เล่นหุ้นแบบฟิวเจอร์สคืออะไรและควรเริ่มอย่างไร
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เล่นหุ้นแบบฟิวเจอร์สคืออะไรและควรเริ่มอย่างไร

icon-access-time Posted On 26 พฤศจิกายน 2557
By iSalaryman
ผมเชื่อว่าผู้ที่สนใจการลงทุนจะต้องรู้จักหุ้นกันอย่างแน่นอน และมีความเข้าใจว่าเราซื้อและขายหุ้นเพื่อหวังทำกำไรส่วนต่างของราคา ถ้าเราซื้อหุ้นแล้วราคาดันร่วงต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ เราก็จะขาดทุนพอร์ตเราก็จะแดงช้ำใจ สิ่งที่ทำได้คือรอให้ราคามันวิ่งกลับขึ้นมาใหม่ แต่ถ้ามันไม่กลับมาเราก็ติดดอย รอคอยต่อไป แต่ถ้าไม่อยากรอ เพราะเรารู้ตัวว่าผิดทาง ผิดแผนที่วางเอาไว้เราก็ตัดขาดทุน ยอมขายทิ้งเจ็บตัวเล็กน้อย แล้วไปเริ่มต้นใหม่
tfex.jpg
จะเห็นว่าเล่นหุ้นเก็งกำไรต้องรอให้ราคามันขึ้นเราถึงจะได้กำไรมาเชยชม ทำให้มีโอกาสแค่ทางเดียว แต่มันก็มีแบบว่าช่วงขาขึ้นก็ทำกำไรได้ ช่วงจังหวะลงก็ได้กำไรได้ แบบนี้เขาเรียกว่า เทรดแบบ ฟิวเจอร์ส คือ เป็นรูปแบบของสัญญา ซื้อหรือขายสินค้าหรือสินทรัพย์กันล่วงหน้า ที่ตกลงกันวันนี้ แต่ใช้ราคาในอนาคต และส่งมอบสินค้าในอนาคต ซึ่งตัวสินค้าที่เขาซื้อขายกันล่วงหน้าที่เรารู้จักกัน เช่น น้ำมัน ทองคำ และที่เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร เงินตราต่างประเทศ ดัชนีราคาหลักทรัพย์ จะมี บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX
เปิดให้มีการซื้อขายฟิวเจอร์สสินทรัพย์ทางการเงิน ที่รู้จักกันดีคือ SET50 Index Futures เป็นสัญญาฟิวเจอร์ ที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงที่จะซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิง คือ ดัชนี SET50
คราวนี้จะมาทำความรู้จักการซื้อขายของ TFEX กัน ถ้าเป็นหุ้นอย่างที่บอกไปซื้อแล้วก็จบ ราคาขึ้นเราก็ได้กำไร ถ้าลงก็ขาดทุน แต่ TFEX เราจะต้องกำหนดสถานะของฟิวเจอร์ส

1. Long Position

เป็นสถานะของผู้ซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส หรือเรียกว่า “ฐานะซื้อ” ตัวอย่างเช่น นักลงทุนคาดการณ์ ดัชนี SET50 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ในอีก 2 เดือนข้างหน้า นักลงทุนจึงซื้อ SET50 Index Futures เราเรียกสถานะของนักลงทุนเช่นนี้ว่า สถานะของผู้ซื้อสัญญาฟิวเจอร์ส (Long Position)

