Cognitive Flexibility ทักษะที่ผู้นำต้องมีถ้าอยากปรับแพลนรับวิกฤตให้ได้

Cognitive Flexibility ทักษะที่ผู้นำต้องมีถ้าอยากปรับแพลนรับวิกฤตให้ได้

By รวิศ หาญอุตสาหะ
การเป็นผู้นำในภาวะปกติก็ต้องอาศัยการใช้ทักษะมากมายมากกว่าคนอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่เมื่อมีวิกฤต แน่นอนว่าผู้นำก็ต้องงัดทักษะต่าง ๆ มาใช้มากขึ้นกว่าเดิม และบางทักษะก็ยิ่งทวีคูณความสำคัญเข้าไปใหญ่เมื่อต้องนำองค์กรภายใต้ความไม่แน่นอน
ด้วยสถานการณ์ สภาพแวดล้อมและข้อจำกัดที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรจะต้องปรับตัวได้เร็วด้วยเช่นกัน แต่สิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากผู้นำยังคงยึดติดกับอะไรเดิม ๆ
ทำให้ทักษะที่จะเข้ามามีความสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้นำคือ ‘Cognitive Flexibility’ หรือทักษะแห่งการมี ‘ความยืดหยุ่นทางความคิด’
Cognitive Flexibility ทักษะที่ผู้นำต้องมีถ้าอยากปรับแพลนรับวิกฤตให้ได้

แล้วความยืดหยุ่นทางความคิดคืออะไรกัน?

EY ได้อธิบายคำว่า Cognitive Flexibility ไว้ว่า ถ้าคุณเป็นคนที่มีทักษะความยืดหยุ่นทางความคิดนี้ คุณจะเป็นคนที่ตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีการเตรียมพร้อมในความไม่แน่นอน คุณชอบที่จะทดลองและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ สามารถที่จะมองสิ่ง ๆ หนึ่งในมุมที่แตกต่างออกไป และยังสามารถที่จะพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างพร้อมกัน
หรือหากพูดง่าย ๆ ก็คือการที่คุณสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป

แล้ว Cognitive Flexibility สำคัญกับโลกธุรกิจอย่างไร?

อย่างที่เราเผชิญกับสถานการณ์การระบาดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แน่นอนว่าถ้าใครมีทักษะ Cognitive Flexibilty อยู่แล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากเท่ากับคนที่ไม่มีทักษะนี้มาก่อน
เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าในตอนนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่ปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ เพราะการไม่ปรับตัวก็เหมือนกับการเดินถอยหลังลงคลองแล้วในขณะที่คนอื่น ๆ เขาสามารถก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อย่างที่ EY ได้ระบุไว้ว่าการมี Cognitive Flexibility เราจะมีความตื่นตัวมาก ๆ และเมื่อเราลองหันกลับมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเรามีการปรับเปลี่ยนสถานการณ์และเทรนด์ต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมายอย่างรวดเร็ว มีความไม่แน่นอนสูงทางด้านข้อกำหนดทางธุรกิจ ดังนั้น ผู้นำที่ตื่นตัวกับสิ่งเหล่านี้จะรับรู้เร็ว คิดได้เร็ว วางแผนได้เร็ว และคว้าโอกาสได้เร็วกว่าผู้อื่น
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเลยคือ การเปิดรับต่อความรู้และไอเดียใหม่ ๆ ในเมื่อการระบาดของโควิด-19 เป็นอุปสรรคที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เคยมีใครทำตำราว่าธุรกิจจะรับมือกับการระบาดทั่วโลกอย่างไร ไม่มีใครเคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ทำให้ในการรับมือกับความท้าทายหน้าใหม่นี้ การใช้วิธีเดิม ๆ ยึดติดอยู่กับความคิดเก่า ๆ ก็คงจะดูไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะครับ
อาจจะลองยกตัวอย่างง่าย ๆ คือก่อนหน้านี้ธุรกิจอาจจะไม่เคยขายออนไลน์มาก่อน แต่เมื่อโควิด-19 เข้ามา การขายแบบเดิมอาจจะทำได้ยากขึ้นด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการที่ออกมาหรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าเมื่อโควิด-19 จบลงมาตรการก็อาจจะจบลงไปด้วย แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ต่อไปในอนาคตคือพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่อยากได้ ‘ความสะดวก รวดเร็ว ถึงที่’ ผ่านการใช้งาน ‘เทคโนโลยี’
Cognitive Flexibility ทักษะที่ผู้นำต้องมีถ้าอยากปรับแพลนรับวิกฤตให้ได้
ทำให้ผู้นำจะคิดง่าย ๆ ไม่ได้ว่าเดี๋ยวสถานการณ์ก็คงกลับมาเป็นแบบเดิม และยึดติดกับวิธีขายเดิม ๆ รอเวลาให้วิกฤตผ่านพ้นไป แต่ความจริงแล้วตั้งแต่เกิดการระบาดมา ไม่มีอะไรที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างแน่นอนครับ ดังนั้น ผู้นำจะต้องเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ เรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เรื่องของการทำออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันก็มีเครื่องมือมากมายให้เราสามารถเลือกใช้ได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อน
หรือแม้กระทั่งปัญหาเดิม ๆ ที่เราเจอทุกวัน อย่างในหนังสือ Creative Blindness ของ Dave Trott ได้เล่าถึงเรื่องการแก้ปัญหาคนวางสายจากคอลเซนเตอร์ 40% เหตุเพราะว่าต้องรอนาน แต่สิ่งที่องค์กรทำเพื่อแก้ปัญหาคนวางสายคือการที่ทางองค์กรได้เพิ่มสิ่งหนึ่งเข้าไปในการรอสาย การบอกกับลูกค้าว่าถ้ายิ่งรอสายนานเท่าไหร่ ทางองค์กรจะบริจาคเงินตรงส่วนนี้เพื่อช่วยเหลือเรื่องของ Domestic Violence กับหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือสังคม ซึ่งการมองปัญหาอย่างผ่านวิธีที่สร้างสรรค์ ในมุมที่แตกต่างออกไปเช่นนี้ ทำให้อัตราการวางสายลดลงจาก 40% เหลือ 5% เท่านั้น
ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้เหตุการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ หรือจะเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ ที่เราเจอ การที่ผู้นำมี Cognitive Flexibilty มีความยืดหยุ่นทางความคิดที่สูง จะช่วยให้องค์กรนั้นผ่านวิกฤตไปได้
Cognitive Flexibility ทักษะที่ผู้นำต้องมีถ้าอยากปรับแพลนรับวิกฤตให้ได้
ถ้าอยากจะลองฝึกให้ Cognitive Flexibility ของเราให้แข็งแกร่งขึ้น ลองทำสิ่งเหล่านี้ดูครับ
  1. ลองหาต้นแบบของคนที่ Cognitive Flexibility : สังเกตว่าเขาคนนั้นรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ลองนำวิธีที่เขาคนนั้นทำหรือคิดมาปรับใช้กับสถานการณ์ที่เราเจอ
  2. ก้าวออกจาก Comfort Zone บ้าง : บางครั้งการที่เรายึดติดอยู่กับอะไรเดิม ๆ ก็เป็นเพราะเราไม่ยอมออกมาจาก Comfort Zone ดังนั้น ลองพยายามทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารใหม่ ๆ การเที่ยวในสถานที่ใหม่ ๆ การทำกิจวัตรใหม่ ๆ ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทั้งพฤติกรรมและความคิดของเรา
  3. ใช้เวลาไปกับการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ : ลองเอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข่าว การติดตามจดหมายข่าว การฟังพอดแคสต์ การดูยูทูปอัปเดตเทรนด์ข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นไปในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเป็นการใช้เวลาไม่กี่นาทีในแต่ละวัน ก็ช่วยให้เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่เราอยู่แล้ว
  4. เปิดรับต่อมุมมองใหม่ ๆ : มันอาจจะเป็นเรื่องยากถ้าเราอยากที่จะพัฒนาความยืดหยุ่นทางความคิดหากเรายังอยู่ในวังวนของคนที่มีความเห็นเดียวกับเรา ดังนั้น ลองท้าทายตัวเองโดยการไปติดตามบุคคลต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาจจะผ่านทางโซเชียลมีเดีย การได้เจอกับคนใหม่ ๆ ตามงานต่าง ๆ อย่างงานสัมมนา หรืองานสังคมต่าง ๆ เพื่อทลายการยึดติดทางความคิดของตัวเราเองด้วยมุมมองที่สดใหม่
ถ้าผู้นำสามารถมีความยืดหยุ่นทางความคิดนี้ได้ มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะเผยแพร่ทักษะแบบนี้ไปให้กับพนักงานหน่วยงานอื่น ๆ ภายในองค์กร เพราะการที่องค์กรจะเปลี่ยนได้ก็ต้องเริ่มจาก ‘ผู้นำ’
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา