ลงทุนในหุ้นแต่ผลไม่เป็นไปตามคาด แถมยังติดอยู่ในสภาวะเม่าขึ้นดอย ต้องรีบหาหนทางลงให้ผลเป็นบวก
“เม่า” คำ ๆ นี้คงเป็นคำที่หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี มีความหมายถึงกลุ่มคนที่เริ่มต้นก้าวเข้าสู่วงการการลงทุนด้วยหุ้นแต่อาจจะผิดพลาดจนกระทั่งเจ็บตัวจากการเล่นหุ้นกันมาบ้างไม่มากก็น้อย เรียกได้ว่ากว่าจะเป็นนักลงทุนหรือที่เราเรียกว่าเซียนหุ้นกันได้นั้น แต่ละคนก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์การเป็นเม่าขึ้นดอยกันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน
สำหรับคุณกาว - พงศ์ธร เลาหะวิไลย กรรมการบริหาร บริษัท บ๊อกซ์เทล จำกัด ชีวิตวัยรุ่นของคุณกาวนั้นค่อนข้างแตกต่างจากเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันพอสมควร คุณกาวศึกษาในระดับชั้นม.ปลายที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งในวัยนั้นเพื่อน ๆ ต่างก็ทุ่มความสนใจไปที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่คุณกาวกลับมองเห็นอีกโอกาสที่ซ่อนอยู่ คุณกาวเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับการลงทุนและได้เริ่มต้นศึกษาด้านการลงทุนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ Pantip.com เรียกได้ว่าคุณกาวคืออีกหนึ่งขาประจำของห้องสินธร และยังเป็นนักอ่านหนังสือด้านการลงทุนต่าง ๆ หลายร้อยเล่มเลยทีเดียว
ถึงแม้ประสบการณ์การลงทุนเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่การอ่านหนังสือด้านการลงทุน หรือการเข้าสัมมนาต่างก็เป็นการเรียนรู้ ‘ประสบการณ์มือสอง’ ที่นอกจากจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเป็นเม่าได้ในอีกทางหนึ่ง
ดังนั้นวันนี้ทีมกรุงศรีกูรูจึงขอนำเสนอเรื่องราวของหนุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่ในอดีตเคยผ่านประสบการณ์การเป็น ‘เม่า’ มาถึง 3 ครั้งแต่เขาก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ทุกครั้ง อะไรคือกุญแจแห่งชัยชนะของเขากันนะ?
สำหรับคุณกาวถึงแม้ว่าจะอ่านหนังสือมามากเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญคือการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเองนั่นทำให้คุณกาวเริ่มเข้าสู่การเป็น ‘เม่า’ ของคุณกาว และแน่นอนว่าตลอดชีวิตการลงทุนคุณกาวก็เคยติดดอยไม่ต่างจากนักลงทุนมือใหม่ทุกคน แต่คุณกาวจะมีวิธีอะไรที่ทำให้ตัวเองลงจากดอยอันหนาวเหน็บได้นั้น นี่คือคำตอบ
ติดดอยครั้งแรก
การติดดอยครั้งแรกของคุณกาวเริ่มต้นเมื่อครั้งตอนที่คุณกาวเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นคือช่วงที่เริ่มมี Social Network เข้ามาช่วงแรก ๆ คุณกาวจึงใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อโพสต์เกี่ยวกับความรู้ด้านการลงทุนของตนเองและกลายเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้กับเพื่อน ๆ เรียกว่าใครคิดถึงคุณกาวก็ต้องคิดถึงการลงทุนไปด้วย แต่สำหรับคุณกาวตอนนั้นคือช่วงเวลาที่ใช้เพื่อการค้นหาตัวเองและในตอนนั้นคุณกาวก็อยากค้นหาเส้นทางสู่ความมั่งคั่งให้ได้เร็วที่สุด จนนั่นคือสาเหตุของการติดดอยครั้งแรกนั่นเอง
คุณกาวเล่าให้เราฟังว่าช่วงนั้นมีข่าวราคาหุ้นของบริษัทของคนรู้จักกำลังขึ้น และนั่นทำให้คุณกาวตัดสินใจนำเงินเก็บที่ตนเองมีไปซื้อหุ้นเพียงตัวเดียวโดยไม่มีการบริหารจัดการเงินออกเป็นสัดส่วน เพราะฟังจาก 'ข่าววงใน' เท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดเพราะแทนที่ราคาหุ้นจะขึ้นกลับลดลงจนกระทั่งคุณกาวขาดทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว
คุณกาวให้ข้อคิดว่าจากการติดดอยครั้งนี้ สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของการลงทุนคือ "การลงทุนด้วยความรู้ด้วยตนเอง" เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนนอกจากจะต้องรู้ว่าจริตการลงทุนเป็นแบบไหน จะเป็นสายวิเคราะห์ดูพื้นฐานหรือสายเทคนิคที่ดูกราฟและผลประกอบการ ทุกการลงทุนเราต้องศึกษาให้ละเอียดและเลือกตัดสินใจลงทุนด้วยความรอบคอบ อย่าเชื่อเพียงสิ่งที่เขา 'เล่าว่า' เท่านั้นเพราะนั่นจะทำให้เรากลายเป็นเม่าติดดอยไม่รู้ตัว
ติดดอยครั้งที่ 2 เพราะความใจร้อน
เมื่อคุณกาวได้เรียนรู้แล้วว่าจากการลงทุนในครั้งนั้น ทำให้คุณกาวเรียนรู้และเพิ่มความระมัดระวังที่จะลงทุนมากขึ้น คราวนี้คุณกาวบอกว่าการติดดอยครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะความใจร้อนของตนเอง ในตอนนั้นคุณกาวได้ลงทุนในหุ้นมาสักระยะหนึ่งแล้วจึงเริ่มมีความสนใจที่จะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นบ้าง และสิ่งที่เป็นเป้าหมายของคุณกาวคือการลงทุนใน TFEX
การติดดอยในครั้งนี้สำหรับคุณกาวเกิดขึ้นเพราะตนเองต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้ตัดสินใจที่จะกระโดดเข้าไปสู่การเล่นหุ้นแบบ TFEX ซึ่งเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผกผันมากกว่าการลงทุนในหุ้นแบบธรรมดา โดยช่วงนั้นคือช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ นั่นทำให้คุณกาวคิดว่านั่นคือโอกาสดีที่จะซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่กลับผิดคาดเพราะแทนที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น กลับขาดทุนจากการลงทุนในหลักแสนกันเลยทีเดียว
แต่คุณกาวสามารถผ่านอุปสรรคนั้นได้และก็ได้เรียนรู้อีกว่า "เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับจริตของตนเอง " เพราะถึงแม้เราจะลงทุนตามเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ก็จริง แต่เราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดเอาไว้ หรือแม้จะทำได้แต่เราก็จะรู้สึกไม่มีความสุขกับการลงทุน เพราะการลงทุนในครั้งนี้ทำให้คุณกาวได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วสไตล์การลงทุนที่ตนเองชอบคือ การวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้น และเน้นการเติบโตแบบมั่นคงมากกว่าที่จะการดูกราฟเพื่อการซื้อขายแบบรายวัน นั่นทำให้คุณกาวเริ่มเปลี่ยนสไตล์การลงทุนของตนเอง
ติดดอยครั้งสุดท้ายและจุดเปลี่ยนในชีวิต
การติดดอยครั้งสุดท้ายของคุณกาวเรียกได้ว่าคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของคุณกาวเลยทีเดียว เรื่องเริ่มต้นเมื่อคุณกาวได้ทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ ในตอนนั้นคุณกาวได้เสนอไอเดียการลงทุนผ่าน TFEX โดยการแบ่งกำไรกับผู้ร่วมทุนกลุ่มซึ่งก็คือญาติหรือคนใกล้ชิดนั่นเอง หลังจากที่คุณกาวสามารถระดมทุนได้ร่วม 3 ล้านบาทและคุณกาวได้ตัดสินใจลงทุนใน TFEX อีกครั้ง แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และในครั้งนี้ผลกระทบไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวคุณกาวเท่านั้นแต่ยังกระทบไปถึงครอบครัวอีกด้วย และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณกาวต้องหยุดเพื่อทบทวนและหาทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้น
และสำหรับคุณกาวทางออกนั้นอยู่ไม่ไกลจากตนเอง เพียงแค่เราเริ่มน้อยกลับสู่จุดเริ่มต้นเท่านั้น คำตอบของทางออกนั่นก็คือ 'การมีระเบียบวินัยทางการเงิน' ซึ่งคุณกาวบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยที่คุณกาวเริ่มต้นจากการติดต่อกลุ่มผู้ร่วมทุนทั้งหมดพร้อมชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นจึงคิดหาวิธีการชดใช้เงินโดยการแบ่งจ่ายเงินที่มาจากรายได้ของงานประจำและยังมีค่าคอมมิชชั่นอีกด้วย โดยคุณกาวจะควบคุมรายจ่ายในแต่ละเดือนให้อยู่ในงบ 5,000 บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะทยอยคืนให้กับทุกคนจนครบตามจำนวนที่ได้ลงทุนไปทั้งหมดและครบทุกคน เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับจริตของตนเอง
ทั้งหมดนี้คือข้อคิดที่ได้จากคุณกาว นั่นคือไม่ว่าเราจะล้มซักกี่ครั้ง แต่เราก็สามารถลุกขึ้นและกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่าได้เสมอ นั่นทำให้การลงทุนไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดกลัวว่าตนเองจะต้องเป็นเม่า เพียงแค่ รู้จริต มีวินัย ใฝ่หาความรู้ เช่นการอ่านบทความ
ด้านการลงทุนสำหรับคนเล่นหุ้น เราก็สามารถหลีกเลี่ยงการขึ้นดอยได้ และถึงแม้เราจะขึ้นดอยจริง ๆ เราก็ยังสามารถหาหนทางลงจากดอยได้เสมอ