ดอกเบี้ยรถยนต์คิดยังไง ซื้อรถใหม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
รอบรู้เรื่องรถ
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ดอกเบี้ยรถยนต์คิดยังไง ซื้อรถใหม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

icon-access-time Posted On 07 พฤศจิกายน 2559
By Krungsri the COACH
รถยนต์ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งความจำเป็นในการตัดสินใจซื้อรถของแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป เช่น
  • ซื้อรถมาใช้ในการทำงาน เช่น ฟรีแลนซ์หรือเซลล์ที่ต้องขับรถไปพบลูกค้า ขับไปทำงานที่ต่างจังหวัด รวมทั้งคนค้าขายหรือเกษตรกรขนของไปวางขายที่ตลาด
  • ซื้อรถมาเพื่อสร้างรายได้ เช่น ปล่อยเช่า ใช้ทำธุรกิจรถรับส่งนักเรียน
  • ใช้สำหรับเดินทางในชีวิตประจำวัน สำหรับพื้นที่ที่การขนส่งสาธารณะยังไม่สะดวกนัก
และในขณะเดียวกัน ความจำเป็นที่จะซื้อรถก็ควรสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าและเงินที่จะได้รับในอนาคตด้วย เพราะรถยนต์ 1 คันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายแค่ค่าผ่อนรายเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมากมายที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป เช่น ค่าดาวน์รถ อัตราดอกเบี้ยในการเช่าซื้อรถยนต์ รถเข้าไฟแนซ์ดอกเบี้ยเท่าไหร่ หรือค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ รวมถึงความกังวลว่าเราจะผ่อนรถไหวไหม ในความเป็นจริงการซื้อรถสักคันหนึ่งต้องมีรายจ่ายอะไรบ้างและจะแก้ไขความกังวลถึงค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้อย่างไร ติดตามข้อมูลดี ๆ ได้จากบทความนี้เลย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

1. รายจ่ายประจำ


เป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ซึ่งเราต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกปี หลัก ๆ คือค่าผ่อนรถรายเดือนนั่นเอง
ค่าผ่อนรถรายเดือน ถือเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายทุกเดือน ซึ่งหลังจากหักเงินดาวน์รถออกไปแล้ว จำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือนนั้นจะคิดแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ พูดง่าย ๆ คือ นำเงินต้นมารวมกับดอกเบี้ยแล้วหารจำนวนเดือนที่จะผ่อน และสำหรับคนที่ยังสงสัยอยู่ว่าดอกเบี้ยรถยนต์มีวิธีคิดยังไง ไม่ต้องเสียเวลามึนกับตัวเลข เพราะเรามีวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถอย่างง่าย ๆ ด้วยการใช้โปรแกรมช่วยคำนวณมาฝากกัน
ตัวอย่าง หากเราต้องการซื้อรถคันใหม่ราคา 600,000 บาท มีเงินดาวน์รถ 300,000 บาท ผ่อน 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5% ก็สามารถใส่ตัวเลขลงในโปรแกรมแล้วกด “เริ่มคำนวณ” ได้เลย โดยยอดจัดเช่าซื้อจะหมายถึงยอดการกู้สินเชื่อสำหรับซื้อรถ ระบุยอดอยู่ที่ 300,000 บาท ส่วนค่างวดต่อเดือน รวม VAT อยู่ที่เดือนละ 6,250 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน
คำนวณสินเชื่อรถยนต์
สามารถคำนวณด้วยตัวเองได้ที่: เครื่องมือคำนวณสินเชื่อรถยนต์
ช่วงนี้หลายคนอาจจะเห็นโปรโมชัน “ดาวน์น้อยผ่อนนาน” มาเป็นตัวกระตุ้นให้เราอยากซื้อรถ เพราะวางเงินดาวน์รถและจ่ายรายเดือนน้อย ๆ ก็ได้รถมาขับแล้ว แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ ลองมาดูตัวเลขอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ในตารางข้างล่างนี้แล้วจะเห็นว่าดอกเบี้ยจากการดาวน์น้อยและเช่าซื้อเยอะน่ากลัวขนาดไหน
 
เปรียบเทียบจำนวนเงินเช่าซื้อ
เมื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยในการเช่าซื้อรถยนต์โดยใช้รถราคา 600,000 บาทจากตัวอย่างเดิม หากใช้เวลาผ่อน 60 เดือน กับเงินดาวน์รถ 300,000 บาทและเช่าซื้อเพียง 300,000 บาท เราจะเสียดอกเบี้ยทั้งหมด 75,000 บาท แต่ถ้าใช้เงินดาวน์รถ 50,000 บาทและเช่าซื้อถึง 550,000 บาท เราจะเสียดอกเบี้ยทั้งหมด 137,540 บาทเลยทีเดียว
สำหรับคนที่กำลังมองหารถคันใหม่ รถญี่ปุ่นถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าสนใจไม่น้อย เพราะความคุ้มค่าของรถญี่ปุ่นมีตั้งแต่การช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุด หรือเลือกใช้เครื่องยนต์ดีที่สุด อย่างรถ Mitsubishi Lancer หรือรถสปอร์ตนิสสันรุ่น GT-R ที่ใช้เครื่องยนต์แรงและดีระดับโลก อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ ระบบเซนเซอร์ป้องกันการชนของโตโยต้า (Toyota Safety Sense) ที่มีเซนเซอร์ไวและแม่นยำ โดยใช้เซนเซอร์ถึง 2 ระบบ เพื่อสามารถให้เซนเซอร์ทำงานได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นยามอากาศไม่ดีหรือยามค่ำคืน ช่วยให้การขับขี่ของคุณมีความปลอดภัยสูงขึ้น
จากตารางขั้นต้น การเปรียบเทียบนี้จะทำให้รู้ว่า โปรโมชันที่ค่ายรถยนต์ออกมายั่วยวนใจเรานั้น เป็นเหมือนภาพลวงตาให้รู้สึกดีในตอนแรก ผ่อนจ่ายรายเดือนรวมกับดอกเบี้ยรถใหม่แล้วดูเป็นเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เมื่อมองลึกลงไปและทำความเข้าใจวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่าเราต้องเสียเงินจำนวนมากให้กับดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น จึงควรศึกษาอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อจะได้คำนวณเงินดาวน์และเงินค่างวดที่เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินของเราได้นั่นเอง
นอกจากค่างวดรายเดือนแล้ว อีกหนึ่งรายจ่ายประจำที่ต้องจ่ายทุกปีก็คือพ.ร.บ.รถยนต์ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้รถทุกคันจะต้องมี พ.ร.บ. เป็นการทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยมีค่าใช้จ่ายปีละ 600 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
  • รายจ่ายค่าต่อทะเบียน ค่าภาษีรถยนต์เป็นรายจ่ายที่จะต้องจ่ายทุกปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,500-6,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดรถ ถ้ารถขนาดใหญ่ต้องเสียภาษีแพงขึ้น
  • ประกันภัยรถยนต์ เป็นการโอนความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันภัยรับผิดชอบ โดยมีให้เลือกประกันชั้น 1-3 ซึ่งรายละเอียดนั้นขึ้นอยู่กับโปรโมชันและเงื่อนไขของแต่ละบริษัท ยิ่งรถมีราคาแพง ค่าเบี้ยประกันก็แพงขึ้นตามไปด้วย เช่น รถราคา 600,000 บาท เบี้ยประกันชั้น 1 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท/ปี
  • ค่าเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันหรือแก๊ส ขึ้นอยู่กับราคาในขณะนั้นและลักษณะการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน

2. รายจ่ายทั่วไป


นอกจากเงินดาวน์รถและเงินผ่อนรวมกับดอกเบี้ยรถใหม่ที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนแล้ว การซื้อรถใหม่ยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ ตกแต่งและอำนวยความสะดวกในการเดินทางต่าง ๆ ตามมาด้วย เช่น ค่าเปลี่ยนยางซึ่งต้องเปลี่ยนทุก 2 ปีหรือทุก 50,000 กิโลเมตร, การเข้าศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์, ค่าที่จอดรถในห้างสรรพสินค้าหรือออฟฟิศใจกลางเมือง, ค่าทางด่วน, ค่าล้างรถ, ค่าปรับที่ทำผิดกฎจราจร เป็นต้น
 

ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ แล้วเราจะผ่อนรถไหวไหม?

เมื่อเห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถและค่าใช้จ่ายจิปาถะทั้งหลายแล้ว หลายคนอาจเกิดความรู้สึกว่าแล้วจะผ่อนไหวไหม เพราะต้องผ่อนต่อเนื่องหลายปีและถือเป็นภาระผูกพันระยะยาว ถ้าอยากรู้ลองใช้วิธี “ซ้อมออมเงิน” มาช่วยดู เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ประมาณยอดหนี้คร่าว ๆ ว่าจะต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ แล้วก็ซ้อมออมเงินในจำนวนเท่านั้น เพื่อจะได้รู้ว่าตนเองจะปรับลักษณะการใช้ชีวิตให้เข้ากับจำนวนเงินที่น้อยลงได้หรือไม่ จะได้ไม่เกิดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันในอนาคต
ตัวอย่างเช่น เราจะซื้อรถคันใหม่ราคา 600,000 บาท กู้สินเชื่อรถยนต์ 300,000 บาท ผ่อน 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5% สามารถประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการซ้อมออมได้ดังนี้
  • ค่างวดรถรวมดอกเบี้ยเดือนละ 6,250 บาท
  • ค่าน้ำมันเดือนละ 3,000 บาท
  • ค่าพ.ร.บ., ค่าต่อทะเบียนและค่าประกันภัยรถยนต์ เฉลี่ยเดือนละ 1,450 บาท
รวมค่าใช้จ่ายสำหรับการซ้อมออมรายเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 10,700 บาท
สำหรับการซ้อมออมเงินนั้น ควรแยกบัญชีไว้ต่างหาก อาจจะเป็น “บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง” เมื่อเงินเดือนเข้ามาปุ๊บก็สั่งโอนไปเก็บที่บัญชีนี้ทันทีเดือนละ 10,700 บาท ใช้เวลาซ้อมประมาณ 1 ปีจนมั่นใจว่าสามารถปรับตัวกับการใช้เงินในจำนวนที่น้อยลงได้ ค่อยตัดสินใจซื้อรถก็ยังไม่สาย
การซ้อมออมเงินไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าสามารถผ่อนรถไหว แต่ยังได้ประโยชน์ถึง 2 เด้ง คือ
  • เด้งที่ 1 มีเงินไปดาวน์รถเพิ่มขึ้น 10,700 x 12 = 128,400 บาท ทำให้เรากู้ยืมเงินน้อยลง และเสียดอกเบี้ยลดลงด้วย
  • เด้งที่ 2 เมื่อเวลาผ่านไป ราคารถมักจะปรับตัวลง ถือเป็นการช่วยประหยัดเงินได้อีกทางหนึ่ง
สุดท้ายนี้ เมื่อมีความจำเป็นจะต้องซื้อรถ นอกจากหาข้อมูลของรถแล้ว อย่าลืมศึกษาวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถอย่างละเอียดและประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อจะได้วางแผนการซื้อและซ้อมออมเงินเพื่อดาวน์รถ ผ่อนรถ ปรับวิธีการใช้ชีวิต และเตรียมความพร้อมก่อนการสร้างหนี้จริงนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา