10 วิธีเก็บเงินให้อยู่ ออมเงินง่าย ๆ ทำได้จริงทุกไลฟ์สไตล์
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

10 วิธีเก็บเงินให้อยู่ ออมเงินง่าย ๆ ทำได้จริงทุกไลฟ์สไตล์

icon-access-time Posted On 25 กรกฎาคม 2568
By Krungsri The COACH
ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งไม่หยุด แค่พอมีเงินใช้ในแต่ละวัน อาจไม่พออีกต่อไป สิ่งที่เราต้องพัฒนาควบคู่กันคือ “การออมเงินให้เป็น” และ “วิธีเก็บเงินให้อยู่หมัด” เพื่อที่เราจะได้มีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ในบทความนี้ Krungsri The COACH ขอชวนคุณมาปรับแนวคิดใหม่ ด้วยวิธีเก็บเงินให้อยู่ และทำได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่กดดันตัวเอง และยังช่วยสร้างความมั่นคงจากการออมเงินง่าย ๆ ไม่กี่บาทด้วย ลองดูว่าเทคนิคไหนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินไปพร้อมกัน

ทำไมคนรุ่นใหม่ถึง “เก็บเงิน” ไม่อยู่ ?

คนรุ่นใหม่เก็บเงินไม่อยู่

คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเข้าข่ายเป็นกลุ่ม HENRY (High Earners, Not Rich Yet) หรือ “มีรายได้สูงแต่ยังไม่รวย” สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มุ่งตอบสนองความสุขในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการให้รางวัลตัวเองหลังทำงานหนัก หรือการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทำให้การชอปปิงเป็นเรื่องง่าย เมื่อพฤติกรรมเหล่านี้สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้แม้จะหาเงินเก่งแค่ไหน ก็แทบไม่มีเงินเหลือเก็บ

ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่การหาเงินไม่เก่ง แต่อยู่ที่การบริหารเงินที่ยังไม่ลงตัว และเมื่อไตร่ตรองจนรอบคอบแล้วจะพบว่า ทางออกที่ยั่งยืนที่สุดสำหรับคนที่มีรายได้สูงแต่ไม่มีเงินเก็บ คือการค้นหา “รูปแบบการออมเงินที่เหมาะกับตัวเอง” และเริ่มต้นสร้าง “วินัยในการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ” เพื่อเปลี่ยนสถานะจากแค่คนหาเงินเก่งให้เป็นคนที่สามารถจัดการเงินได้ดียิ่งขึ้น

10 วิธีเก็บเงินให้อยู่ ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน

วิธีเก็บเงินให้อยู่

อยากออมแต่ไม่อยากเครียด ใช่ไหม ? Krungsri The COACH รวบรวม 10 วิธีเก็บเงินให้อยู่หมัดในแบบที่ทำตามได้จริง คุณสามารถปรับได้ตามไลฟ์สไตล์และเป้าหมายได้แบบง่าย ๆ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นออมเงินแบบไหนดี ลองดูจากวิธีเหล่านี้ได้เลย
 

1. แบ่งเงินแบบ 50/30/20 สูตรเก็บเงินเบสิกง่าย ๆ

เป็นสูตรออมเงินสุดคลาสสิกที่เหมาะสำหรับคนทั่วไปซึ่งไม่ได้มีภาระค่าใช้จ่ายสูงนัก รวมถึงผู้ที่อยากเริ่มต้นสร้างวินัยทางการเงิน หลักการสำคัญคือการแบ่งรายได้ที่เข้ามาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
  • 50% สำหรับรายจ่ายจำเป็น (Needs) : คือค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ค่าที่พักอาศัย, ค่าอาหาร, ค่าน้ำ-ค่าไฟ, และค่าเดินทาง
  • 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว (Wants) : คือส่วนที่ใช้เพื่อสร้างความสุข และให้รางวัลตัวเอง เช่น การไปทานอาหารมื้อพิเศษ, ชอปปิง, ดูคอนเสิร์ต, หรือท่องเที่ยว
  • 20% สำหรับเป้าหมายทางการเงิน (Savings & Investment) : คือเงินเก็บเพื่ออนาคต อาจจะเป็นเงินออม, เงินลงทุน, หรือเงินสำรองฉุกเฉิน
 

2. แบ่งเงินแบบ 60/30/10 สูตรใหม่ เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

สำหรับคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ หรือมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูง สูตร 50/30/20 อาจไม่ตอบโจทย์ แนะนำให้ปรับสัดส่วนมาเป็น 60/30/10 จะช่วยให้ออมเงินได้ง่ายขึ้นและไม่สร้างความกดดันในการออมเงินมากเกินไป
  • 60% สำหรับรายจ่ายจำเป็น (Needs) : เพิ่มสัดส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าเดินทาง และค่าอาหารในชีวิตประจำวัน
  • 30% สำหรับค่าใช้จ่ายผันแปรและชำระหนี้ (Wants & Debts) : ส่วนนี้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อความสุข และยังสามารถรวมภาระหนี้สินต่าง ๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ เข้ามาไว้ในส่วนนี้ได้
  • 10% สำหรับเป้าหมายทางการเงิน (Savings) : แม้สัดส่วนจะลดลง แต่การกันเงินส่วนนี้ไว้อย่างสม่ำเสมอ ย่อมดีกว่าการที่ไม่มีเงินเก็บเลย เป็นการสร้างวินัยการออมตามความเป็นจริง
 

3. ตั้งเป้าหมายการออมแบบ SMART Goals

เทคนิค SMART Goals คือ หลักการที่ช่วยให้คุณสามารถตั้งเป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างเป็นรูปธรรม วัดผลได้จริง และช่วยให้การออมเงินของคุณสำเร็จได้ง่ายขึ้น
  • S - Specific (เฉพาะเจาะจง) : เป้าหมายต้องชัดเจน ไม่คลุมเครือ เช่น แทนที่จะบอกว่า “อยากรวย” ให้ระบุไปเลยว่า “อยากมีเงินเก็บ 1 ล้านบาท”
  • M - Measurable (วัดผลได้) : ต้องกำหนดเป็นตัวเลขที่สามารถวัดผลได้ เช่น จะเก็บเงินให้ได้เดือนละ 5,000 บาท
  • A - Achievable (สำเร็จได้จริง) : เป้าหมายที่ตั้งไว้ต้องไม่ยากหรือง่ายเกินไป และสามารถทำให้สำเร็จได้จริงภายใต้เงื่อนไขรายได้และรายจ่ายของเรา
  • R - Relevant (สมเหตุสมผล) : เป้าหมายนั้นต้องมีความสำคัญและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตโดยรวมของคุณ
  • T - Time-bound (มีกรอบเวลาชัดเจน) : ต้องกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดที่แน่นอน เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ทำตามแผน

ตัวอย่างเช่น “ฉันจะเก็บเงิน 100,000 บาท เพื่อเป็นเงินดาวน์รถยนต์ (Specific, Relevant) โดยจะออมเดือนละ 5,000 บาท (Measurable, Achievable) เป็นระยะเวลา 20 เดือน (Time-bound)”
 

4. “เป้าฟู่ซิ่งฉุนเฉียน” ออมเงินล้างแค้น ฉบับคนจีน

เทรนด์การออมเงินสุดขั้วจากจีนที่เรียกว่า “เป้าฟู่ซิ่งฉุนเฉียน” (报复性存钱) หรือ “การออมเงินแบบล้างแค้น” กลายเป็นกระแสในหมู่คนจีนรุ่นใหม่ ที่ต้องเผชิญทั้งภาวะเศรษฐกิจที่กดดันตลาดแรงงานที่ไม่แน่นอน และความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง เช่น เลิกกับแฟนเพราะรู้สึกเปลืองเงิน โดนปฏิเสธสินเชื่อบ้าน เพราะไม่มีเงินเก็บ วิธีนี้คือการออมเงินเพื่อล้างแค้นอดีต แต่ปลดล็อกอนาคตตัวเองในเวลาเดียวกันเปลี่ยนความคับข้องใจให้กลายเป็นพลังในการเก็บเงินอย่างจริงจัง

