือ Gen AI ที่เราคุ้นเคยล้วนขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ผ่านการฝึกฝนด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล
17/ แต่ต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานมาก
โมเดลภาษาขนาดเล็ก (Small Language Model: SLM) ที่ใช้ข้อมูลและทรัพยากรในการประมวลผลน้อยลงแต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดจึงเป็นทางเลือกใหม่ของการพัฒนา AI18/ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดทั่วโลกของ SLM จะเติบโตสูงขึ้น จากในปี 2568 ที่มีมูลค่าเพียง 0.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2575 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 28.7 ต่อปี (CAGR)
19/
SLM มีจุดเด่น 4 ประการ ได้แก่
(1) มีต้นทุนต่ำ จึงเข้าถึงได้ง่ายกว่า
(2) ใช้ทรัพยากรในการประมวลผลน้อยลง ทำให้ AI สามารถประมวลผลด้วยอุปกรณ์รอบตัวเราได้ และเมื่อผนวกกับเทคโนโลยี 6G จะช่วยส่งเสริมนวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบบ้านอัตโนมัติ (Home Automation) หรือเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้ฉลาดมากขึ้นและตอบสนองได้แบบเรียลไทม์
(3) ปรับแต่งได้ง่ายกว่า LLM โดยเฉพาะกับงานเฉพาะทาง จึงสามารถพัฒนา AI สำหรับงานที่เฉพาะเจาะจงด้วยข้อมูลที่ไม่มาก เช่น ข้อมูลทางการเงิน กฎหมาย หรือข้อมูลภายในองค์กร
(4) ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย SLM ขนาด 7 พันล้านพารามิเตอร์อาจใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงแค่ร้อยละ 5 ของ LLM เท่านั้น
20/
อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องรับมือ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะหลุดจากความเป็นจริงเมื่อสนทนากับแชตบอต AI (AI Psychosis)21/ การใช้งานในทางที่ผิด เช่น มิจฉาชีพใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้าและเสียงเพื่อยืนยันตัวตน22/ หรือหลอกลวงทางการเงิน รวมถึงความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์ (Output) ที่สร้างจาก AI ดังนั้นจึงควรใช้ AI อย่างมีสติและรู้เท่าทันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ กระแสการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาที่สร้างจาก AI อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม โดยในปี 2568 World Economic Forum ได้จัดอันดับให้ “ลายน้ำสำหรับเนื้อหาที่สร้างด้วย AI” (Generative Watermarking) เป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่น่าจับตามอง23/ โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกฝังอยู่ในเนื้อหาที่สร้างโดย AI เช่น ข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอ เพื่อระบุแหล่งที่มาและช่วยลดกระแสข่าวปลอม
เทคโนโลยีชีวภาพ
5. CRISPR-Cas9 เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการตัดต่อยีน
CRISPR-Cas9 คือ เทคโนโลยีแก้ไขยีนที่ผิดปกติ โดยมีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่ (1)
Cas9 เป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่คล้าย “กรรไกร” ช่วยตัดดีเอ็นเอที่ต้องการแก้ไข (2)
Guide RNA (gRNA) ทำหน้าที่คอยชี้ตำแหน่งยีนบนดีเอ็นเอที่ต้องการแก้ไข เปรียบเหมือน “เข็มทิศ” ที่บอกให้ Cas9 รู้ว่าควรตัดบริเวณไหน (3)
PAM Site หรือลำดับดีเอ็นเอสั้นๆ ทำหน้าที่เปรียบเสมือน “ตัวชี้พิกัด” ที่บอกให้ Cas9 รู้ว่าตำแหน่งไหนสามารถตัดได้ (4)
Repair Template หรือการแทรกชิ้นดีเอ็นเอที่มีลำดับใหม่ตามต้องการ หลังจากที่ Cas9 ตัดดีเอ็นเอเดิมออกไปแล้ว
24/ เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยโรคทางพันธุกรรมมีความหวังที่จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง

Precedence Research คาดการณ์ว่าในปี 2577 ตลาดเทคโนโลยี CRISPR จะมีมูลค่าถึง 13.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13 ต่อปี (CAGR)25/ ซึ่งมูลค่าตลาดส่วนใหญ่มาจากการใช้ CRISPR-Cas9 ทางการแพทย์ โดยมีวิธีแก้ไขยีนอยู่ 2 วิธี วิธีแรกคือ การปรับแก้ภายนอก (Ex-Vivo Editing) เป็นกระบวนการที่นำสเต็มเซลล์ออกจากร่างกายมนุษย์แล้วแก้ไขโดยใช้เทคโนโลยี CRISPR-Cas9 จากนั้นจึงส่งกลับเข้าไปในตัวมนุษย์ ซึ่งเหมาะกับการรักษาโรคพันธุกรรมที่เกี่ยวกับเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย และโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle-cell Disease) ส่วนวิธีที่สองคือ การฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในร่างกายโดยตรง (In-Vivo Editing) เพื่อรักษาโรค เช่น โรคพิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด (Leber Congenital Amaurosis) โรคทางพันธุกรรมที่ร่างกายสร้างสารที่ทำให้เกิดนิ่วในไตผิดปกติ (Primary Hyperoxaluria Type 1) โรคตับอักเสบเรื้อรังชนิดบี (Chronic Hepatitis B Virus) และโรคไขมันในเลือดสูงจากกรรมพันธุ์ (Familial Hypercholesterolemia)26/ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างสูงในการกำจัดต้นเหตุของภาวะดาวน์ซินโดรม โดยตัดโครโมโซมคู่ที่ 21 ชุดที่สามออก จึงเหลือเพียง 2 ชุดเหมือนคนปกติ27/ แม้ผลการทดลองนี้อาจต้องใช้เวลากว่าที่จะนำมาใช้รักษาจริง แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนการดูแลผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมจากเพียงแค่ “รักษาอาการ” ไปสู่ “การแก้ที่ต้นเหตุ”

นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CRISPR-Cas9 ดังกล่าวเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ได้ด้วย เช่น นำอวัยวะหมูมาใช้ในการปลูกถ่ายสู่ร่างกายมนุษย์ โดยในช่วงต้นปี 2568 สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติให้บริษัท United Therapeutics และ eGenesis เริ่มการทดลองปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย28/ สะท้อนถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี CRISPR-Cas9 ที่นับว่าเป็นประตูสู่ยุคใหม่ของการแพทย์ฟื้นฟูและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอวัยวะในอนาคต
6. GLP-1 ความหวังใหม่ในการรักษาโรคทางสมอง
ยาในกลุ่ม GLP-1 หรือชื่อเต็มว่า Glucagon-Like Peptide-1 Receptor Agonists กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์ด้านระบบประสาทและสมอง เนื่องจากยาดังกล่าวช่วยชะลอความเสื่อมของสมองในผู้ป่วยพาร์กินสันได้29/ โดยช่วยลดการอักเสบในระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมร่างกาย และเพิ่มระดับโดพามีนในสมอง จึงช่วยบรรเทาอาการเคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง หรือมือสั่น อีกทั้งผู้ป่วยอัลไซเมอร์ยังสามารถใช้ยานี้ช่วยบรรเทาอาการของโรคด้วย30/ เนื่องจากช่วยลดการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์เบตา (Amyloid-β) และโปรตีนทาว (Tau) ซึ่งเป็น “รอยโรคหลัก” (Hallmarks) ด้วยการกระตุ้นกระบวนการที่ช่วยสลายและกำจัดโปรตีนเหล่านี้ออกจากสมองให้อยู่ในระดับปกติ31/ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ประคับประคองอาการเหมือนในอดีต
ก่อนหน้านี้ ยา GLP-1 ถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นหลัก อีกทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารและทำให้อิ่มนานขึ้น ซึ่งมูลค่าตลาดยา GLP-1 มีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดย Grand View Research คาดการณ์ว่าในปี 2573 ตลาดยา GLP-1 จะมีมูลค่าสูงถึง 156.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 70.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 17.4 ต่อปี (CAGR)32/

เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนและพลังงานสะอาด
โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประกอบด้วย 2 แนวทางหลัก ได้แก่ (1) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO
2) จากแหล่งที่ปล่อย และ (2) การปรับตัวให้อยู่ในโลกที่ร้อนขึ้น (Adaptation) เช่น การพัฒนาระบบปรับอากาศที่ช่วยให้มนุษย์อยู่อาศัยได้ โดยมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าติดตามต่อไปนี้
7. CCUS ตัวเร่งสู่เป้าหมาย Net Zero
แม้ธรรมชาติจะมีระบบดูดซับ CO
2 จากบรรยากาศในตัวเอง แต่ปริมาณ CO
2 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากกิจกรรมในโลกยุคปัจจุบันของมนุษย์นั้นเกินขีดความสามารถของระบบดังกล่าว จึงนำมาสู่การพัฒนา
เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ซึ่งเป็นการดักจับก๊าซ CO
2 ที่แหล่งกำเนิดโดยตรง โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตปูนซีเมนต์ เหล็ก และสารเคมี จากนั้นจึงนำไปใช้ประโยชน์ เช่น นำไปผลิตเชื้อเพลิงและวัสดุก่อสร้าง หรือกักเก็บไว้ใต้ดินหรือในแหล่งน้ำมันที่หมดแล้ว
การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้ประโยชน์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก IEA พบว่า ในปี 2568 โครงการ CCUS ทั่วโลกสามารถดักจับ CO2 ได้ 50.9 MtCO2eq33/ ต่อปี และมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 450.5 MtCO2eq (9 เท่า) ในปี 257934/ และข้อมูลจาก Markets and Markets คาดว่ามูลค่าตลาด CCUS ทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี (CAGR) จาก 5.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 17.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 257335/
สำหรับประเทศไทย มีโครงการ CCUS เช่น โครงการกักเก็บ CO2 ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดย PTTEP36/ และโครงการศึกษาการเปลี่ยน CO2 จากอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าเป็นเมทานอล โดย EGAT37/ แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ร่วมกับประชาคมโลก
8. ระบบ Osmotic Power ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากมหาสมุทรที่ไม่มีวันหมด
ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) เป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานสำคัญที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล โดยมีแหล่งกำเนิดทั้งจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ ความร้อนใต้พิภพ ไปจนถึงมหาสมุทร38/ โดย Coherent Market Insights คาดว่ามูลค่าตลาดของพลังงานจากมหาสมุทร (Ocean Power) จะเพิ่มขึ้นจาก 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เป็น 4.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2575 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 19.7 ต่อปี (CAGR)39/
หนึ่งในกลุ่มพลังงานมหาสมุทรที่น่าจับตามอง คือ การผลิตไฟฟ้าพลังออสโมซิส (Osmotic Power) หรืออีกชื่อหนึ่งคือพลังงานสีน้ำเงิน (Blue Energy) ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าที่อาศัยปรากฏการณ์ออสโมซิส (Osmosis)40/ ที่ใช้น้ำจืดและน้ำเค็มจากแหล่งธรรมชาติ ร่วมกับเยื่อเลือกผ่านที่พัฒนามาโดยเฉพาะ การผลิตไฟฟ้านี้มี 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) Pressure Retarded Osmosis (PRO)41/ และ (2) Reverse Electrodialysis (RED)42/

Osmotic Power มีจุดเด่นที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สม่ำเสมอ เมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์หรือลมที่ผันผวนตามเวลาและสภาพอากาศมากกว่า รวมถึงมีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงกับระบบบำบัดน้ำ โดยสามารถช่วยดักจับสิ่งปนเปื้อนในน้ำ ร่วมกับการเป็นแหล่งพลังงานสะอาดสำหรับบริเวณปากน้ำหรือพื้นที่ชายฝั่งทะเลในอนาคต
ปัจจุบัน ยุโรปและเอเชียมีโครงการพัฒนา Osmotic Power ทั้งในระยะทดสอบและกำลังพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ คือ Sweetch Energy บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสซึ่งเปิดโรงงานผลิตเครื่องผลิตไฟฟ้าออสโมซิส (Osmotic generators) ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2568 และ SaltPower บริษัทสัญชาติเดนมาร์กที่ก้าวหน้าในการพัฒนาเยื่อเลือกผ่านให้ทนต่อความเค็มและแรงดันน้ำสูงสำหรับการผลิตไฟฟ้าแบบ PRO ในปี 2567
9. Elastocalorics เทคโนโลยีทำความร้อนและเย็นแห่งอนาคต
Elastocalorics หรือ “เทคโนโลยีทำความร้อนและเย็นด้วยแรงดึงและแรงกดของวัสดุ” เป็นเทคโนโลยีทำความร้อนและเย็นแบบสถานะของแข็ง (Solid-stated heating and cooling) ที่สามารถเข้ามาแทนที่เทคโนโลยีสำหรับระบบปรับอากาศแบบดั้งเดิมหรือ HVAC43/ ที่ใช้ของเหลวเป็นตัวนำความเย็น โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ Elastocaloric effect44/ ของลวดโลหะบางชนิดที่จะปล่อยความร้อนและความเย็นออกมาเมื่อถูกดึงให้ยืดออกหรือปล่อยกลับสู่รูปเดิม
Elastrocalorics มีจุดเด่นสำคัญคือเป็นระบบปรับอากาศสำหรับอาคารที่ตั้งอยู่ในสภาพอากาศสุดขั้ว เนื่องจากสามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งร้อนและเย็น ตั้งแต่ 5 ถึง 47.5 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ถึงแม้จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเช่นเดียวกับระบบปรับอากาศทั่วไป แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า45/

ปัจจุบัน Elastocalorics อยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและรองรับพื้นที่ที่กว้างขึ้น โดยเมื่อต้นปี 2568 นักวิจัยจาก Hong Kong University of Science and Technology (HKUST)46/ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบทำความเย็นด้วย Elastocalorics ที่รองรับการทำงานในระดับกิโลวัตต์ได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยสามารถลดอุณหภูมิภายในบ้านทดลองขนาด 2.7 ลูกบาศก์เมตรซึ่งตั้งอยู่กลางแจ้งในฤดูร้อนได้อย่างรวดเร็วและเสถียร ทั้งยังไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและใช้พลังงานต่ำ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ในอนาคต โดย NMSC คาดว่ามูลค่าตลาดของ Elastocalorics จะเพิ่มขึ้นจาก 82.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เป็น 356.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 34.1 ต่อปี (CAGR)47/
มุมมองวิจัยกรุงศรี
เทคโนโลยียุคใหม่กำลังช่วยขับเคลื่อนให้โลกก้าวไปสู่ยุคอัจฉริยะและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีทั้ง 4 กลุ่มจะมีบทบาททั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และพัฒนาอุตสาหกรรมให้เจริญก้าวหน้ากว่าเดิมอีกด้วย
เมื่อพิจารณาข้อมูลในภาพรวมของปี 2568 มูลค่าตลาดและการเติบโตของเทคโนโลยีทั้ง 9 เทคโนโลยีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในเชิงผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ ได้แก่ (1)
กลุ่มผลกระทบสูง (High-Impact Leader) ประกอบด้วย เทคโนโลยีเครือข่าย 6G เทคโนโลยี Agentic AI เทคโนโลยี Physical AI และเทคโนโลยี CCUS ซึ่งในปัจจุบัน แต่ละเทคโนโลยีมีมูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ในช่วง 5-9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตสูงกว่าร้อยละ 20 ต่อปี (2)
กลุ่มเกิดใหม่เติบโตเร็ว (Emerging Accelerator) ประกอบด้วยเทคโนโลยี SLM และเทคโนโลยี Elastocalorics ซึ่งเติบโตสูงกว่าร้อยละ 20 ต่อปีเช่นเดียวกัน แต่มูลค่าตลาดในปัจจุบันยังค่อนข้างเล็ก กล่าวคือ น้อยกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3)
กลุ่มเติบโตดีและมีขนาดใหญ่ (Established Giant) ได้แก่เทคโนโลยี GLP-1 ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงมากถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตดีในช่วงร้อยละ 15-20 ต่อปี และ (4)
กลุ่มเติบโตสม่ำเสมอ (Steady Performer) ประกอบด้วยเทคโนโลยี CRISPR และระบบ Osmotic Power ซึ่งแม้มูลค่าตลาดทั่วโลกในปัจจุบันจะยังคงต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญ แต่ก็มีการเติบโตสม่ำเสมอในช่วงร้อยละ 10-20 ต่อปี
วิจัยกรุงศรีมองว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้ เทคโนโลยี Agentic AI และ Physical AI รวมทั้ง CCUS และเครือข่าย 6G ใน
กลุ่มผลกระทบสูง (High-Impact Leader) จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5 เท่า จึงมีผลทางเศรษฐกิจที่สูง เทคโนโลยีเหล่านี้จึงจะเติบโตเป็นกลุ่มผลกระทบสูงมาก (Very High-Impact Leader) ในปี 2573 ที่มีมูลค่าอยู่ในช่วง 15-40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เทคโนโลยี CRISPR ที่ช่วยแก้ไขความผิดปกติของยีนก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และจะย้ายจากกลุ่มเติบโตสม่ำเสมอ (Steady Performer) มาอยู่ใน
กลุ่มผู้นำที่เติบโตมั่นคง (Steady Leader) โดยคาดว่ามูลค่าตลาดทั่วโลกของ CRISPR ในปี 2573 จะอยู่ที่ราว 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ผลกระทบจริงของเทคโนโลยีแต่ละตัวยังขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ ระยะเวลาที่เทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ (Wide-Scale Commercialization) โดยวิจัยกรุงศรีมองว่า
ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี AI ยุคใหม่ (Agentic AI, Physical AI และ SLM) จะเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อทุกภาคธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะภาคธนาคาร ที่จะสามารถยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริการลูกค้าให้ดีขึ้นจากการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตรวจจับความเสี่ยง สื่อสารและให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ก่อให้เกิดการสร้างระบบธนาคารที่ชาญฉลาดและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้รวดเร็ว ซึ่งนอกจากภาคธนาคารแล้ว ธุรกิจอื่นๆ ควรคว้าโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีกลุ่มนี้ โดยเร่งศึกษาและทดลองนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมควบคู่กันไปด้วย
สำหรับใน 3-5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีชีวภาพที่ช่วยยกระดับด้านการแพทย์ (CRISPR-Cas9 และ GLP-1 สำหรับการรักษาโรคทางสมอง) น่าจะมีบทบาทในแวดวงการแพทย์ที่ชัดเจนมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดเครื่องมือหรืออุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ในการแก้ไขยีน บริการวินิจฉัยและตรวจสุขภาพเชิงพันธุกรรม ประกันสุขภาพที่ใช้ผลการตรวจพันธุกรรมมาคำนวณเบี้ยประกัน ยารักษาโรคเฉพาะบุคคล
ในช่วงเวลาเดียวกัน
เครือข่าย 6G และเทคโนโลยี CCUS น่าจะถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองใช้เครือข่าย 6G ในวงจำกัดได้ในปี 2571 แต่จะขยายการใช้งานในเชิงพาณิชย์ในปี 2573 ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิถีการทำงานและการดำเนินธุรกิจ เช่น นัดประชุมกับคู่ค้าหรือลูกค้าผ่านโฮโลแกรมสามมิติ ทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนในโลกเสมือนจริง เพราะเครือข่ายสื่อสารสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนและพลังงานสะอาดอย่าง CCUS จะมีบทบาทมากขึ้นเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเป็นอีกหนึ่ง “แรงส่ง” ที่ช่วยให้องค์กรและประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ได้
นอกจากนี้
ในอีกประมาณ 5-10 ปี เทคโนโลยียุคใหม่ที่ “จิ๋วแต่แจ๋ว” อย่างระบบ Osmotic Power ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากมหาสมุทร และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด Elastocalorics จะเริ่มแสดงศักยภาพที่แท้จริงและต่อแถวรอเวลาให้เกิดการประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ในระยะยาวด้วยเช่นกัน
จะเห็นว่า เมื่อพิจารณาทั้งแนวโน้มของผลกระทบและการเติบโตของเทคโนโลยี (Market Impact and Growth of Technology) และระยะเวลาที่จะนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ (Commercialization Timeline) เทคโนโลยีกลุ่ม High-Impact Leaders ยังคงเป็น “ผู้นำ” ที่สร้างมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงสุด โดยเฉพาะ
เทคโนโลยีในกลุ่ม Next-Generation AI ที่มีความพร้อมที่สุดทั้งในด้านขนาดผลกระทบและเวลา และจะเป็นกระแสหลักที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจและสังคมโลกในระยะเวลาอันใกล้
ดังนั้น ในวันนี้ทุกภาคส่วนจึงควรเตรียมความพร้อมรับเทคโนโลยี AI ในด้านต่างๆ เช่น (1) ลงทุนในระบบและอุปกรณ์ (2) พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะการใช้งาน AI (AI Literacy) รวมถึงพัฒนาทักษะที่เป็นจุดแข็งของมนุษย์ควบคู่กันไป เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) (3) สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับนวัตกรรม (4) บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้เต็มศักยภาพ และก้าวทันโลกอัจฉริยะและยั่งยืน
References
Ali, M. et al. (2025). “Introducing Opal: describe, create, and share your AI mini-apps”. Google Lab. Retrieved Nov17, 2025, from https://developers.googleblog.com/en/introducing-opal/
Biniek, K., et al. (2024). “Global Energy Perspective 2023: CCUS outlook”. McKinsey. Retrieved Oct 29, 2025, from https://www.mckinsey.com/industries/oil-and-gas/our-insights/global-energy-perspective-2023-ccus-outlook
Blackview. (2025). “A look at 6G technology: 6G Meaning, features, benefits, challenges”. Blackview. Retrieved October 24, 2025, from https://www.blackview.hk/blog/tech-news/6g-technology
Chang, Y. (2025). “6G Market 2023-2043: Technology, Trends, Forecasts, Players”. IDTechEx. Retrieved October 21, 2025, from https://www.idtechex.com/en/research-report/6g-market-2023-2043-technology-trends-forecasts-players/911
Chen, Y., et al. (2022). “A compact elastocaloric refrigerator”. National Center for Biotechnology Information. Retrieved Oct 14, 2025, from https://doi.org/10.1016/j.xinn.2022.100205
Climate Technology Centre and Network. (n.d.). “Osmotic Power”. CTCN. Retrieved Oct 7, 2025, from https://www.ctc-n.org/technologies/osmotic-power
DeBiase, D. (2025). “Why Small Language Models Are The Next Big Thing In AI? Retrieved Aug 5, 2025, from https://www.forbes.com/sites/deandebiase/2024/11/25/why-small-language-models-are-the-next-big-thing-in-ai/
Domínguez, F. B. (2025). “Osmotic Power: the next wave of renewable energy”. Earth.Org. Retrieved Oct 8, 2025, from https://earth.org/osmotic-power-the-next-wave-of-renewable-energy/
Du, H. (2022). “The mechanism and efficacy of GLP-1 receptor agonists in the treatment of Alzheimer’s disease”. PMC. Retrieved October 11, 2025, from https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9714676/#B2
E-Spin. (2025). “Next 6G: Key Features, Use Cases, and Challenges of Tomorrow’s Wireless Revolution”. E-Spin. Retrieved October 22, 2025, from https://www.e-spincorp.com/next-6g-key-features-use-cases/
Fessel, J. (2024). “All GLP-1 Agonists Should, Theoretically, Cure Alzheimer’s Dementia but Dulaglutide Might Be More Effective Than the Others”. MDPI. Retrieved October 11, 2025, from https://www.mdpi.com/2077-0383/13/13/3729
Frontiers. (2021). “CRISPR: A New Way for Scientists to Edit DNA”. Frontiers. Retrieved October 1, 2025, from https://kids.frontiersin.org/articles/10.3389/frym.2021.600133
Galbraith, K. (2017). “Osmotic Power debuts in Norway”. Green Blog. Retrieved Oct 7, 2025, from https://archive.nytimes.com/green.blogs.nytimes.com/2009/11/24/osmotic-power-debuts-in-norway/
Giordani, M., et al. (2020). “Towards 6G Networks: Use Cases and Technologies”. Github. Retrieved October 21, 2025, from https://gmoein.github.io/files/Towards%206G.pdf
Goetzler, W., et al. (2014). “Energy Savings Potential and RD&D Opportunities for Non-Vapor-Compression HVAC Technologies”. U.S. Department of Energy. Retrieved Oct 15, 2025, from https://www.energy.gov/sites/prod/files/2014/03/f12/Non-Vapor%20Compression%20HVAC%20Report.pdf
Grand View Research. (2024). “GLP-1 Receptor Agonist Market (2025 - 2030)”. Grand View Research. Retrieved October 11, 2025, from https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/glp-1-receptor-agonist-market
HKUST. (2025). “HKUST develops world’s first Kilowatt-Scale elastocaloric green cooling device [Press release]”. The Hong Kong University of Science and Technology. Retrieved Oct 15, 2025, from https://hkust.edu.hk/news/hkust-develops-worlds-first-kilowatt-scale-elastocaloric-green-cooling-device
IDTechEx. (2024). “6G: Key Hardware Technologies and Future Development Roadmap”. IDTechEx. Retrieved October 20, 2025, from https://www.idtechex.com/en/research-article/6g-key-hardware-technologies-and-future-development-roadmap/32034
IEA. (n.d.). “Carbon Capture Utilisation and Storage”. IEA. Retrieved Oct 24, 2025, from https://www.iea.org/energy-system/carbon-capture-utilisation-and-storage
Kalinderi, K. (2024). “GLP-1 Receptor Agonists: A New Treatment in Parkinson’s Disease.” MDPI. Retrieved October 10, 2025, from https://www.mdpi.com/1422-0067/25/7/3812
Kili Technology. (2024). “A guide to using small language models for business applications.” Kili. Retrieved December 1, 2025, from https://kili-technology.com/blog/a-guide-to-using-small-language-models
Maad M., Mijwi et al. (2023). “ChatGPT and the Future of Academic Integrity in the Artificial Intelligence Era: A New Frontier”. Al-Salam Journal for Engineering and Technology 2(2):116-127. Retrieved Aug 19, 2025, from https://www.researchgate.net/publication/369977556_ChatGPT_and_the_Future_of_Academic_Integrity_in_the_Artificial_Intelligence_Era_A_New_Frontier
Macarrón Palacios, A. et al. (2024). “Revolutionizing in vivo therapy with CRISPR/Cas genome editing: Breakthroughs, opportunities and challenges.” Frontiers in Genome Editing. Retrieved Dec 1, 2025, from https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10867117/
Markets and Markets. (2025). “Carbon Capture, Utilization, and Storage Market”. Markets and Markets. Retrieved Oct 29, 2025, from https://www.marketsandmarkets.com/Market-Reports/carbon-capture-utilization-storage-market-151234843.html
Markets and Markets. (2025). “Small Language Model Market”. MarketsandMarkets. Retrieved Jul 22, 2025, from https://www.marketsandmarkets.com/Market-Reports/small-language-model-market-4008452.html
NGThai. (2022). “พลังงานจากมหาสมุทร (Marine Energy)”. National Geographic Thailand. Retrieved Oct 10, 2025, from https://ngthai.com/science/34187/marine-energy/
Nwaehiodo, M. (2025). “Osmotic Power: renewable energy of the future”. What Is Green Living? Retrieved Oct 10, 2025, from https://whatisgreenliving.com/osmotic-power/
O'Hanlon Cohrt, K. (2025). “The Latest Updates From the Gene-Editing Clinical Trials”. CRISPR Medicine News. Retrieved Oct 1, 2025, from https://crisprmedicinenews.com/news/the-latest-updates-from-the-gene-editing-clinical-trials-february-2025/
Pascal, B. et al. (2025). “Generative in Organizations 2024”. Capgemini. Retrieved Jul 22, 2025, from https://www.precedenceresearch.com/artificial-intelligence-robots-market
Plutusias. (2025). “6G Network: The Next Frontier in Wireless Communication”. Plutusias. Retrieved October 27, 2025, from https://plutusias.com/6g-network-the-next-frontier-in-wireless-communication/
Precedence Research. (2025). “6G Market Set to Transform Global Connectivity with Next-Gen Network Innovations”. Precedence Research. Retrieved October 20, 2025, from https://www.precedenceresearch.com/6g-market
Precedence Research. (2025). “Artificial Intelligence (AI) Robots Market Size and Forecast 2025 to 2034”. Precedence Research. Retrieved Jul 22, 2025, from https://www.precedenceresearch.com/artificial-intelligence-robots-market
Precedence Research. (2025). “CRISPR-Based Gene Editing Market Size, Share and Trends 2025 to 2034”. Precedence Research. Retrieved October 1, 2025, from https://www.precedenceresearch.com/crispr-based-gene-editing-market
Pyka, P. et al. (2024). Selenium-containing compounds: A new hope for innovative treatments in Alzheimer’s disease and Parkinson’s disease. Drug Discovery Today, 29(8), 104062. https://doi.org/10.1016/j.drudis.2024.104062
Sweetch Energy. (2025). “Sweetch Energy launches its first production unit in Rennes and initiates the industrial scale-up of osmotic energy [Press release]”. Sweetch Energy. Retrieved Oct 14, 2025, from https://www.sweetch.energy/wp-content/uploads/2025/05/280525-cp-sweetch-ernergy-la-janais-eng.pdf
Taoglas. (2024). “What Is 6G? All You Need to Know About 6G Technology”. Taoglas. Retrieved October 22, 2025, from https://www.taoglas.com/blogs/what-is-6g-all-you-need-to-know-about-6g-technology/
Thaipbs. (2025). “บุกจับ 4 ชาวจีนโยงสแกมเมอร์ เช่าคอนโดตั้งฐานหลอกเพื่อนร่วมชาติ”. Thaipbs. Retrieved Nov 18, 2025, from https://www.thaipbs.or.th/news/content/358368
World Economic Forum. (2025). “Top 10 Emerging Technologies of 2025”. World Economic Forum. Retrieved Oct 18, 2025, from https://www.weforum.org/publications/top-10-emerging-technologies-of-2025/in-full/structural-battery-composites/
พัฒนมงคล, ฐ., & พัฒนมงคล, ฐ. (2019). “ออสโมซิสผลิตไฟฟ้า แสงสว่างจากความเค็ม – สารคดี”. สารคดี. Retrieved Oct 17, 2025, from https://www.sarakadee.com/2012/02/29/osmosis/
1/ 6G: Key Hardware Technologies and Future Development Roadmap | IDTechEx
2/ 6G Market Size to Reach USD 57.55 Billion by 2034 | Precedence Research
3/ 6G Market 2023-2043: Technology, Trends, Forecasts, Players | IDTechEx
4/ A hologram is a three-dimensional image created using laser light, giving the impression that a real object is floating in mid-air.
5/ Next 6G: Key Features, Use Cases, and Challenges of Tomorrow's Wireless Revolution | E-SPIN Group
6/ Ibid
7/ What is 6G? Everything You Need to Know About 6G Technology | Taoglas
8/ About 6G technology: 6G Meaning, features, benefits, challenges | Blackview Blog
9/ 6G Network: The Next Frontier in Wireless Communication | PLUTUS IAS
10/ Introducing ChatGPT agent: bridging research and action |OpenAI
11/ Opal was initially launched for trial in July 2025 in just 15 countries. By November 2025, its availability had expanded to 160 countries. Introducing Opal: describe, create, and share your AI mini-apps | Google Developers Blog
12/ Another key feature of Opal is its ability to integrate with various Google services, enabling the AI Agent to access information from Google Drive, analyze videos from YouTube, or search for data via Google Search, which can then be leveraged for further processing and task execution. Opal [Experiment]
13/ Capgemini is an information technology consulting company.
14/ Generative AI in organizations 2024 | Capgemini.com
15/ Technavio (2025), Global Agentic AI Market 2025-2029
16/ Introducing ChatGPT agent: bridging research and action | OpenAI
17/ The GPT-4 model developed by OpenAI, which powers ChatGPT, has as many as 100 trillion parameters. Source: -The comparison between GPT-3 and GPT-4 based on the number of... | ResearchGate
18/ SLMs typically have between tens of millions and up to 30 billion parameters, which is less than one-fifth the size of LLMs.
19/ Small Language Model Market Size, Share & Growth Forecast [2033] | MarketsandMarkets
20/ Why Small Language Models Are The Next Big Thing In AI | Forbes
21/ AI Psychosis: A New Kind of Digital Madness | Krungsri Research
22/ https://www.thaipbs.or.th/news/content/358368 | Thai PBS News
23/ WEF_Top_10_Emerging_Technologies_of_2025 | World Economic Forum
24/ CRISPR: A New Way for Scientists to Edit DNA | Frontiers
25/ CRISPR-Based Gene Editing Market Size to Hit USD 13.39 Billion by 2034 | Precedence Research
26/ News: The Latest Updates From the Gene-Editing Clinical Trials (February 2025) | CRISPR Medicine News
27/ Japanese scientists delete extra chromosome behind Down syndrome using CRISPR | The Business Standard
28/ FDA greenlights first clinical trials for genetically modified pig kidney transplants in humans | American Kidney Fund
29/ GLP-1 Receptor Agonists: A New Treatment in Parkinson’s Disease | MDPI
30/ All GLP-1 Agonists Should, Theoretically, Cure Alzheimer’s Dementia but Dulaglutide Might Be More Effective Than the Others | MDPI
31/ The mechanism and efficacy of GLP-1 receptor agonists in the treatment of Alzheimer’s disease | PubMed Central
32/ GLP-1 Receptor Agonist Market Size & Share Report, 2030 | Grand View Research
33/ For projects that are already underway.
34/ CCUS Projects Explorer | IEA
35/ Carbon Capture, Utilization, and Storage Market | Markets and Markets
36/ ปตท.สผ. เดินหน้าโครงการ CCS แห่งแรกในไทยที่แหล่งอาทิตย์ สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ | PTTEP
37/ จุฬาฯ - กฟผ. ร่วมวิจัยเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้าเป็นเมทานอล มุ่งรักษ์โลกอย่างยั่งยืน | EGAT, CCUS TRM | NSTDA
38/ It refers to all forms of renewable energy derived from seawater in the oceans, such as tidal energy, wave energy, ocean thermal energy conversion (OTEC), and salinity gradient energy (also known as osmotic power).
39/ Ocean Power Market Size, Trends & YoY Growth Rate, 2025-2032 | Coherent Market Insights
40/ Osmosis is the movement of liquid molecules through a semipermeable membrane from an area of lower concentration to an area of higher concentration.
41/ It is a process in which freshwater moves through a semipermeable membrane into a saltwater reservoir. As the saltwater side’s concentration decreases and pressure builds, the resulting pressure drives a turbine to generate electricity.
42/ It is a process that relies on an electrochemical reaction, which occurs when freshwater and saltwater flow through multiple layers of a semipermeable membrane to generate electricity.
43/ Heating, Ventilation and Air Conditioning: HVAC
44/ It is the phenomenon where a material changes temperature when stretched or compressed, resulting from a reversible phase transformation within the material.
45/ Energy Savings Potential and RD&D Opportunities for Non-Vapor-Compression HVAC Technologies | U.S. Department of Energy
46/ HKUST Develops World’s First Kilowatt-Scale Elastocaloric Green Cooling Device | The Hong Kong University of Science and Technology
47/ The Elastocalorics Market Share Analysis | 2025-2030 | NMSC