เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
รู้หรือไม่ว่า หากคุณหรือคนในครอบครัวเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะอวัยวะล้มเหลว นอกจากค่าใช้จ่ายจากการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมรับมืออีกเป็นจำนวนมาก เช่น ค่ากายภาพบำบัด ค่าคีโม ค่าจ้างผู้ดูแล รวมไปถึงค่าใช้จ่ายระหว่างที่ต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว ดังนั้น ประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยรองรับความเสี่ยงเหล่านี้ ด้วยการจ่ายเงินก้อนเมื่อพบโรคร้ายแรงตามเงื่อนไข ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน และเพิ่มความมั่นคงให้กับครอบครัว
ในบทความนี้ Krungsri The COACH จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับประกันสุขภาพโรคร้ายแรง อย่างละเอียด ทั้งรูปแบบความคุ้มครอง เงื่อนไขการจ่ายเงิน และวิธีเลือกแผนที่เหมาะกับคุณที่สุด เพื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด
รู้จักประกันโรคร้ายแรง ตัวช่วยให้อุ่นใจในวันที่โรคร้ายมาเยือน
ประกันโรคร้ายแรง คือ ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคร้ายแรงตามรายการที่ระบุในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะอวัยวะล้มเหลว โดยอาจจ่ายเป็นเงินก้อนตามจำนวนทุนประกันที่กำหนด เพื่อให้ผู้เอาประกันนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามที่จำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการพักฟื้น ค่าจ้างผู้ดูแล หรือเป็นเงินทุนสำรองสำหรับครอบครัว
ประกันโรคร้ายแรง มีกี่แบบ ?
ประกันโรคร้ายแรงในตลาดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ตามรูปแบบความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันโรคร้ายแรงแบบจ่ายตามจริง
ประกันโรคร้ายแบบจ่ายตามจริง คือประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามที่เกิดขึ้นจริง จากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงดังที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ค่าห้อง ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด ไปจนถึงค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ จนกว่าจะเต็มวงเงินความคุ้มครองที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ หรือจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา
2. ประกันโรคร้ายแรงแบบ เจอ จ่าย จบ
ประกันโรคร้ายแรงแบบ เจอ จ่าย จบ เป็นประกันโรคร้ายแรงที่ให้ผลประโยชน์เป็นเงินก้อนทันที เมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า เป็นโรคร้ายแรงที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น พ้นระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง บริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนเต็มจำนวนตามทุนประกันที่ผู้เอาประกันได้เลือกไว้ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการนำเงินไปจัดการค่าใช้จ่ายในการรักษาต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลที่อาจไม่ครอบคลุมในประกันสุขภาพทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการดูแลตนเองระหว่างพักฟื้น ชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป หรือแม้แต่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว
5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อประกันโรคร้ายแรง
หลังจากที่รู้แล้วว่าตัวเองควรทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรง คำถามต่อมาที่หลายคนมักสงสัยก็คือ
แล้วเราควรเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงแบบไหนดี ? ให้ได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ และคุ้มค่ามากที่สุด Krungsri The COACH ได้สรุป 5 ข้อสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนซื้อประกันคุ้มครองโรคร้ายมาให้แล้ว นำไปปรับใช้กับการเลือกประกันของตัวเองได้เลย
1. เงื่อนไข และข้อจำกัดของประกัน
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพโรคร้ายแรง สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจ “เงื่อนไขและข้อจำกัด” ของกรมธรรม์อย่างละเอียด รวมถึงนิยามของโรคร้ายแรงแต่ละโรคที่ให้ความคุ้มครองและข้อยกเว้นต่าง ๆ เพื่อให้คุณทราบสิทธิประโยชน์ และข้อจำกัดของความคุ้มครองที่แท้จริง
2. ระยะเวลาคุ้มครอง และระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง
ควรตรวจสอบ “ระยะเวลาคุ้มครอง” ที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ว่า เหมาะสมกับช่วงอายุ และความต้องการของคุณหรือไม่ รวมถึง “ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง” ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่สามารถเคลมโรคร้ายแรงได้ เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้รับการคุ้มครองเมื่อถึงเวลาจำเป็น
3. การตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน
โดยทั่วไป การทำประกันโรคร้ายแรงอาจไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพเสมอไป แต่หากทุนประกันสูง หรือมีประวัติสุขภาพบางอย่าง บริษัทประกันอาจขอให้มีการตรวจเพิ่มเติม สิ่งสำคัญคือการแจ้งข้อมูลสุขภาพตามความเป็นจริง เพื่อป้องกันปัญหาการเคลมในอนาคต
4. ราคาเบี้ยประกันภัย
ราคาเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ สุขภาพ และวงเงินความคุ้มครอง ควรเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท และเลือกแผนที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ โดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณ
5. ความคุ้มครองโรคร้ายแรง
หัวใจสำคัญคือ
“รายการโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครอง” ควรตรวจสอบว่าแผนประกันนั้นครอบคลุมกลุ่มโรคที่คุณกังวลหรือไม่ และให้ความสนใจกับ
“นิยามของแต่ละโรค” และ
“ระยะของโรค” ที่ให้ความคุ้มครองด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด
5 กลุ่มโรคร้ายที่ประกันโรคร้ายคุ้มครอง
- โรคมะเร็ง : กลุ่มโรคที่เซลล์ในร่างกายเจริญเติบโตผิดปกติ และแพร่กระจายได้ ประกันมักคุ้มครองตั้งแต่ระยะไม่ลุกลามถึงระยะลุกลาม ตัวอย่างเช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมไทรอยด์ หรือมะเร็งผิวหนังทุกชนิด เป็นต้น
- โรคหัวใจ และหลอดเลือด : ประกันจะคุ้มครองในภาวะที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหัวใจ และหลอดเลือดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ที่มีลักษณะครบตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด
- โรคหลอดเลือดสมอง : ประกันจะคุ้มครองในภาวะที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด และสมอง ตัวอย่างเช่นสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ ตัน หรือแตก (Major Stoke) ซึ่งอาจนำไปสู่อัมพฤกษ์อัมพาต โดยต้องมีหลักฐานการวินิจฉัยด้วยการตรวจภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือภาพคลื่นแม่เหล็ก (MRI) จากแพทย์เจ้าของไข้
- ภาวะอวัยวะล้มเหลว : ประกันมักคุ้มครองเมื่อถึงระยะสุดท้ายที่ต้องการการรักษาต่อเนื่องภาวะที่อวัยวะสำคัญไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เช่น ตับวายระยะสุดท้าย ซึ่งมีผลทำให้เกิดโรคตับแข็ง โดยมีอาการแสดงครบตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด
- โรคร้ายแรงอื่น ๆ : เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะสำคัญ ภาวะทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง แผลไหม้รุนแรง ตาบอด หรือโรคจากการติดเชื้อรุนแรงบางชนิด
FAQ คำถามยอดฮิตของประกันโรคร้ายแรง
มาถึงช่วงตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับประกันโรคร้ายแรง Krungsri The COACH ได้รวบรวมคำถามยอดฮิตมาให้แล้ว
ประกันโรคร้ายแรงเคลมได้กี่ครั้ง ?
จำนวนครั้งในการเคลมประกันโรคร้ายแรงจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 11 - 14 ครั้ง และแบ่งย่อยตามระดับความรุนแรงของโรค ยกตัวอย่างเช่น ประกันโรคร้ายแรง A สามารถเคลมได้สูงสุด 11 ครั้ง แบ่งเป็นระดับต้นถึงระดับปานกลาง สูงสุด 4 ครั้ง (50%) และระดับรุนแรง สูงสุด 7 ครั้ง (100%) เป็นต้น
เคลมประกันโรคร้ายแรงใช้เวลากี่วันกว่าจะได้เงิน ?
ตามหลักเกณฑ์ทั่วไป ผู้เอาประกันจะต้องส่งเอกสารเพื่อเรียกร้องสินไหมภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันจากแพทย์ หลังจากที่บริษัทประกันได้รับเอกสารประกอบการพิจารณาครบถ้วน และถูกต้องแล้ว จะใช้เวลาพิจารณาและอนุมัติสินไหมภายใน 15 วันทำการ
มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ยังต้องทำประกันโรคร้ายแรงไหม ?
“ยังจำเป็น” เพราะแม้ว่าประกันสุขภาพจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับโรคร้ายแรง เช่น
- วงเงินความคุ้มครองของประกันสุขภาพทั่วไปอาจไม่เพียงพอสำหรับการรักษาโรคร้ายแรง
- ประกันสุขภาพมักจ่ายตามค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง และอาจไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าเดินทาง ค่าผู้ดูแล ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด
- การชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างประกันสุขภาพกับประกันโรคร้ายแรง
เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เราได้ทำตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญระหว่างประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง (เจอ จ่าย จบ) มาให้แล้ว ดังนี้
Krungsri The COACH แนะนำ : คุ้มครองมะเร็งทุกชนิดด้วยประกันโรคร้ายแรง เจอ จ่าย จบ กรุงศรี แคนเซอร์ พร้อม
สำหรับผู้ที่มองหาประกันโรคร้ายแรง เจอ จ่าย จบ และเน้นความคุ้มครองโรคมะเร็งโดยเฉพาะ Krungsri The COACH ขอแนะนำ “
กรุงศรี แคนเซอร์ พร้อม” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยโรคมะเร็งจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่มอบความคุ้มครองโรคมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ ที่ตรวจพบเป็นครั้งแรก ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 200,000 บาท และเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,999 บาทต่อปี ช่วยแบ่งเบาสถานการณ์ สามารถนำเงินก้อนไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นได้อย่างคล่องตัว
ในยุคที่โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องไม่แน่นอน การมีประกันโรคร้ายแรงติดตัวไว้ก็เหมือนสร้างเกราะป้องกันทางการเงินที่มั่นคงให้ชีวิต ช่วยให้เราอุ่นใจได้ว่าหากวันหนึ่งต้องเผชิญกับโรคร้ายที่ไม่คาดคิด ก็จะมีความคุ้มครองคอยซัพพอร์ต ไม่ต้องกังวลว่าภาระค่ารักษาพยาบาลจะกระทบกับเงินเก็บ หรืออนาคตของครอบครัว การเลือกประกันที่ใช่ และเหมาะกับเราที่สุดตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ช่วยให้เรา และคนที่เรารัก ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และสบายใจยิ่งขึ้นนั่นเอง