นับถอยหลังอีกไม่นานเกินรอ มหกรรมลูกหนังระดับโลกที่ทุกคนรอคอยก็จะเปิดม่านเริ่มต้นขึ้น สำหรับฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่จัดขึ้น ณ ประเทศรัสเซีย
กระแสความนิยมในกีฬาฟุตบอลของบ้านเรานั้นมีมายาวนานและไม่เคยเสื่อมคลายมนต์เสน่ห์ แม้ว่าทัวร์นาเมนต์ระดับโลกอย่าง FIFA World Cup แฟนบอลจะต้องรอคอยกันถึง 4 ปีก็ตาม แต่ช่วงเวลาระหว่างนั้นยังมีทัวร์นาเมนต์ระดับประเทศและทวีปให้ชม ให้เชียร์กันอยู่เรื่อย ๆ ตลอดทุกสัปดาห์
ไม่ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้คนทั้งโลกยินยอมเทใจให้กับกีฬาประเภทนี้ก็ตามแต่ แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นคือ ภาพลักษณ์ของกีฬาฟุตบอลถูกใช้เป็น
เครื่องมือทางการตลาดในหลายรูปแบบหรือที่เรียกกันว่าสปอร์ตมาเก็ตติ้งตลอดมา
ซึ่งในช่วงการแข่งขันรอบสุดท้าย (มีระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน) แต่ละครั้งที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้กราฟผลประกอบการของบางธุรกิจเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้อีกด้วย และมีแนวโน้มว่าการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นกลางเดือนมิถุนายนนี้ น่าจะสร้างความคึกคักให้ธุรกิจประเภทต่าง ๆ ไม่น้อยไปกว่าครั้งไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่
ธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ กำลังเติบโตไปพร้อมกับยุคดิจิทัล ที่ทุกคนเสมือนมีสมาร์ทโฟนเป็นคฑากายสิทธิ์ติดตัวด้วยล่ะก็ อะไร ๆ ก็ดูจะง่ายไปเสียหมดนั้น มีข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาดยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ในประเทศไทย ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 25,655 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2559 มาเป็น 26,276 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 และคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
จากเดิมอาหารที่จัดเสิร์ฟถึงประตูบ้านอาจจำกัดอยู่แค่พิซซ่าหรือไก่ทอดจากเจ้าใหญ่ ที่หากท้องหิวและอยากเชียร์ฟุตบอลนัดสำคัญอยู่ที่บ้านก็จะได้สองเมนูนี้คอยดูแล แต่ตอนนี้สำหรับยุคดิจิทัลอาจไม่ใช่แล้ว เพราะเมื่อมีสมาร์ทโฟน มีแอพพลิเคชั่น ทางเลือกก็เพิ่มมากขึ้น
การคิดค้น
ระบบธุรกิจคนกลางที่จับมือกับร้านอาหารเชื่อมต่อสู่คนรับประทาน คอยทำหน้าที่จัดซื้อ จัดส่ง อย่าง UBER EATS, GrabFood, LINEMAN หรือ foodpanda ที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะต้องการรับประทานเมนูไหน จากร้านใด ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าการชมฟุตบอลโลก เวลา 90 นาทีในหนึ่งแมตช์แข่งขันนั้น แม้จะลุกไปเข้าห้องน้ำอาจจะต้องรอช่วงพักครึ่งเวลา การออกจากบ้านไปซื้อของกินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ ทำให้ธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ ที่ยกตัวอย่างมานั้นน่าจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าจับตามอง
หากลองวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจอื่น โดยใช้ข้อมูลจากการจัดการแข่งขันครั้งก่อนหน้า พบว่าในครั้งนั้น ธุรกิจเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ หรือ กล่องดาวเทียมประเภทต่าง ๆ รวมถึงโทรทัศน์ประเภทสมาร์ททีวีมีการเติบโตสูงมากในช่วงเวลาดังกล่าว หากแต่ในครั้งนี้อาจไม่ใช่ ประการแรกมาจากที่ผู้คนส่วนใหญ่มีอุปกรณ์เหล่านี้ติดบ้านอยู่แล้วจากการสนับสนุนของรัฐบาล ขณะเดียวกันคณะ คสช. ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศในปัจจุบันนั้น ประกาศนโยบายคืนความสุขแก่ประชาชนโดยให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 นี้มีการถ่ายทอดสดทั้ง 64 แมตช์ทางฟรีทีวีอีกด้วย
ส่วนธุรกิจร้านอาหารและผับแอนด์เรสเทอรองต์ นั้นถือว่าได้เปรียบมากกว่าครั้งก่อน เนื่องจากเวลาการถ่ายทอดสดในครั้งนี้อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 – 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย นับเป็นช่วงเวลาที่ส่งผลดีต่อธุรกิจดังกล่าวอย่างแน่นอน ต่างจากหลายครั้งที่การถ่ายทอดสดตรงกับเวลาเช้าหรือกลางวันของไทย ซึ่งโอกาสนี้หากมี
การจัดโปรโมชั่นดี ๆ รองรับการเชียร์บอลนอกบ้านแก่กองเชียร์ที่ต้องการเฮเป็นหมู่คณะ จะสามารถ
เพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้ไม่ยากเช่นเดียวกัน
ธุรกิจอื่น ๆ ที่คาดว่ามีการเติบโตแน่นอนคือธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ผู้คนมักซื้อติดบ้านเอาไว้สร้างความเพลิดเพลินระหว่างการรับชมการแข่งขันของทีมโปรด มีแนวโน้มสูงขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงแบรนด์ต่าง ๆ และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ ธุรกิจเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา โดยเฉพาะเสื้อแข่งขันหรือผ้าพันคอที่ช่วยให้การเชียร์บอลเพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ มากกว่านั้นสำหรับคนชอบเล่นฟุตบอลเป็นทุนเดิม การได้ชมแมตช์แข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ยังอาจกระตุ้นให้เกิดอาการคันไม้คันมือ นัดก๊วนเพื่อนเก่ามาเตะฟุตบอลยืดเส้นยืดสายกันอีกด้วยเหมือนกัน
สิ่งสำคัญคือการวางแผน การวิเคราะห์ทิศทางของตลาด และสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดให้
ตอบโจทย์ผู้บริโภค รับรองว่าช่วงเวลาสุดวิเศษของแฟนกีฬาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทุก ๆ ธุรกิจที่เตรียมพร้อมอย่างดีด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก smartsme.co.th,
khaosod.co.th,
thairath.co.th,
nfi.or.th