2. Short Position

เป็นสถานะของผู้ขายสัญญาฟิวเจอร์ส หรือเรียกว่า “ฐานะขาย” ตัวอย่างเช่น นักลงทุนคาดการณ์ ดัชนี SET50 จะปรับตัวลดลง ในอีก 2 เดือนข้างหน้า นักลงทุนจึงขาย SET50 Index Futures เราเรียกสถานะของนักลงทุนเช่นนี้ว่า สถานะของผู้ขายสัญญาฟิวเจอร์ส (Short Position)
สรุปแบบง่ายๆประมาณถ้าเรามองว่าดัชนีมันดูแล้วน่าจะขึ้นต่อ ก็ Long Position ถ้าดัชนีมันขึ้นตามที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็จะได้กำไร แต่ถ้าผิดทางก็งานเข้า และถ้าเรามองว่ามันจะลง ก็ Short Position ไป ถ้าดัชนีมันลงไปจริงๆ เราก็จะได้กำไร เรียกว่าถ้ามองถูกทางทั้งขึ้นและลง ก็ได้กำไรทั้งสองทาง ดีกว่าหุ้นเสียอีก แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่งั้นคนก็แห่ไปเล่นกันหมดแล้ว มันจะบาดเจ็บหนักกว่าหุ้นด้วยซ้ำถ้ามองผิดทั้งสองทาง มองว่าขึ้นดันลง มองว่าลงดันขึ้น และถ้าผิดทางมันลงไปหลายจุด เราจะถูกเรียกให้เติมเงินเข้าไป ถ้าไม่เติมก็จะถูกบังคับขายออกมา ซึ่งถ้าเป็นหุ้น ไม่ขายก็ค้างไว้อยู่อย่างนั้นได้ ผมแค่เล่าเบื้องต้นเท่านั้น มีความเสี่ยงสูงมากครับ ถ้าไม่รู้จักและเข้าใจดีพอ
"ถ้าดัชนีมันลงไปจริงๆ เราก็จะได้กำไร เรียกว่าถ้ามองถูกทางทั้งขึ้นและลง ก็ได้กำไรทั้งสองทาง ดีกว่าหุ้นเสียอีก แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่งั้นคนก็แห่ไปเล่นกันหมดแล้ว"
ผมเคยมีประสบการณ์ลองของมาแล้ว แบบว่ายังศึกษาไม่ดีก็ลุยเลย เชื่อไหมว่าช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที เราสามารถทำกำไรเป็นหมื่น และก็สามารถขาดทุนเป็นหมื่นได้เช่นกัน ประเมินแล้วไม่ไหวครับทำงานไม่รู้เรื่องเลย จึงขอไปศึกษาให้เข้าใจดีก่อน ค่อยกลับมาสู้ใหม่ ซึ่งผมมองว่าใครที่เล่นหุ้นแบบเก็งกำไรด้วยการดูกราฟ ใช้เทคนิคอลเข้ามาช่วย ก็จะได้เปรียบถ้าจะไปเล่น TFEX ฝึกมองจังหวะให้ออก ว่าจังหวะไหนขึ้น จังหวะไหนลง ถือ Position ให้ถูก ก็ช่วยได้
ถ้าใครสนใจ ผมแนะนำต้องไปดำเนินการดังนี้
  • ต้องมีเงินทุน ต้องพร้อมที่จะลุยและบริหารจัดการให้ดี เพราะ TFEX มันจะต้องมีเรื่องเงินทุนสำรองไว้ด้วย
  • ต้องศึกษา ทำความเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าเทรดอย่างไร ไปหาหนังสือมาอ่าน หรือค้นหาข้อมูลตาม website ต่างๆ สำคัญมากนะครับ จะมาแนวมั่วๆไม่ได้ครับ ขาดทุนหนักเลยทีเดียว
  • ต้องมีเวลา ที่จะดูตอนที่เทรด มือใหม่เชื่อว่าจะมองแบบว่าตาไม่กระพริบเลยทีเดียว เพราะมันจะผันผวนไม่กล้าแม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน ใครที่ทำงานประจำคงจะลำบาก ไปประชุมกลับมาดูอาจจะงานเข้าได้
  • ต้องมีจิตใจที่นิ่ง กล้าเสี่ยง ใครที่เห็นราคาขึ้นลงไวๆ แล้วหัวใจเต้นไม่ปกติ ไม่ควรจะเล่นเป็นอย่างยิ่ง สนามนี้เหมาะกับคนที่กล้าเสี่ยง แต่ความกล้าก็ต้องมาพร้อมกับวินัยที่เล่นไปตามแผนที่วางไว้ด้วย มันถึงจะสำเร็จ ในความเสี่ยงสูงมันก็ให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าพร้อมหรือเปล่า
ทั้งหมดที่เล่ามาลองไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ ไม่ว่าจะลงทุนรูปแบบไหน ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อน และรู้จักตัวเองว่าเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน เพื่อที่จะได้ให้เงินทำงานแทนเราอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลกำไรตามที่เราหวังไว้ และตัวเราก็มีความสุขไปกับการลงทุน
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา