ในช่วงสิ้นปี นอกจากเป็นการเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาส และวันเคานต์ดาวน์แล้ว ในโลกการลงทุนก็มีความคึกคักเช่นกัน กับปรากฏการณ์ “Santa Claus Rally” ที่ตลาดหุ้นมักจะพากันปรับตัวขึ้นรับเทศกาลแห่งความสุข ทำให้นักลงทุนใจฟูกันถ้วนหน้า อยากรู้ไหมว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ? แล้วเราจะวางแผนลงทุนเพื่อรับกระแสนี้ไปได้อย่างไร ? Krungsri The COACH สรุปมาให้แล้วแบบเข้าใจง่าย พร้อมแนวทางให้คุณวางแผนลงทุนรับโอกาสดี ๆ ส่งท้ายปี
Santa Claus Rally คือ ปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนสิ้นปี เปรียบเสมือนการมาถึงของคุณลุงซานต้าที่นำของขวัญซึ่งก็คือผลตอบแทนที่เป็นบวกมามอบให้กับนักลงทุน โดยทฤษฎีนี้ถูกพูดถึงครั้งแรกโดย Yale Hirsch ในช่วงทศวรรษ 1970 จนกลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ และถูกจับตามองมาจนถึงปัจจุบัน
 

Santa Claus Rally เกิดขึ้นในช่วงเวลาไหน ?

โดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาของ Santa Claus Rally จะนับจาก 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึง 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคมปีถัดไป รวมระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการ ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
 

ทำไมตลาดหุ้นมักคึกคักในช่วงนี้ ?

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แต่มีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างที่มักเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลานี้ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับตลาด

• บรรยากาศการลงทุนเชิงบวก : ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข และการเฉลิมฉลอง มักส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น ขณะเดียวกันการจับจ่ายใช้สอยที่คึกคักก็ช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นด้วย
• ปริมาณการซื้อขายของผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ที่ลดลง : ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี มักเป็นช่วงที่ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่หยุดพัก ทำให้การซื้อขายในตลาดเบาบางลง เหลือแรงซื้อหลักจากนักลงทุนรายย่อยที่ทยอยเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง
• แรงซื้อจากเงินโบนัส และการลดหย่อนภาษี : สำหรับในประเทศไทย ช่วงสิ้นปีเป็นเวลาที่หลายคนได้รับโบนัส และเป็นโอกาสสุดท้ายในการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง Thai ESG และ RMF ทำให้มีเงินลงทุนใหม่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น

แม้ Santa Claus Rally จะเป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนคาดหวังผลตอบแทนดี ๆ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการลงทุนอย่างเข้าใจ และมีแบบแผน Krungsri The COACH มี 3 ข้อคิดที่จะช่วยให้วางแผนลงทุนได้อย่างมั่นใจ และยั่งยืนมากขึ้น
 

1. เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้น ที่ชอบจับจังหวะซื้อขาย

เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในกรอบเวลาสั้น ๆ เพียงประมาณ 7 วันทำการ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่าการลงทุนระยะยาว นักลงทุนจะต้องติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับพอร์ตหากแนวโน้มตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
 

2. อย่ามองข้าม January Effect ที่อาจตามมา

หลังจากช่วง Santa Rally ยังมีอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ก็คือ “January Effect” ซึ่งหมายถึงช่วงที่ตลาดหุ้นมักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือนมกราคม เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากนำเงินโบนัสหรือรายได้ที่เก็บไว้ช่วงปลายปี กลับมาลงทุนในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารและวางแผนรับมือหากตลาดไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามที่คาดหวังไว้
 

3. ใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยจับจังหวะลงทุน

การดูแค่ช่วงเวลาในปฏิทินอาจทำให้การลงทุนอาจไม่เพียงพอ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาช่วยจะทำให้มองเห็นสัญญาณได้ชัดเจนขึ้น นักลงทุนอาจจะใช้วิธีพื้นฐานอย่าง การดูกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ควบคู่กับการดูปริมาณการซื้อขาย (Volume) รวมถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อดูทิศทางแนวโน้มของตลาดได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรมีการจำกัดความเสี่ยง โดยการกำหนดจุด Stop Loss เพื่อลดโอกาสขาดทุนลงในกรณีที่ตลาดไม่ได้ปรับตัวไปในทิศทางที่คาดไว้

• ลงทุนในไหน : เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักในประเทศสหรัฐอเมริกา
• เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของการลงทุนในหุ้น และต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
• ระดับความเสี่ยง : 6 (เสี่ยงสูง)

Santa Claus Rally เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ ที่อาจสร้างโอกาสให้นักลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงแนวโน้มทางสถิติเท่านั้น ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ และเลือกใช้เครื่องมือที่มีอยู่อย่างเหมาะสม จะช่วยให้การลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเป็นไปอย่างราบรื่น และเต็มไปด้วยโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตของคุณ
 
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน • กองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

หมายเหตุ: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับ บลจ. กรุงศรี เท่านั้น

อ้างอิง

• https://mgronline.com
• https://th.investing.com
• https://www.investopedia.com