หลักการเก็บเงินแบบเป้าฟู่ซิ่งฉุนเฉียน
  • ตั้งเป้าหมายออมเงินสูงสุด : ตั้งเป้าหมายออมเงินจำนวนมากในระยะเวลาสั้น เช่น จะเก็บเงินให้ได้ 100,000 บาท ภายใน 6 เดือน
  • ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก : ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพจริง ๆ เช่น เลือกทานอาหารในโรงอาหารราคาถูก หรือทำอาหารทานเอง
  • หาพาร์ตเนอร์เก็บเงิน : มีการแชร์รายละเอียดค่าใช้จ่าย และยอดเงินออมเพื่อแข่งขัน และสร้างแรงจูงใจให้กันและกัน รวมถึงหา “คู่หูร่วมประหยัด” เพื่อช่วยเตือนสติไม่ให้หลุดจากเป้าหมาย

แม้จะดูเป็นวิธีออมเงินที่ค่อนข้างหักดิบ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและสร้างความอุ่นใจท่ามกลางอนาคตที่ไม่แน่นอน
 

5. เทคนิคออมเงินแบบจ่ายให้ตัวเองก่อน (Pay Yourself First)

เทคนิคออมเงิน

เปลี่ยนลำดับความคิดใหม่ จาก “ใช้เหลือค่อยเก็บ” มาเป็น “เก็บก่อนค่อยใช้” (รายได้เข้า -> ออมเงินก่อน -> เหลือเท่าไรค่อยใช้) ซึ่งเป็นวิธีเก็บเงินที่ได้ผลดีโดยเริ่มต้นทำง่าย ๆ โดยทันทีที่เงินเดือนเข้า ให้คุณหักเงิน 10-20% (หรือตามสัดส่วนที่ตั้งใจไว้) โอนไปยังบัญชีเงินออมที่แยกไว้ต่างหากทันที วิธีที่ดีที่สุดคือ การตั้งค่าโอนเงินอัตโนมัติผ่านแอปเก็บเงิน หรือโมบายแบงก์กิ้งของธนาคาร เพื่อให้การออมเป็นเรื่องอัตโนมัติและสร้างวินัยได้อย่างถาวร ส่วนเงินที่เหลือจึงค่อยนำไปบริหารจัดการสำหรับค่าใช้จ่ายตลอดทั้งเดือน
 

6. เก็บแบงก์ 50 ทริคออมสนุก เปลี่ยนแบงก์ฟ้าให้เป็นเงินก้อน

แบงก์ 50 บาท ถือเป็นธนบัตรที่ไม่ได้ผ่านมือบ่อยนัก ทำให้หลายคนนำมาสร้างเป็นเกมเก็บเงินสุดฮิต โดยตั้งกติกาง่าย ๆ ให้กับตัวเองว่า “ทุกครั้งที่ได้แบงก์ 50 มา ห้ามใช้เด็ดขาด” แล้วนำไปหยอดกระปุก หรือเก็บในกล่องแยกไว้ แม้จะดูเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี จะพบว่ามีเงินเก็บสะสมเป็นหลักพันหรือหลักหมื่นบาทได้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเทคนิคที่ช่วยสร้างความสนุกและท้าทายให้กับการออม
 

7. พลังเงินทอนสร้างเงินก้อน เก็บเล็กผสมน้อยสู่เป้าหมายใหญ่

อย่ามองข้ามพลังของเศษเงินที่เหลือในแต่ละวัน ลองเปลี่ยนเงินทอนเหล่านี้ให้กลายเป็นเงินเก็บ ด้วยการหยอดกระปุกทุกวันหลังกลับถึงบ้าน อาจจะกำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น หยอดเฉพาะเหรียญ 10 บาท หรือหยอดเศษเงินทั้งหมดที่เหลือในกระเป๋าสตางค์ เมื่อทำจนเป็นนิสัยจะพบว่าเงินเล็กน้อยเหล่านี้สามารถรวมกันเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ และเพื่อให้การออมเงินทอนสำเร็จตามเป้าหมาย ควรเลือกใช้กระปุกที่เปิดออกมายาก เพื่อป้องกันใจตัวเองไม่ให้แอบแคะเงินออกมาใช้ก่อนเวลาอันควร
 

8. พิชิตภารกิจเก็บเงินให้อยู่ด้วยปฏิทินออมเงินสุดท้าทาย

เปลี่ยนการเก็บเงินที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเกมที่สนุก และท้าทายด้วย “ปฏิทินออมเงิน” วิธีการคือ เก็บเงินตามวันที่ในปฏิทิน เช่น วันที่ 1 เก็บ 1 บาท, วันที่ 2 เก็บ 2 บาท, วันที่ 15 เก็บ 15 บาท ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 30 หรือ 31 วันในแต่ละเดือน หรือหากต้องการความท้าทายที่มากขึ้น อาจลองทำภารกิจออมเงิน 365 วัน ซึ่งเมื่อครบปีจะมีเงินเก็บถึง 66,795 บาทเลย
 

9. กำหนด “ค่าขนม” ให้ตัวเอง คุมงบอยู่หมัดทุกวัน

ย้อนวัยกลับไปใช้เทคนิคที่คุณพ่อคุณแม่เคยใช้กับเราตอนเด็ก ๆ นั่นคือการ “ให้เงินค่าขนมรายวันกับตัวเอง” โดยกำหนดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน เช่น ค่ากาแฟ ค่าขนม หรือค่าชานมไข่มุก เมื่อใช้จ่ายครบตามงบที่ตั้งไว้แล้ว จะต้องหยุดทันที วิธีนี้ช่วยฝึกให้เราตระหนักถึงการใช้จ่ายมากขึ้น และควบคุมรายจ่ายฟุ่มเฟือยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีเงินเหลือเก็บในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น
 

10. ออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต

อีกหนึ่งวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่น่าสนใจและให้ความมั่นคง คือการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันสะสมทรัพย์ ซึ่งเป็นการออมเงินที่มีวินัย กำหนดระยะเวลาและจำนวนเงินที่แน่นอน และได้รับเงินก้อนพร้อมผลตอบแทนตามที่ระบุไว้เมื่อครบกำหนดสัญญา นอกจากนี้ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตตลอดระยะเวลาสัญญา และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

Krungsri The COACH แนะนำตัวช่วยออมเงินที่น่าสนใจ เปลี่ยนเงินเก็บให้กลายเป็นเงินก้อน

มีแต่ได้ ออนไลน์

สำหรับคนที่อยากออมเงินให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า ลองเปลี่ยนมาออมกับสถาบันการเงินซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า สะดวกและปลอดภัย อย่างบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “มีแต่ได้ ออนไลน์” ในกรณีที่ต้องการใช้เงินเร่งด่วนก็สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว บัญชีนี้จึงตอบสนองทั้งเป้าหมายทางการเงินและการเพิ่มสภาพคล่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • ดอกเบี้ยสูง : รับอัตราดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี* ตั้งแต่บาทแรกที่ฝาก แถมรับดอกเบี้ยทุกเดือน
  • สภาพคล่องสูง : สามารถถอนเงินออกจากบัญชีเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
  • สะดวกสบาย : เปิดบัญชีออนไลน์ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน krungsri app ไม่ต้องเดินทางไปสาขา และยืนยันตัวตนผ่าน NDID ได้อย่างปลอดภัย

ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น การมีเงินออมไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความมั่นคง การเลือก วิธีเก็บเงินให้อยู่นั้นไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว สิ่งสำคัญคือการค้นหาวิธีที่ใช่สำหรับเรา เริ่มลงมือทำแม้จะเป็นจำนวนเงินน้อย ๆ และสร้างวินัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เป้าหมายทางการเงินที่ตั้งใจไว้สำเร็จได้จริง และสำหรับใครที่อยากให้เงินออมเติบโตอย่างปลอดภัย แนะนำให้เริ่มต้นออมแบบมีวินัยกับ Krungsri The COACH ผ่านบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ที่ทั้งออมง่าย และได้ผลตอบแทนชัดเจน ช่วยให้คุณมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน


อ้างอิง
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา