วางแผนใช้โบนัสอย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

วางแผนใช้โบนัสอย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด

icon-access-time Posted On 06 สิงหาคม 2568
By Krungsri The COACH
ผ่านพ้นช่วงปีใหม่มาแล้ว เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคนน่าจะได้รับเงินโบนัสกันบ้างแล้ว จึงอยากพูดถึงการใช้เงินโบนัสให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไว้เป็นแนวทางจัดการเงินก้อนนั้นให้คุ้มค่าที่สุด โดยแบ่งเป็น 7 ทางเลือก พร้อมตัวอย่างประกอบ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ

โบนัส คืออะไร ?

โบนัส (Bonus) คือ ค่าตอบแทนพิเศษที่บริษัท หรือองค์กรจ่ายให้กับพนักงานนอกเหนือจากเงินเดือนปกติ เพื่อเป็นรางวัลสำหรับผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทในปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานของพนักงาน จัดเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มศักยภาพ โดยจำนวนโบนัสที่พนักงานแต่ละคนจะได้รับนั้นมักขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท และผลการประเมินการทำงานของพนักงานแต่ละคน เช่น 1 เดือน 2 เดือน หรือบางบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดีอาจจ่ายสูงถึง 4-6 เดือนของเงินเดือนเลย
 

ตัวอย่างวิธีคิดเงินโบนัสแบบง่าย ๆ

การคำนวณเงินโบนัสสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท แต่มีวิธีคิดพื้นฐานที่เข้าใจได้ง่าย ๆ เพื่อให้เราสามารถคำนวณยอดเงินโบนัสที่จะได้รับ หรือคำนวณย้อนกลับเพื่อดูว่าโบนัสที่ได้คิดเป็นกี่เท่าของเงินเดือน ดังนี้
 

วิธีคิดจากจำนวนเดือนที่ประกาศ

สูตรง่าย ๆ คือ “เงินเดือน x จำนวนเดือนโบนัส = เงินโบนัสที่ได้รับ”
  • ตัวอย่าง : นายสมชายมีเงินเดือน 35,000 บาท บริษัทประกาศจ่ายโบนัส 2.5 เดือน นายสมชายจะได้รับเงินโบนัสเท่าไหร่ ?
  • การคำนวณ : 35,000 บาท x 2.5 เดือน = 87,500 บาท
  • สรุป : นายสมชายจะได้รับเงินโบนัส 87,500 บาท (ก่อนหักภาษี)
 

วิธีคิดย้อนกลับจากเงินโบนัสที่ได้รับ

สูตรง่าย ๆ คือ “เงินโบนัสที่ได้รับ ÷ เงินเดือน = จำนวนเดือนโบนัส”
  • ตัวอย่าง : นางสาวสมศรีมีเงินเดือน 28,000 บาท และได้รับเงินโบนัสก้อนหนึ่งจำนวน 42,000 บาท อยากรู้ว่าโบนัสที่ได้คิดเป็นกี่เดือน ?
  • การคำนวณ : 42,000 บาท ÷ 28,000 บาท = 1.5
  • สรุป : นางสาวสมศรีได้รับโบนัสเท่ากับ 1.5 เดือนของเงินเดือน
 

บริษัทมักจ่ายเงินโบนัสตอนไหน ?

ช่วงเวลาที่บริษัทส่วนใหญ่จ่ายโบนัส มักจะเป็นช่วงปลายปี (เดือนธันวาคม) หรือต้นปีถัดไป (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) ซึ่งสอดคล้องกับการปิดรอบบัญชีประจำปีของบริษัท ทำให้สามารถสรุปผลประกอบการเพื่อนำมาคำนวณโบนัสให้กับพนักงานได้

7 วิธีวางแผนใช้เงินโบนัสต่อยอดให้งอกเงย

เพิ่งผ่านพ้นช่วงปีใหม่กันมาไม่นาน เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคนน่าจะได้รับเงินโบนัสกันบ้างแล้ว จึงอยากพูดถึงการใช้เงินโบนัสไว้เป็นแนวทางจัดการเงินก้อนนั้นให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยแนวทางที่ว่านั้นแบ่งเป็น 7 ทางเลือก ซึ่งผมได้ยกตัวอย่างประกอบเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นมาด้วยแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ
 

1. ชำระหนี้สิน/สินเชื่อ

คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ดอกเบี้ยจากหนี้สิน/สินเชื่อถือเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่ง ถ้าหากเราจะใช้เงินโบนัสให้คุ้มค่า เราต้องลดค่าใช้จ่ายจากตรงนี้ให้ได้เยอะที่สุด ทีนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าลดค่าใช้จ่ายได้เท่าไร ผมขออนุญาตสมมติตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายขึ้น คือ นายเอ มีเงินเดือน 30,000 บาท ได้โบนัส 3 เดือน หรือ 90,000 บาท มีสินเชื่อบ้านอยู่ 1 ล้านบาท ดอกเบี้ยบ้านคงที่ 4% ต่อปี ระยะเวลากู้ 30 ปี

ถ้าหากนายเอ นำเงินโบนัสที่ได้มาจ่ายกลบสินเชื่อบ้านต่อเนื่องทุกปีจะทำให้ยอดสินเชื่อบ้านลดลงเร็วมากขึ้น ดังนั้นนายเอ จะสามารถประหยัดดอกเบี้ยบ้านได้ทั้งหมดประมาณ 5 แสนบาท และยังสามารถชำระสินเชื่อบ้านได้หมดภายใน 10 ปีหรือเร็วขึ้นถึง 20 ปี เมื่อเทียบกับไม่จ่ายกลบสินเชื่อบ้านด้วยเงินโบนัสเลย ดังนั้นแนะนำว่า การนำโบนัสไปชำระหนี้สิน/สินเชื่อ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการวางแผนใช้โบนัสที่คุ้มค่าที่สุดแน่นอน
 

2. ลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่ม

เคยได้ยินคำว่า “มูลค่าเงินตามเวลา” ไหมครับ อธิบายง่าย ๆ คือ เงินในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไปจะมีมูลค่าลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นเราควรหาวิธีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เงินของเรา โดยสามารถออมหรือลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ของธนาคารเช่น เงินฝากประจำ กองทุนรวม เป็นต้น

ตัวอย่าง ถ้านำเงินโบนัสไปลงทุน 90,000 บาททุกปี ต่อเนื่อง 10 ปี ในผลิตภัณฑ์กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี เราจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ประมาณ 280,000 บาทเลยทีเดียว
 
วางแผนใช้โบนัสอย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด
 

3. ลงทุนกับตัวเอง

สำหรับมนุษย์เงินเดือน การพัฒนาศักยภาพของตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อโอกาสก้าวหน้าทางการงาน เช่น ถ้าหากในบริษัทเรา คนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษหรือจีนได้ จะช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง เพิ่มเงินเดือนได้ ดังนั้น การลงทุนกับตัวเอง ซื้อคอร์สเรียนภาษาก็เป็นทางเลือกการใช้เงินโบนัสที่สุดคุ้มครับ หรือบางคนที่มีความชอบส่วนตัว มีงานอดิเรกอยู่แล้ว เช่น ชอบทำอาหาร ชอบท่องเที่ยว ก็สามารถใช้โบนัสเป็นทุนสำหรับสร้างอาชีพเสริม สร้างรายได้ และสร้างความสุขให้กับตัวเองอีกทางหนึ่งครับ
 

4. แบ่งเงินไปทำธุรกิจส่วนตัว เพิ่มช่องทางหารายได้

สำหรับผู้ที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ การใช้เงินโบนัสเป็น “เงินทุนตั้งต้น” ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และมีความเสี่ยงต่ำกว่าการกู้ยืมเงินทั้งหมด ลองเริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนไม่สูง อาจเป็นธุรกิจออนไลน์ที่สอดคล้องกับความชอบหรืองานอดิเรก เช่น การขายของแฮนด์เมด การทำอาหารเดลิเวอรี่ หรือการเป็นพ่อค้าคนกลางรับสินค้ามาขาย การสร้างรายได้จากช่องทางที่สองนี้ไม่เพียงเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ด้านการตลาด การจัดการ และการบริการลูกค้า ซึ่งอาจต่อยอดไปสู่ธุรกิจหลักในอนาคตได้ด้วย
 

