เก็งกำไร ฉบับคนรวย การลงทุนทางเลือกที่มูลค่าดีต่อใจ

โดย สิรภัทร เกาฏีระ CFP® นักวางแผนการเงิน
17 มกราคม 2567
เก็งกำไรฉบับคนรวย สินทรัพย์ทางเลือกที่ดีต่อใจ
การเก็งกำไรตามวิถีของคนรวยที่มักจะชอบซื้อของโดยไม่สนเรื่องราคา ส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อเป้าหมายต้องการให้สินทรัพย์เหล่านั้นช่วยต่อยอดเงินให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต หรือเรียกว่าเป็นการเก็งกำไรจากสิ่งที่ตัวเองชอบและหลงใหล ซึ่งนอกจากจะมีความสุขในการได้ใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่ชอบแล้ว ยังได้สร้างผลตอบแทนให้กับตัวเอง ช่วยเพิ่มฐานะให้มีความร่ำรวยมากขึ้น แน่นอนว่าคนรวยจะลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปแบบของหุ้น กองทุนรวม และอสังหาริมทรัพย์กันเป็นเรื่องปกติซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนสามารถคิดและจินตนาการได้ แต่ยังมีสินทรัพย์อะไรอีกบ้าง ที่คนรวยนิยมซื้อเพื่อเป็นของสะสมโดยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
 
สินทรัพย์ยอดนิยมที่คนรวยใช้เก็งกำไร
 

4 สินทรัพย์ยอดนิยม ที่คนรวยเลือกเก็งกำไร

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจวิธีคิดเรื่องการลงทุนของคนรวยกันก่อน เพราะสำหรับคนรวยแล้ว การเป็นนักลงทุนกับนักเก็งกำไรมีความแตกต่างกัน คนรวยส่วนใหญ่นั้นเลือกที่จะเป็นทั้ง 2 แบบ โดยการเป็นนักลงทุน คือ การใช้เงินทำงาน ตัวอย่างที่คุ้นเคยกันดีก็คือ คนรวยนิยมลงทุนหุ้นเพื่อต้องการเงินปันผล เพื่อการออมเงินระยะยาว และเพื่อสะสมความมั่งคั่ง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะนิยมลงทุนกันเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป และลงทุนไปตลอดชีวิต

ส่วนการเป็นนักเก็งกำไร ก็เพื่อวัตถุประสงค์ต้องการกระแสเงินสดออกมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และต้องการสร้างผลตอบแทนระยะสั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่า คนรวยในตลาดหุ้นส่วนใหญ่มักจะแบ่งพอร์ตของตัวเองออกเป็น 2 ประเภท ก็คือ
  1. พอร์ตสำหรับการออมและการลงทุนระยะยาว เพื่อสะสมความมั่งคั่ง
  2. พอร์ตที่ใช้สำหรับการเก็งกำไรเพื่อสร้างกระแสเงินสด
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงการลงทุนในตลาดที่มีรูปแบบการถือครองสินทรัพย์แบบทั่วไปที่คนรวยนิยมทำกัน

แต่ยังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นอีกที่คนรวยนิยมซื้อเพื่อเป็นของสะสมและใช้สำหรับการเก็งกำไรเพื่อให้ได้มาซึ่งกระแสเงินสดและผลตอบแทนที่มีมูลค่าสูงกว่าตอนที่ซื้อมา ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อต้องการขายแล้วจะเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสดได้ยาก เนื่องจากสินทรัพย์กลุ่มนี้จะมีตลาดรองรับอยู่แล้ว สามารถนำไปขาย โยกย้าย หรือแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ประเภทอื่นได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือ
 

1. กระเป๋า Brandname

กระเป๋า Brandname คือสินทรัพย์ที่อยู่คู่กับคนรวย โดยส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมทั้งจากความชอบในแบรนด์ ดีไซน์ และความมีเอกลักษณ์ รวมไปถึงโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต ซึ่งจะสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเมื่อคนรวยยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อกระเป๋าแบรนด์ดัง รุ่นยอดนิยมไปแล้ว มักจะนำออกมาใช้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น จากนั้นก็จะเก็บสะสมเอาไว้ หรือไม่ก็นำออกมาขายเพื่อการเก็งกำไร ได้เงินทุนมาซื้อกระเป๋าใบใหม่ และได้กำไรมาช่วยเพิ่มกระแสเงินสดด้วย

ยกตัวอย่างกระเป๋าแบรนด์ที่เห็นภาพชัด ๆ อย่าง HERMES MINI KELLY 20 กระเป๋าหรูที่มีความต้องการซื้อสูง เปิดตัวด้วยราคา Official ที่ 8,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นกระเป๋ามือสองในตลาดหรู ที่มีราคาพุ่งสูงถึง 20,000-40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 200-300% เลยทีเดียว
 

2. นาฬิกาหรู

ไม่มีใครสามารถปฏิเสธนาฬิกาหรูอย่าง Rolex และ Patek Philippe ได้ว่าเป็นสุดยอดนาฬิกาหรูตลอดกาล และ Rolex ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าตัวเองได้ ผลิตโดยสุดยอดช่างฝีมือ ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง และการทำการตลาดที่ส่งให้แบรนด์ Rolex ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทั้งการเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานอีเวนต์ระดับโลก อย่างการแข่งรถ Formula 1, การแข่งเทนนิส US Open และการแข่งเทนนิส Wimbledon รวมไปถึงการเป็นสปอนเซอร์ให้กับคนดังอย่างโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ด้วย

ส่วน Patek Philippe ก็โดดเด่นด้วยการผลิตที่มีความเป็นเอกลักษณ์มาอย่างยาวนาน นั่นคือการประกอบชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยมือของช่างฝีมือในโรงงานตัวเอง โดยที่ไม่มีเครื่องจักรเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ Patek Philippe ไม่เป็นเพียงนาฬิกาหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นงานศิลปะที่ควรค่าแก่การเก็บสะสม เพราะในแต่ละปี Patek Philippe จะผลิตนาฬิกาออกมาได้เพียง 70,000 เรือนเท่านั้น พร้อมด้วยสโลแกน “You never actually own a Patek Philippe. You merely take care of it for the next generation.”
 

3. ไวน์

ไวน์เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินทรัพย์สำหรับใช้เก็งกำไรที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรวย ส่วนจะมีราคาหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับปีที่ผลิต หากปีนั้น ๆ มีปริมาณน้ำฝนมากเกินไป ผลองุ่นจะดูดซึมน้ำไว้เยอะ ทำให้เมื่อนำไปผลิตเป็นไวน์จะให้รสชาติที่อ่อนและจาง แต่ถ้าปีไหนมีน้ำฝนในปริมาณที่พอเหมาะ ผลองุ่นจะให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม เมื่อนำไปผลิตไวน์ก็จะได้รสชาติที่ยอดเยี่ยมไปด้วย ดังนั้นไวน์จึงเป็นสินทรัพย์ที่ควรค่าแก่การเก็งกำไร ด้วยขั้นตอนการผลิตที่ประณีตบรรจง และไวน์ที่ผลิตในปีที่องุ่นมีผลผลิตดีที่สุด จะขึ้นโพเดียมเป็นของหายากทันที

ยกตัวอย่างไวน์ Lafite Rothschild ของ Latour รุ่นที่ผลิตในปี 2007 กับปี 2011 กลายเป็นรุ่นที่มีราคาเท่ากับไวน์วินเทจที่มีราคาไม่สูงมาก เนื่องจากเป็นปีที่องุ่นมีคุณภาพตกต่ำ ราคาขายจึงตกอยู่ที่ขวดละ 23,000-25,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาของไวน์รุ่นเดียวกันที่ผลิตในปี 1982 และ ปี 2000 ซึ่งเป็นปีที่ผลองุ่นให้ผลผลิตที่ดีมาก ราคาจึงพุ่งสูงถึงขวดละ 100,000 บาทเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนอาจจะคลายความสงสัยกันได้แล้วว่า ทำไมการเลือกซื้อไวน์จึงต้องดูปีที่ผลิต เพราะต่อให้แบรนด์มีคุณภาพมากเพียงใด แต่ถ้าวัตถุดิบในปีนั้น ๆ ไม่มีคุณภาพ ราคาไวน์ก็จะตกต่ำลงมาด้วยเช่นกัน
 

4. ทองคำ

ถือเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่อยู่ในกลุ่มของสินค้าโภคภัณฑ์ คนรวยนิยมนำมาใช้เป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยง เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วราคาทองคำมักจะวิ่งสวนทางกับภาวะตลาดหุ้น คือ เมื่อใดที่ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนจนมีความเสี่ยงสูงเกินจะยอมรับได้ การมีทองคำสะสมเอาไว้หรือมีทองคำรวมอยู่ในพอร์ตก็ยังสร้างความอุ่นใจได้ว่าทองคำจะช่วยสร้างความสมดุลและช่วยพยุงพอร์ตเอาไว้ได้

และทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีตลาดรองรับอยู่เสมอ มีการเปิดให้ซื้อ-ขายทุกวัน อีกทั้งยังมีราคากลางที่ทั่วโลกใช้และให้การยอมรับ นับว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง แต่ก็ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง เพราะความเสี่ยงของทองคำก็มาจากความผันผวนของราคากลางในตลาดโลกนั่นเอง

ส่วนถ้าอยากรู้ว่าคนรวยเขาสะสมทองคำกันในรูปแบบไหน ต้องตอบว่ามีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความชอบ ทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง และตราสารอนุพันธ์ที่มีทองคำเป็นสินทรัพย์อ้างอิง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อสัญญาซื้อขาย Gold Futures แต่ถ้าต้องการสะสมทองคำเพื่อการเก็งกำไรแบบเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสดรวดเร็ว และได้ถือครองทองคำที่สามารถจับต้องได้จริง ต้องทองคำแท่งเท่านั้นที่จะตอบโจทย์ เพราะขายง่าย ได้ราคาดี อีกทั้งยังเป็นวิธีการเก็งกำไรแบบดั้งเดิมที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่
 
4 ข้อควรรู้ในการทำกำไรกับ 4 สินทรัพย์ยอดนิยม
 

4 ข้อควรรู้ในการทำกำไรกับ 4 สินทรัพย์ยอดนิยม

การลงทุนในสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร นักลงทุนควรมีความรู้ว่า จังหวะในการทำกำไรนั้นจะหาได้จากที่ไหน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับราคาสินทรัพย์ที่ได้ซื้อ หัวใจหลักที่จะทำให้ได้กำไรไม่มีอะไรซับซ้อนเลย คือ “ซื้อถูก ขายแพง” และ “ขายในช่วงที่ยังมีความต้องการสูง” ซึ่งเป็นเรื่องที่ใช้ได้กับทุกทรัพย์สิน และสิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับการขายสินทรัพย์ที่มีราคาสูง กระเป๋า Brandname นาฬิกาหรู หรือสินค้าหรูหราอื่น ๆ เพิ่มเติมคือ
 

1. รู้จักตลาดที่รองรับสินค้า

อย่างที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ต้น หากเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีตลาดรองรับอยู่แล้ว การซื้อ-ขายเพื่อทำไร ก็ไม่ใช่เรื่องยาก จะช่วยให้การเก็งกำไรสินค้า ทำกำไรตามเป้าหมาย เพราะตลาดที่รองรับสินค้านั้น ๆ โดยตรงจะรวบรวมให้ผู้ซื้อและผู้ขายให้มาพบกัน ได้มาพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้รู้ทันเทรนด์ว่าตลาดโดยรวมต้องการสินค้าอะไร ซึ่งหากนักลงทุนเลือกสินทรัพย์ที่มีความต้องการน้อย โอกาสที่พบกลุ่มผู้ซื้ออาจจะใช้เวลานาน จนทำให้ผ่านช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปแล้ว
 

2. ควรรู้ว่าสินทรัพย์ที่เก็งกำไรนั้นสามารถนำไปสร้างกำไรทางใดได้บ้าง

นักลงทุนควรทำการศึกษาว่า สินทรัพย์ที่ต้องการเก็งกำไรนั้น สามารถใช้ช่องทางใดเพื่อการสร้างกระแสเงินสดได้บ้าง เช่น การขายต่อแบบ Resell การขายในตลาดมือสอง หรือการปล่อยให้เช่า เป็นต้น
 

3. ติดตามและศึกษาแนวโน้มของตลาด

เป็นสิ่งสำคัญมากที่นักลงทุนต้องรู้ถึงสถานการณ์ของสินทรัพย์ที่ต้องการเก็งกำไร เริ่มต้นตั้งแต่การตัดสินใจซื้อเลยว่า หากต้องการซื้อมาเพื่อเก็งกำไรจริง ก็ต้องศึกษาว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ และในจังหวะที่ขายก็ต้องทราบเทรนด์ว่า สินทรัพย์ที่ต้องการขายนั้นยังอยู่ในกระแสนิยมหรือไม่ แล้วจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน หากสินทรัพย์ที่ต้องการเก็งกำไรเป็นสินค้าแฟชั่น อย่าปล่อยให้สินทรัพย์ต้องหลุดเทรนด์ไป เพราะเทรนด์นั้นไม่มีการกำหนดตายตัวว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่
 

4. ควรมีความรู้พื้นฐานด้านกฎหมาย

ก่อนที่จะเริ่มหาจังหวะการขายสินทรัพย์ ควรเริ่มทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายพื้นฐานที่รวมไปถึงเรื่องของการทำบัญชี และความรู้เกี่ยวกับภาษีกันก่อน เพราะสินทรัพย์เก็งกำไรที่มีราคาสูง มักจะมีเรื่องของกฎหมายและภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ หากไม่ทำความเข้าใจก่อนการตัดสินใจซื้อขายแลกเปลี่ยน อาจทำให้มีปัญหาและมีค่าใช้จ่ายแฝงตามมาภายหลังได้
 

สินค้าอะไรก็เก็งกำไรได้ ถ้าอุปสงค์สูงกว่าอุปทาน

นอกจากกการลงทุนในตลาดหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์แล้ว คนรวยยังนิยมเลือกเก็งกำไรจากกลุ่มสินค้าแฟชั่น และสินค้าในกระแสอีกมากมาย ยกตัวอย่างสินค้าอื่น ๆ ที่คนรวยนิยมนำมาเก็งกำไร เช่น งานศิลปะ, พระเครื่อง, เหรียญโบราณ, แสตมป์, เพชร, เครื่องประดับ, เครื่องปั้นดินเผาโบราณ หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์หรู เป็นต้น ดังนั้นสิ่งสำคัญก่อนจะเลือกสินค้าใด ๆ ก็ตาม ต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่า สินค้านั้น ๆ มีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน เพราะย่อมหมายความว่า มีความต้องการซื้อมากกว่าความต้องการขาย จึงสามารถเข้าเก็งกำไรได้นั่นเอง

สิ่งสำคัญที่เราอยากเน้นย้ำก็คือ “ตัวสินทรัพย์ที่จะเก็งกำไร สำคัญน้อยกว่าความรู้” ดังนั้นไม่ว่าคุณจะลงทุนในหุ้น กองทุนรวม สินทรัพย์ทางเลือก สินค้าหรูหรา ก็ยังจำเป็นต้องศึกษาให้รู้จริงไม่ต่างกัน และวันนี้หากคุณต้องการต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโต และต้องการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก่อนการลงทุน สามารถร่วมเป็นลูกค้าของ KURNGSRI PRIME เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย พร้อมมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุน ติดต่อผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้ทีมที่ปรึกษาการเงินติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน
สนใจร่วมเป็นลูกค้า ด้วยการเลือก KRUNGSRI PRIME ต่อยอดเงินให้เติบโต​
KRUNGSRI PRIME ช่วยพาคุณไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่งคั่งทางการเงิน และต่อยอดเงินล้านของคุณให้เติบโตสู่ล้านถัดๆไป นอกจากนี้ KRUNGSRI PRIME ยังมอบความพิเศษด้วยสิทธิ์ต่างๆทั้งด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ที่ถูกคัดสรรมาให้แก่ลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