เมื่อเก็บเงินไประยะเวลาหนึ่งจนเข้า 7 หลัก หลายคนอาจเริ่มคิดแล้วว่าเราจะทำอย่างไรกับเงินจำนวนนี้ให้งอกเงยอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แน่นอนว่าตัวเลือกสำหรับการลงทุนด้วยเงินล้านนั้นมีมากมายและมีความเหมาะสมแตกต่างกันออกไปตามบุคคล บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการต่อยอดเงินล้านจากคำถามที่ว่า “มีเงินล้านลงทุนอะไรดี” เพื่อให้เงินของคุณเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ควรรู้เมื่อมีเงินล้าน
ก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลักเราจะพาคุณไปทำความเข้าใจประเด็นสำคัญก่อนว่า “เงินล้าน” ในความคิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนรวมเงินฝากของตัวเองทุกแห่งเป็นเงินล้าน บางคนรวมทรัพย์สินต่าง ๆ มากมาย ทั้งบ้าน รถ ที่ดิน และกล่าวว่าเป็นเงินล้าน แต่ในมุมมองของการลงทุนแล้ว เงินล้านที่นำมาลงทุนต่อควรเป็น “เงินเย็น” ที่ถูกเก็บไว้โดยไม่จำเป็นต้องนำออกมาใช้จ่ายอะไร แม้ว่าเงินก้อนนี้จะพร่องลงไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากนัก
“จะเกิดอะไรขึ้นหากเรานำเงินร้อนมาลงทุน?” เมื่อมีการพูดถึงเงินเย็นย่อมมีคำถามนี้ตามมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเหตุผลที่ง่ายที่สุดสำหรับเรื่องนี้ คือ หากคุณใช้เงินร้อนหรือเงินทั้งหมดที่คุณมีมาลงทุน ก็มีโอกาสทำให้คุณขาดทุนจนดำเนินชีวิตต่อไปได้ยากนั่นเอง
แผนการจัดการเงินล้านที่คุณควรทำก่อนลงทุน
- จัดสรรเงินล้านให้เป็นสัดส่วน
ดังที่ระบุไว้ข้างต้นว่าเงินล้านที่นำมาลงทุนควรเป็นเงินเย็น แต่คนจำนวนไม่น้อยเมื่อเห็นเงินที่มีอยู่ขึ้นหลักล้านก็สรุปเองว่าสามารถใช้เงินทั้งหมดลงทุนได้ ซึ่งแนวทางที่ถูกต้องก่อนที่จะลงทุนเงินหลักล้านเราขอแนะนำว่าควรจัดสรรเงินโดยอ้างอิงถึงการใช้เงินของตนเองเป็นหลัก
ยกตัวอย่างถ้าเงินล้านทั้งหมดของคุณเป็นเงินฝาก และมีการหมุนเงินในบัญชีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวันอยู่ในเงินล้านก้อนนั้น เงินที่คุณนำมาลงทุนควรอยู่ที่ 20%-30% หรือราว 2-3 แสนบาทเท่านั้น เพื่อเป็นการสำรองเงินหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน ไม่เช่นนั้นหากขาดทุนก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคุณและคนในครอบครัวได้
หากเงินล้านเป็นเงินเย็นทั้งหมด สิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือการจัดสรรการลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงโดยเนื้อหาจะอยู่ในหัวข้อวางแผนลงทุนด้วยเงินที่เหมาะสม
- ตั้งเป้าแผนการเงินของตนเอง
ถ้ามีเงินล้านแล้วคุณต้องการอะไรต่อ? คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามที่ยากสำหรับใครหลายคน เพราะเงินล้านคือเป้าหมายพื้นฐานสูงสุด และคำตอบยอดฮิตส่วนมากมักเป็น “อิสรภาพทางการเงิน” หรือ “เงินที่งอกเงยขึ้นแตะหลักสิบล้านและอาจฝันไกลไปจนถึงเงินร้อยล้าน” ซึ่งบางครั้งอาจจับต้องได้ยากเกินไป
หลักการตั้งเป้าหมายอย่างมีคุณภาพด้วย Smart Goal มีดังนี้
- Specific: มีขอบเขตชัดเจน
- Measurable: สามารถวัดผลได้
- Achievable: สามารถทำได้จริง
- Relevant: สอดคล้องกับเป้าหมายองค์รวม
- Timely: ระบุเวลาที่แน่นอน
แม้ว่าหลักการบางส่วนอาจเปลี่ยนไปบ้างตามการประยุกต์ใช้ แต่พื้นฐานคือ “ต้องมีขอบเขตและระบุเป้าชัดเจน เป็นไปได้จริง” เช่น ปัจจุบันเรามีเงิน 1 ล้านบาท ตั้งเป้าจะเก็บเงินให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี ด้วยการลงทุนในกองทุนหุ้นโดยคาดหวังผลตอบแทน 10% และแบ่งเงินไปทำธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น

- วางแผนลงทุนด้วยเงินที่เหมาะสม
การจัดพอร์ต (Portfolio) สำหรับการลงทุนเปรียบเสมือนต้นทางของการสร้างเงินล้าน แต่ถ้าคุณมีเงินล้านในมือแล้วก็อาจต้องพิจารณาสัดส่วนการลงทุนต่าง ๆ อีกครั้ง ด้วยเหตุผลในการสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนระยะยาว
ในเบื้องต้นคุณจำเป็นต้องดำเนินการประเมินความเสี่ยงของตนเองเพื่อปรับสัดส่วนพอร์ตให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้เสียก่อน โดยเรามีตัวอย่างการจัดพอร์ตดังนี้
พอร์ตความเสี่ยงต่ำ
- เงินฝาก 50%
- กองทุนรวมตราสารหนี้ 30%
- กองทุนรวมหุ้น 20%
พอร์ตความเสี่ยงสูง
- เงินฝาก 10%
- กองทุนรวมหุ้น 60%
- กองทุนตราสารหนี้ 30%
ข้อมูลการจัดพอร์ตอ้างอิงจากเครื่องมือวางแผนทางการเงิน
หากคุณมีพอร์ตอยู่แล้ว เราก็ขอแนะนำให้คุณดำเนินการปรับพอร์ตทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนให้มากที่สุด โดยคุณสามารถอ่านเกี่ยวกับขั้นตอนการบริหารจัดการเงินได้ที่บทความวางแผนลงทุน
ตอบคำถาม มีเงินล้านลงทุนอะไรดี
ตัวเลือกในการลงทุนมีอยู่มากมายหากคุณมีเงินล้าน แต่การลงทุนที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอยู่ 3 หมวดหมู่ ได้แก่
- ทำธุรกิจส่วนตัว
การทำธุรกิจส่วนตัวเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการต่อยอดวิชาชีพของตัวเอง หรือต้องการบริหารกิจการของตนเอง มีจุดเด่นที่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในกิจการของตนเองได้เต็มที่ รวมถึงได้กำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เหนือกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ เช่นกัน
ตัวอย่างของธุรกิจส่วนตัวที่พบได้มากในปัจจุบัน คือ ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี การโฆษณา ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจยุคใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal
- หุ้น
การลงทุนในหุ้นกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้มูลค่าของบริษัทที่เกี่ยวข้องพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงการเปิดให้ภาคประชาชนเข้าซื้อหุ้นในราคาถูก การลงทุนในหุ้นจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นก็มีความผันผวนมาก ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารของแต่ละกิจการ และเทรนด์ ณ ขณะนั้น ทำให้มีความเสี่ยงไม่น้อย ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นควรมีการศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง และมีความสามารถในการมองกลไกตลาดเพื่อให้การซื้อขายมีความคุ้มค่ามากที่สุด
- กองทุน
การลงทุนในกองทุนถือเป็นรูปแบบการลงทุนเงินล้านที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำหากเทียบกับตัวเลือกอื่น เนื่องจากผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้หลากหลายตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักล้านบาท รวมถึงมีมืออาชีพด้านการลงทุนคอยจัดการเงินในส่วนนี้ให้ จึงสามารถวางใจได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าไม่ได้มีความรู้เฉพาะทางก็สามารถลงทุนได้
สำหรับกองทุนที่น่าสนใจในการลงทุนด้วยเงินล้าน มี 2 กองทุน ได้แก่ KFGDIV-A กองทุนที่ลงทุนในหุ้นปันผลสูงทั่วโลก และ KFGBRAND ที่มีการลงทุนในแบรนด์ใหญ่ชั่นนำทั่วโลก นอกจากนี้คุณสามารถดูกองทุนต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่กองทุนรวมที่น่าสนใจ
เก็บเงินกับกรุงศรี ได้ผลตอบแทน “มากยิ่งขึ้น”
ลงทุนเงินล้านให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าที่เคยได้อย่างไร สิ่งที่นักลงทุนต้องโฟกัสเพิ่มนอกจากเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่ได้รับเป็นมูลค่าเงินแล้ว อาจต้องคำนึงถึงโอกาสและผลประโยชน์ต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย
สรุป
การลงทุนในเงินล้านไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ซึ่งสิ่งที่เราได้ยกตัวอย่างไปข้างต้นเป็นเพียงตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงเท่านั้น ผู้ลงทุนจึงควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตนเองเพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมและมีคุณภาพ แน่นอนว่าคุณสามารถผสมผสานการลงทุนที่หลากหลายเข้าด้วยกันเพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับเงินล้านที่ลงทุนไปได้มากที่สุด
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากลงทุนอย่างมีคุณภาพ พร้อมพัฒนาชีวิตควบคู่ไปกับการสร้างอิสรภาพทางการเงิน สามารถปรึกษาผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจาก KRUNGSRI PRIME ติดต่อกลับ
ขอรับหนังสือชี้ชวน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KFGDIV-A, KFGBRAND ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้