5. เก็บเป็นเงินดาวน์เพื่อซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่

หากคุณมีเป้าหมายระยะกลางถึงยาวที่ชัดเจน เช่น การซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรือรถยนต์ การแบ่งเงินโบนัสมาเก็บสะสมเป็น “เงินดาวน์” คือกลยุทธ์ที่ดี เพราะการมีเงินดาวน์ในสัดส่วนที่สูง (เช่น 20% ขึ้นไปของราคาทรัพย์สิน) จะช่วยลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละเดือนลงได้อย่างมาก และที่สำคัญคือ ช่วยลดจำนวนดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญา ซึ่งอาจประหยัดเงินได้หลายแสนบาท นอกจากนี้ การมีเงินดาวน์ที่สูงยังเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
 

6. ลงทุนเพื่อการเกษียณผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีหรือประกันสะสมทรัพย์

เงินโบนัสถือเป็นเงินได้ที่ต้องนำไปคำนวณภาษี ซึ่งอาจทำให้เราถูกหักภาษีในอัตราที่สูงขึ้น วิธีการใช้โบนัสที่ชาญฉลาดคือ การนำไปลงทุนในประกันและกองทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ประกันสะสมทรัพย์ กองทุน Thai ESG หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

การลงทุนในประกันและกองทุนเหล่านี้ให้ประโยชน์ 2 ต่อ ได้แก่
  1. เงินของคุณจะถูกนำไปลงทุนให้เติบโตในระยะยาว
  2. ยอดเงินที่ลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้คุณได้เงินคืนภาษี หรือจ่ายภาษีน้อยลง เงินคืนภาษีที่ได้มาก็สามารถนำไปลงทุนต่อยอดสร้างความมั่งคั่งได้อีกทอดหนึ่ง

7. ใช้เงินโบนัสสร้างหลักประกันด้านสุขภาพที่ครอบคลุม

ค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเจ็บป่วยรุนแรงเพียงครั้งเดียวอาจทำลายแผนการเงินทั้งหมดที่คุณวางมา การใช้เงินโบนัสส่วนหนึ่งเพื่อซื้อ หรืออัปเกรดแผนประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงให้มีความคุ้มครองที่เพียงพอ จึงเป็นการลงทุนที่สำคัญอย่างยิ่ง และทำให้สถานะการเงินของคุณมีความมั่นคงมากขึ้น เปรียบเสมือนการโอนย้ายความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายก้อนโตไปให้บริษัทประกันดูแลแทน ทำให้คุณสามารถเก็บออม และลงทุนเพื่อเป้าหมายอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าเงินเก็บจะหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดฝัน

อธิบายมาครบ 7 ทางเลือกแล้ว ทีนี้เราจะเลือกทางเลือกไหนให้เหมาะกับตัวเราอยู่ที่ตัวท่านเองครับ ขึ้นอยู่กับว่าท่านให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากัน จะแบ่งเงินกระจายทั้ง 7 ทางเลือกก็ได้ เช่น ถ้าต้องการจะหมดหนี้สินไว ๆ ก็อาจจะแบ่งเงินโบนัสมาปิดสินเชื่อมากหน่อย ถ้าอยากสร้างรายได้เสริม เพิ่มโอกาสก้าวหน้าทางการงาน ก็แบ่งลงทุนกับตัวเองมากหน่อย หรือถ้าอยากเพิ่มมูลค่าให้กับเงินออมของตัวเอง ก็อาจเลือกลงทุนกับผลิตภัณฑ์ของธนาคารให้มากหน่อย

แต่ถ้าท่านยังตัดสินใจไม่ได้ และต้องการปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนใช้เงินโบนัส สามารถโทร. 1572 กด 5 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 17.00 น. เพื่อรับคำแนะนำแบบส่วนบุคคลจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เลยครับ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น หรือเข้าไปอ่านบทความเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองที่เว็บไซต์ KRUNGSRI Plan Your Money
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา