การโปะบ้านช่วยลดหนี้ระยะยาวเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มักมีคำถามตามมาว่าถ้าเลือกไม่โปะแต่นำเงินมาลงทุนที่ช่วยลดหย่อนภาษีอย่าง SSF และ RMF จะคุ้มค่ากว่ากันหรือเปล่า ในบทความนี้ทาง Plan Your Money จะเปรียบเทียบให้ทุกท่านได้ชมว่า โปะบ้าน VS ซื้อ SSF/RMF แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน!!
ทำไมต้องเป็นการโปะบ้าน VS ลงทุนใน SSF/RMF
ที่มาของคำถามนี้มักเกิดขึ้นหลังการบริหารจัดการเงินผ่านมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือได้รับเงินก้อนใหญ่มา ว่าจะสามารถจัดสรรเงินก้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร จะลงทุนหรือใช้หนี้ไปดี โดยเฉพาะช่วงท้ายปีที่เป็นฤดูกาลซื้อกองทุน SSF/RMF เพื่อการลดหย่อนภาษี อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนและการลดหย่อนภาษีอาจมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้จากการโปะบ้าน
ดังนั้นลองมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างการโปะบ้านและการลงทุนกับการลงทุนทั้งสองประเภทกันดีกว่าครับ
ข้อดีของการโปะบ้าน
- ประหยัดดอกเบี้ยที่จะต้องเสีย การโปะบ้านจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องเสียได้ในทันที เพราะภาระดอกเบี้ยจะลดลงตามหนี้คงค้างที่ลดลง
- ทำให้มีโอกาสผ่อนบ้านหมดไวขึ้น นอกจากดอกเบี้ยแล้ว การโปะบ้านด้วยเงินก้อนใหญ่ยังส่งผลให้เงินต้นที่คงค้างอยู่นั้นลดลง เพิ่มโอกาสให้การผ่อนนั้นเสร็จสมบูรณ์ไวขึ้น หากมีการโปะที่เหมาะสมก็อาจหมดหนี้ไวขึ้นหลายปีเลยทีเดียว
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ การโปะบ้านไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ อีกทั้งหากเงินที่ใช้โปะบ้านน้อยเกินไปก็ยังช่วยลดหนี้คงค้างได้น้อยตามไปด้วย
ข้อดีของการลงทุนใน SSF/RMF
- มีเงินเก็บ/เงินทุนสำหรับเกษียณอายุ
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกันหรือสูงกว่าการโปะบ้าน
- สามารถลดหย่อนภาษีได้
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ การลงทุนใน SSF นั้นไม่ได้การันตีผลตอบแทน ความคุ้มค่าอาจสูงหรือต่ำกว่าการโปะบ้านได้ ขึ้นอยู่กับการลงทุนของแต่ละคน
ตัวอย่างเปรียบเทียบการโปะบ้าน VS ลงทุนใน SSF/RMF
ตัวอย่าง คุณมั่นคงมีเงินเดือน 50,000 บาท กู้ซื้อบ้านราคา 4 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี วางแผนจ่ายเงินผ่อนบ้านทั้งหมด 20 ปี เบื้องต้นคุณมั่นคงต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 28,657.24 บาท
คุณมั่นคงได้รับโบนัสช่วงสิ้นปีเป็นเงิน 50,000 บาท และคิดทางเลือกมาสองทางคือใช้เงินโปะบ้านหรือใช้ซื้อ SSF โดยมีรายละเอียดดังนี้
กรณีโปะบ้าน คุณมั่นคงเลือกนำเงิน 50,000 บาท โปะบ้าน เพื่อลดเงินต้น และทำต่อเนื่องในทุกปีที่ได้รับโบนัส คุณมั่นคงจะสามารถประหยัดดอกเบี้ย รวมทั้ง ปิดสินเชื่อบ้านทำให้ปลอดภาระหนี้สินได้เร็วขึ้น
กรณีซื้อ SSF หากคุณมั่นคงนำเงิน 50,000 บาทมาซื้อ SSF ผลตอบแทนคาดหวัง 10% ก็จะมีโอกาสได้รับเงินลงทุนดังกล่าวคืน รวมผลตอบแทนเป็นเงินราว 55,000 บาท อีกทั้งยังสามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งหากคุณมั่นคงลงทุนต่อเนื่อง 20 ปี (ระยะเวลาเดียวกับการโปะบ้าน) ก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินทุนรวมผลตอบแทน 1,100,000 เลยทีเดียว
อนึ่ง อัตราการลดหย่อนขึ้นอยู่กับฐานภาษีของคนๆ นั้น
นี่คือน้ำหนักของการใช้จ่าย เพราะสุดท้ายแล้วความพึงพอใจในการเก็บเงินจะขึ้นอยู่กับมนุษย์เงินเดือนแต่ละคน ซึ่งหากต้องการเก็บเงินตามเป้าหมายจริงๆ การเลือกใช้เงินอย่างระมัดระวังขึ้น จะช่วยให้การวางแผนการเงินและการทำตามแผนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป
จากข้อมูลทั้งหมดจะพบว่าการโปะบ้านและการลงทุนใน SSF/RMF มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น
- ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการลงทุน
- ดอกเบี้ยบ้านและผลตอบแทนที่คาดว่าจะลงทุนได้
- อัตราการเสียภาษีในแต่ละปี
ซึ่งแน่นอนว่าหากอัตราผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่า ก็อาจมีความคุ้มค่ามากกว่าการโปะบ้าน อีกทั้งยังช่วยให้การเสียภาษีนั้นเบาลงอีกด้วย ซึ่งถ้าคุณมีต้นทุนมากเพียงพอล่ะก็ การทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปก็ยังช่วยเพิ่มความคุ้มค่า ให้คุณก้าวสู่อิสรภาพทางการเงินไปอีกก้าว
หากคุณสนใจจะลงทุนในกองทุน SSF/RMF คุณภาพ หรือมีคำถามเกี่ยวกับการผ่อนและการจ่ายโปะบ้าน สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาทางการเงินของเราเพื่อทำให้เป้าหมายของคุณเป็นความจริงได้ ปรึกษาที่ปรึกษาด้านการลงทุน ที่เบอร์ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ 9.00 น. - 17.00 น.
บทความโดย
ขวัญชัย รุ่งเรืองกอสว่าง AFPT™
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา