วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก

วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก

By Krungsri Plearn Plearn
จาก New Normal สู่ Now Normal ในวันนี้สร้างความเคยชินใหม่ให้กับเรามากแค่ไหน หากเรามองย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ในช่วงที่เราต้องเผชิญเข้ากับวิกฤตโรคระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ทำให้เราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงปรับตัวในการใช้ชีวิต จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ทุกอย่างเริ่มกลายเป็นความเคยชินของเราจนเรียกได้ว่าเป็น Now Normal ไปแล้ว

ซึ่งถ้าหากเรามานึกย้อนกลับอีกครั้งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเราไปหลัก ๆ เลยคงหนีไม่พ้นวิถีของการทำงานแบบ “Work Form Home” หรือการทำงานจากที่บ้านที่ไม่เพียงกลุ่มคนทำงานเท่านั้นที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับมัน แต่เมื่อทุกคนเริ่มเกิดความเคยชิน และปรับตัวเข้ากับการทำงานในรูปแบบ WFH ได้แล้วนั้น ทำให้จากผลสำรวจของ ‘People at Work 2022: A Global Workforce View’ ที่ได้สำรวจพนักงานทั่วไปโดยผลลัพธ์ คือ มากถึง 64% ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่อยากกลับไปทำงานในออฟฟิศอีก หรือบางคนถึงขั้นยอมลาออกหากต้องกลับไปทำงานออฟฟิศเต็มรูปแบบ แต่บางคนก็ยอมเข้าออฟฟิศสลับกับการทำงานจากที่บ้านเช่นเคย
วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก
ซึ่งจริง ๆ แล้ว Work Form Home ก็มีข้อดีอยู่มากมาย อย่างการมีสุขภาพดีขึ้น มีความยืดหยุ่นด้านเวลาทำงาน ไม่ต้องเผื่อเวลาเดินทาง แต่กลับมาข้อเสียที่ร้ายแรงเหมือนกัน อาทิ การติดต่อสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงานน้อยลง อารมณ์อ่อนไหว สมาธิสั้น หรืออาการที่พบเห็นได้บ่อยในช่วงนี้คือ “หมดไฟ

เรามาทำความรู้จักอาการ “หมดไฟ” หรือที่เรียกว่า Burnout กันก่อน จริง ๆ แล้วอาการหมดไฟเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Burnout Syndrome หรือการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานและไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งแบ่งลักษณะอาการออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ได้แก่
  1. มีความรู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์ รู้สึกหมดพลัง สูญเสียพลังจิตใจ
  2. มีทัศนคติเชิงลบต่อความสามารถในการทำงานของตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนอย่างก่อน
  3. มีประสิทธิภาพการทำงานที่น้อยลง ไม่สนิทกับใครในที่ทำงาน และคิดลบกับพวกเขา
วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก
หลังจากที่เรารู้ถึงอาการของ Burnout Syndrome เรามารู้ถึงสัญญาณเตือนที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะหมดไฟอยู่หรือเปล่า เราขอให้คุณเช็กด่วน! และคำถามที่ตามมาหลังจากนี้คงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า หมดไฟ แก้ยังไง?
โดยเราจะมาลองแบ่งการเช็กหลัก ๆ ออกเป็น 3 ด้าน
  1. ด้านอารมณ์
    • รู้สึกหดหู่
    • ซึมเศร้า
    • ทำอะไรก็หงุดหงิด โมโหง่าย
    • อารมณ์แปรปรวน
    • ไม่พอใจในงานที่ทำ
  2. ด้านความคิด
    • มองคนอื่นในแง่ร้าย
    • โทษคนอื่นมากกว่าตัวเอง
    • ระแวงทุกสิ่ง
    • หนีปัญหา ไม่ยอมจัดการปัญหาที่เจอ
  3. ด้านพฤติกรรม
    • ขาดความกระตือรือร้น
    • บริหารจัดการเวลาไม่ได้
    • ไม่อยากตื่นไปทำงาน
    • ไม่มีสมาธิในการทำงาน
    • ไม่มีความสุขในการทำงาน

นับอาการที่คุณกำลังประสบไว้ในใจ หากใครที่กำลังมีคำถามกับตัวเองว่า หมดไฟ แก้ยังไง เราขอดูแลคุณต่อด้วย “วิธีแก้อาการหมดไฟ”
วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก

วิธีแก้อาการหมดไฟที่เราจะหยิบยกมาให้คุณง่าย ๆ มีเพียง 4 วิธี

  1. จัดระเบียบชีวิตใหม่ ให้ไม่ยุ่งเหยิง หากใครที่กำลังสงสัยหมดไฟ แก้ยังไง เริ่มด้วยวิธีนี้ดีที่สุด จัดระเบียบชีวิตมันก็เป็นสิ่งง่าย ๆ ที่เราสามารถทำได้เลยทันที โดยเราอาจจะเริ่มจากจัดสิ่งของที่เราจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันให้เป็นระเบียบ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราปล่อยมันไว้ไม่เป็นที่เป็นทางแล้วหากเราจำเป็นต้องใช้มันเราก็มักจะหามันไม่เจอ ก็จะส่งผลให้เรานั้นร้อนรนจนทำให้รู้สึกอารมณ์ไม่ดี และผลที่ตามมาคงหนีไม่พ้นเรื่องของสุขภาพจิตที่แย่ลง เพราะฉะนั้นหากเราจัดระเบียบสิ่งของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ก็จะช่วยให้เราลดความเครียดเวลาหาของไม่เจอไปได้ และมันก็ยังช่วยให้เราได้ฝึกสมาธิในช่วงเวลาการจัดระเบียบของอีกด้วย “ก้าวเล็ก ๆ ที่เราเริ่มในเรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าของคุณ”

  2. ออกไปทำในสิ่งที่อยากจะทำ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีแพลนหรือกิจกรรมอะไรสักอย่างที่อยากจะทำ แต่ด้วยชีวิตที่มันยุ่งอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาไปทำสิ่งเหล่านั้นสักที จริง ๆ แล้วถ้าหากเราสามารถจัดระเบียบชีวิตใหม่ได้แล้วมันก็จะทำให้เรานั้นมีเวลามากขึ้น พร้อมทั้งเพียงพอที่จะออกไปทำในสิ่งที่อยากทำ ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะส่งผลให้สภาพร่างกาย และจิตใจของเราได้พักผ่อน พักทุกเรื่องราวทิ้งไป พร้อมทั้งเราจะเดินก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมีความสุขได้

  3. ไม่แบกรับทุกสิ่งเอาไว้คนเดียว หลาย ๆ คนอาจมีความรู้สึกมากมายในใจ แต่เลือกที่จะเก็บไว้คนเดียว เพราะมีความคิดที่ว่าหากเราเล่าให้ใครฟังเราจะเพิ่มภาระให้เขาหรือเปล่า ในทางกลับกันการที่เราจะไม่ต้องแบกมันไว้คนเดียวนั้น มันคือการที่มีคนช่วยแชร์ความรู้สึกของเรา อีกทั้งเขาอาจจะมีคำพูดที่ให้กำลังใจคนหมดไฟ และแบ่งภาระทางความคิดของเราได้ หากใครสักคนได้รับฟังแล้ว อาจจะทำให้เราได้เจอทางออกที่เราต้องการคำตอบอยู่ หรือเราอาจจะได้แนวคิดใหม่ ๆ มุมมองความคิดที่ต่างจากเราออกไปนั่นเอง

  4. ออกจากที่ที่ไม่ใช่ที่ของเรา หากเราต้องการเลือกที่จะเดินออกมา มันไม่ใช่ว่าเรานั้นจะกลายเป็นผู้แพ้ หรือยอมรับความพ่ายแพ้เสมอไป แต่มันคือการก้าวเดิน และการมองหาเส้นทางใหม่ที่เราจะต้องเดินไปข้างหน้า ซึ่งมันอาจจะยากหรือง่ายกว่า แต่เชื่อเถอะว่ามันจะรู้สึกดีกว่าเส้นทางเก่าที่มันไม่ใช่เส้นทางของเราอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเราวางแผนกับเส้นทางใหม่ให้ดี ไม่ว่าทางข้างหน้าเราจะเจออะไร เราจะรับมือกับมันได้เสมอ
วิธีแก้อาการ Burnout หมดแรงจนหมดไฟ ฮีลตัวเองยังไงถึงจะเวิร์ก

หรือถ้าหากใครกำลังตัดสินใจลาออกจากงาน เราขอแนะนำการเตรียมตัวออกจากงานอย่างไรให้ใจเป็นสุข

  1. วางแผน
    เมื่อตัดสินใจลาออกจากงานแล้วเราอาจจะลองมองเรื่องของงานในอนาคต เพราะบางคนก็ย้ายจากการเป็นพนักงานออฟฟิศ สู่การเป็นนายจ้างตัวเอง หรือบางคนเปลี่ยนสายงาน หากเราวางแผนให้ดี เราจะเจองานที่เราทำแล้วมีความสุขนั่นเอง
  2. วางแผนผ่อนชำระหนี้ ไม่ให้มีผลกระทบต่อเงินเก็บออม
    หนี้ถือว่าเป็นรายจ่ายประจำ ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เราอาจจะลองวางแผนไม่ให้กระทบเงินออมของเราให้มากที่สุด
  3. เตรียมเงินสำรอง
    โดยปกติถ้ามีงานอยู่แล้วควรต้องมีเงินสำรองประมาณ 3-6 เดือนเผื่อไว้สำหรับฉุกเฉิน แต่ถ้าลาออกความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่ม เนื่องจากการขาดรายได้ในช่วงระหว่างการหางานใหม่ ดังนั้นหากเรามีเงินสำรองไว้จะอุ่นใจกว่า
  4. มีรายได้เสริม
    ระหว่างช่วงก่อนลาออก และระหว่างที่ว่างงาน ควรมีช่องทางรายได้เสริมด้วยจะยิ่งดี อาจเริ่มจากสิ่งที่เราถนัด หรืองานที่สามารถทำได้จากที่บ้าน
  5. ขึ้นทะเบียนคนว่างงาน
    สำหรับพนักงานบริษัท ที่จ่ายประกันสังคมมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และภายใน 15 เดือน ก่อนว่างงาน อย่าลืมไปลงทะเบียนคนว่างงานภายใน 30 วัน เพื่อรับเงินชดเชยระหว่างว่างงานนั่นเอง เพียงเท่านี้เราก็สามารถเตรียมตัวออกจากงานให้ใจเป็นสุขได้แล้ว จงเชื่อมั่นในทุกการตัดสินใจของตัวเอง เพราะคุณยังสามารถเรียนรู้ ค้นพบตัวเองไปได้อีกเรื่อย ๆ เสมอ
และเรื่องราวทั้งหมดก็มาถึงบทสรุปสุดท้ายในบทความนี้กันแล้ว สำหรับคำพูดที่ให้กำลังใจคนหมดไฟได้ดีที่สุดในตอนนี้คงจะเป็นประโยคที่ว่า “เราหมดไฟได้ แต่เราต้องไม่หมดหวัง” ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนอยู่ตรงนี้เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2564 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow