บทความนี้ไม่ใช่สำหรับเด็กนอกอย่างเดียวน้า น้องๆ เพื่อนๆ ที่อยู่ไทยก็สามารถพยายามหารายได้พิเศษหรือเก็บเงินเที่ยวจากคำแนะนำในนี้ได้เหมือนกัน เรื่องการบริหารเงินหน่ะมัน Universal!
"สำหรับเด็กนอกหรือเด็กหอนั้น เราจะต้องบริหารเงินกันเหมือนมนุษย์เงินเดือนกันเลยทีเดียว"
สำหรับนานิที่เรียนเมืองนอกมาประมาณ 7 ปีได้แล้ว นานิเข้าใจหัวอกเด็กนอกดีค่ะว่า เงินเดือนที่รัฐบาลให้มากับทุน หรือบางคนได้เงินเดือนจากพ่อแม่มา มันก็ไม่พอหรอก เพราะค่าใช้จ่ายจะเยอะจริงๆ เมื่อเทียบกับที่ไทย สมัยตอนที่ยังเรียนอยู่ไทย พ่อแม่ให้เงินเดือนมาก็คือเอาไว้ซื้อข้าวเที่ยง ขนม ค่าเดินทาง อย่างอื่นส่วนมากพ่อกับแม่ก็ออกให้ แต่สำหรับเด็กนอกหรือเด็กหอนั้น เราจะต้องบริหารเงินกันเหมือนมนุษย์เงินเดือนกันเลยทีเดียว คือชุดนักเรียน ค่ากิจกรรมโรงเรียน ค่าซักผ้า ค่าหนังสือ ค่าเดินทาง ค่าประกัน ค่าน้ำค่าไฟ (ถ้าเช่าหอนอกเอง) คือเอาเป็นว่าลิสยาวเหยียดเลยทีเดียว
ดังนั้นยอมรับกันตรงนี้เลยว่า นานิเองตอนที่เรียนอย่างเดียวเนี่ย เก็บเงินแทบไม่ได้เลยค่ะ สิ้นเดือนทีนี่หืดขึ้นคอ 555 มาม่าตลอดเลย และเด็กนอกหรือเด็กไทยบางคนที่อยู่หอคนเดียวก็คงจะเข้าใจดี ดังนั้นเรื่องจะเที่ยวหน่ะหรอ? นานิแนะนำว่าให้หารายได้พิเศษกันดีกว่าค่ะ! บทความที่สองของนานิได้เคยแตะเรื่องหารายได้พิเศษไปแล้ว แต่นักเรียน นักศึกษาหลายคนที่ยังไม่เคยทำงานพิเศษเลยก็ยังอาจจะงงๆ ว่าเอาไงดี วันนี้นานิก็เลยนำเอาวิธีง่ายๆ ที่เด็กนอก (หรือบางข้อก็เด็กไทยด้วย) สามารถหารายได้เพิ่มเพื่อเอามาออมสำหรับอนาคตและก็เพื่อจะได้จัดทริปเที่ยวได้ตามใจอยากมาฝากกันค่ะ
1. เว็บขายดีลโลด!
โอเค อันนี้ยังไม่ใช่การหาตังค์ แต่เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ซึ่งบางทีอาจจะทำให้เราสามารถออมจากค่าขนมอันน้อยนิดได้บ้าง ใครที่ไม่รู้จัก Groupon เนี่ย บอกเลยค่ะว่าพลาดละ มันเป็นเว็บที่มีส่วนลดมากมายสำหรับร้านอาหาร ของใช้ในหอ ฯลฯ ในชีวิตประจำวันเลยหล่ะ ดังนั้นเวลาอยากจะต้องซื้ออุปกรณ์อะไรเข้าหอ เช่น Heater, ที่อบผ้า หรืออยากออกไปดินเนอร์ดีๆ กับเพื่อนๆ บ้าง เข้าเว็บนี้เลยค่ะ บางทีลดกันแบบถูกกว่าซื้อหรือไปกินในร้านถึง 50% เลยทีเดียวน้า เดี๋ยวนี้กินข้าวข้างนอกกับเพื่อนเนี่ย ใครจ่ายราคาเต็มเนี่ยถือว่าตกเทร็นด์นะ
2. Tutor
นี่แหละบ่อเงินบ่อทองสำหรับนักเรียน นักศึกษากันเลยค่ะ นักศึกษาก็ติวเด็กมัธยมเตรียมเอนทรานซ์กันไป ที่ไทยเนี่ยเรทอยู่ที่ประมาณชั่วโมงละ 300-800 บาท แล้วแต่ระดับ วิชาและภาษาที่ใช้สอน ส่วนใครที่ไม่ได้เรียนเก่งขนาดจะไปสอนใคร อังกฤษไม่ได้เทพ แค่พอพูดสื่อสารได้บ้าง อย่าเพิ่งท้อใจไป! หลายคนคิดไม่ถึง แต่จริงๆ แล้วเรายังสามารถสอนพูดภาษาไทยได้ค่ะ นานิเชื่อว่าคนไทยทุกคนคงพูดไทยกันได้นะคะ 555 ฝรั่งหลายคนไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพ พัทยา หรือแม้แต่ต่างประเทศ มีความต้องการเรียนพูดภาษาไทยอยู่เหมือนกันค่ะ ขนาดอยู่ฮ่องกงยังเคยมีคนมาขอให้นานิไปสอนเลย ดังนั้นว่างๆ ก็ลองเข้าเว็บหรือเดินไปลงชื่อสมัครขอเป็นติวเตอร์ตามสถาบันสอนพิเศษที่ช่วยจับคู่นักเรียนกับติวเตอร์กันได้เลยค่ะ
3. หิ้วของ
ไม่ได้ให้ไปสมัครแบกข้าวสารตามตลาดนะ แต่ข้อนี้เป็นข้อได้เปรียบของเด็กนอกเลย คือคอยตามดูว่าเครื่องสำอาง หรืออะไรที่มันกำลังอินเทรนแล้วเมืองไทยยังไม่มี หรือมีน้อยหล่ะก็ หิ้วกลับมาขายเลย หรือบางอย่างถ้าที่ไทยมีแล้วแต่ขายแพงกว่าเมืองนอกที่เราเรียนอยู่เยอะ เราก็หิ้วกลับมาได้โดยบวกกำไรแล้วไม่ให้เกินราคาขายที่ไทย นานิก็ทำเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ค่อยถนัดพวกเรื่องเครื่องสำอางอะไรเท่าไหร่นัก นานิเลยหิ้วไอโฟนแทน (แต่ถ้าใครถนัดเรื่องเครื่องสำอางก็ทำไปเถอะค่ะ เพราะไอโฟนมันออกไม่ค่อยบ่อย) เด็กนอกทั้งหลาย นานิแนะนำเลยว่าให้ไปตีสนิทกับคนขายที่ร้านตู้ขายมือถือในห้างแถวบ้าน พวกนี้เค้ามักจะมีเครือข่ายลูกค้าของตัวเอง แล้วถ้าประเทศที่เราอยู่ออกไอโฟนก่อนไทยหล่ะก็ ไลน์กลับไปถามเค้าเลยว่าเอามั้ย ส่วนมากแล้วถ้าไทยยังมีเครื่องหิ้วไม่เยอะ เค้าจะรีบจองของเราเลย พอคอนเฟิร์มกับเจ้าของร้านมือถือเสร็จก็ไปเลยค่ะ ไปนั่งคิวยืนคิวนอนคิว พาเพื่อนไปด้วยซื้อกันคนละเครื่องสองเครื่อง ยิ่งถ้าซื้อได้แบบเงินผ่อนด้วยยิ่งดี จะได้ไม่ต้องหาเงินก้อนไปลง ซื้อได้ซักสองถึงสามเครื่องก็ได้ค่าตั๋วแถมกำไรไว้เอาไปเที่ยว/เก็บได้อีกนะคะ อันนี้ต้องศึกษาเรื่องภาษีไว้ด้วยนะคะ
4. หนูทดลอง
อันนี้สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนะคะ น้องๆ ที่เป็นนักศึกษาบางคนอาจจะไม่ทราบว่าศาสตราจารย์หรือแม้กระทั่ง TA (ผู้ช่วยสอน) เนี่ย เค้าต้องมีการทำวิจัยต่างๆ อยู่เสมอ ดังนั้นมักจะต้องการหนูทดลอง เช่น วิจัยทางจิตวิทยา ก็อาจจะต้องหาคนไปนั่งทำแบบทดสอบ หรือไปเล่นเกมเพื่อที่เขาจะได้เก็บข้อมูลไปศึกษาได้ ที่มหาวิทยาลัยนานิจ้างกันชั่วโมงละประมาณ 200 บาทค่ะ ใครอยากได้ตังค์จากการเล่นเกมก็ลองไปถามๆ อาจารย์ให้เค้าแนะนำว่าใครกำลังหาหนูทดลองอยู่
5. Sales ขายของ
อันนี้นานิสนับสนุนมากๆ ค่ะ คือไปสมัครทำงานขาย Part-time ขายอะไรก็ได้ อาจจะขายเสื้อผ้าในห้าง ขายหนังสือในงาน Book Fair ฯลฯ เลือกเอาได้เลย เพราะงานขายเนี่ยนอกจากจะได้ตังค์ตามที่เราต้องการแล้ว มันยังเป็นการฝึกทักษะการขายให้ตัวเองด้วย พอขายไปซักพัก เราจะเริ่มรู้ว่าลูกค้าแบบไหน ควรต้องพูดด้วยยังไง เวลาขายต้องทำยังไงถึงจะเชียร์ลูกค้าให้ซื้อเพิ่มโดยไม่ดูน่าเกลียดหรือกดดันมากไปจนลูกค้าหนี ฯลฯ
"ทักษะการขายเนี่ยเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการดำรงชีวิตเลยหล่ะ เพราะไม่ว่าเราจะทำงานอะไร มันก็ต้อง ‘ขาย’ เหมือนกัน อยู่ที่ว่าขายอะไรเท่านั้นค่ะ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำงานขายของโดยตรง"
ทักษะการขายเนี่ยเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการดำรงชีวิตเลยหล่ะ เพราะไม่ว่าเราจะทำงานอะไร มันก็ต้อง ‘ขาย’ เหมือนกัน อยู่ที่ว่าขายอะไรเท่านั้นค่ะ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำงานขายของโดยตรง เราอาจจะเป็น PR ของบริษัท แบบนี้ก็คือเรากำลังพยายาม ‘ขาย’ บริษัทให้ลูกค้าชื่นชอบ ถ้าเราทำ Marketing ก็เท่ากับว่าเรากำลัง ‘ขาย’ ไอเดีย และแม้กระทั่งการสัมภาษณ์งานทั่วๆ ไป เราก็ต้องพยายาม ‘ขาย’ ตัวเองคือพรีเซ็นต์ข้อดีของตัวเองออกมาให้ได้ ดังนั้นทำงาน sales เนี่ยได้ทั้งตังค์ ได้ทั้งทักษะที่จำเป็นกับชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ
วันนี้นานิก็ฝากไว้เท่านี้นะคะ ขอให้ทุกคนได้ทำงานพิเศษที่ชอบจนเก็บเงินไปเที่ยวได้สำเร็จนะ โชคดีค่ะ