การตลาดแบบไหนโดนใจ “ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่”

การตลาดแบบไหนโดนใจ “ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่”

By Krungsri Guru

เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ขยายตัวเข้าไปในทุกภูมิภาค และราคาสมาร์ทโฟนที่ลดลงทำให้มีผู้ใช้งานหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นลูกค้าใหม่ของหลายธุรกิจ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ทั้ง 3 กลุ่ม จุดประสงค์ของการใช้ รวมทั้งเแนวทางการตลาดที่จะชนะใจผู้ใช้งานเหล่านี้กันครับ

กลุ่มแรก


ไม่ใช่คนไกลตัวที่ไหนหรอกครับ ให้นึกถึงญาติผู้ใหญ่ของพวกเราเอง ไม่ว่าจะพ่อ แม่ ป้า น้า อา หลาย ๆ คนที่มี LINE group ของครอบครัว คงเคยได้รับ LINE message ที่ว่า สวัสดีวันจันทร์ สวัสดีวันอังคาร พร้อมดอกไม้สวย ๆ สีสันสดใส บางวันก็ส่งวิธีการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร สูตรน้ำผลไม้ปั่นรักษาโรค หรือแม้แต่ประกาศลดราคาน้ำมัน ซึ่งโดยส่วนมากการใช้อินเทอร์เน็ตของคนกลุ่มนี้เป็นไปเพื่อการสื่อสารและความบันเทิง เชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัวและระหว่างเพื่อนฝูง

กลุ่มที่สอง


กลุ่มผู้ใช้ที่เพิ่งมีโอกาสเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตในต่างจังหวัด เมื่อก่อนการใช้อินเทอร์เน็ตมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง นอกจากระบบเครือข่ายที่เข้าถึงพื้นที่แล้ว ผู้ใช้ยังต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับระบบอีกด้วย ต่างกับปัจจุบันที่ผู้ใช้เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนและมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงแทบจะทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะ 3G/4G หรือ WiFi ด้วยต้นทุนที่ถูกลงอย่างมากทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกลุ่มนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างรูปแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น ใช้เพื่อความบันเทิง ฟังเพลง ดูวิดีโอ อ่านข่าวสาร รวมทั้งไว้ใช้ติดต่อกับญาติที่อยู่คนละจังหวัด

กลุ่มที่สาม


แม่ค้าออนไลน์ จากช่องทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ง่ายขึ้น รวมทั้งค่าบริการที่ถูกลง จึงมีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าไม่ว่าจะหน้าเก่าและหน้าใหม่ในโลกการค้า หันมาเป็นพ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่บนโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้ รวมทั้งใช้อินเทอร์เน็ตในการปรับปรุงการให้บริการ เช่น การทำ customer service ผ่าน LINE หรือการโฆษณาบน Facebook

เมื่อเรารู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างไร คราวนี้เรามาดูกันต่อครับว่า กลยุทธ์การตลาดที่จะโดนใจกลุ่มเป้าหมายของเราควรจะเป็นเช่นไรบ้าง

1. ส่งข้อมูลให้ถึงที่ จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ใช้ทั้งสามกลุ่มนี้ มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่เคยใช้อินเทอร์เน็ตมาก่อน ไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการทำตลาดของสินค้าบนอินเทอร์เน็ต จึงควรเน้นให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายที่สุด ในลักษณะที่ว่าเปิดปุ๊บ เห็นปั๊บ ตัวอย่างเช่น การลง suggested post บน Facebook ที่เหมือนเป็นการจับสินค้าใส่หน้าจอให้ผู้ใช้, โฆษณาผ่าน notification ใน LINE, หรือการเลือกแสดงสินค้าตามลักษณะของผู้ใช้ เช่น อายุ เพศ ที่อยู่ หรือความสนใจโดยดูจากประวัติการเข้าดูหน้าเพจก่อนหน้านี้ รวมทั้งการทำให้สินค้าของเราอยู่บนหน้าแรกของการแสดงผลของ Google
 
2. ใช้งานง่าย ในส่วนของการทำ Platform เพื่อสร้างตลาดให้พ่อค้า และแม่ค้าออนไลน์ ควรออกแบบระบบให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากคำแนะนำการใช้งานบนหน้าเว็บแล้วยังจำเป็นต้องมีช่องทางให้ลูกค้าติดต่อ customer support ที่เป็นพนักงานไว้คอยช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์ และตอบคำถามเมื่อมีปัญหาในการใช้งาน
 
3. ฟรี กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มักให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่าย และค่อนข้างระวังกับการใช้จ่ายบนอินเทอร์เน็ต ดังจะเห็นได้จากการใช้บริการส่วนใหญ่จะอยู่บน Free Service ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, YouTube หรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนจากการใช้โทรศัพท์ เป็นการใช้ LINE call หรือ Facetime ดังนั้น Business Model ในการสร้างรายได้ อาจพิจารณาใช้แผนการหารายได้จากช่องทางอื่น เช่น ค่าโฆษณาแทนที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้โดยตรง และหากเป็นการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ควรมีช่องทางการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส และการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารด้วยนะครับ เพราะกลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้มักไม่ใช้บัตรเครดิต
 
4. โฆษณาผ่านความบันเทิง ใช้ภาพ เพลง หรือ VDO เพื่อดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย แทนที่จะบรรยายสรรพคุณของสินค้าด้วยตัวหนังสือเยอะ ๆ ดังจะเห็นได้จากความนิยมในการแชร์รูปภาพสวย ๆ หรือคลิปวิดีโอผ่าน LINE หรือบน Facebook นอกจากนี้การใช้ดารา ข่าวบันเทิง รวมทั้งการเกาะกระแสข่าวดัง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณสินค้าที่นำเสนอในโลกออนไลน์มีมากขึ้นทุกวัน ตัวสินค้าเองยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างจุดแข็ง และเน้นจุดเด่นเพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น หากเราใส่ความคิดสร้างสรรค์เจ๋ง ๆ ลงไป ก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจงานของเรามากขึ้น
 
5 เชื่อคนรู้จัก กลุ่มผู้ใช้เหล่านี้มักจะตัดสินใจด้วยระบบ “เขาบอกว่า” เช่น ซื้อสินค้าชิ้นนี้ เพราะน้าคนนั้นบอกว่าดี พี่คนนี้บอกว่าถูก ดังนั้น การสื่อสารที่จะส่งต่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เหมือนมีเพื่อนหรือญาติมาเล่าให้ฟัง เราสามารถเห็นตัวอย่างมากมายบน Social ไม่ว่าจะเป็นการทำตลาดผ่าน Net Idol หรือการสร้างกลุ่ม LINE เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มผู้ใช้สินค้า

การเปลี่ยนแปลงในโลกอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา ความนิยมของกลุ่มลูกค้าก็เช่นกัน เราจึงจำเป็นต้องหมั่นวิเคราะห์ตลาด และกลุ่มลูกค้า รวมทั้งติดตามดูกระแสเพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา