เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาฉีดวัคซีน

เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาฉีดวัคซีน

By Krungsri Plearn Plearn
ในช่วงนี้หลายคนเริ่มได้มีนัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กันบ้างแล้ว ทั้งได้จากสิทธิของประกันสังคม หรือการลงทะเบียนกับทางภาครัฐ แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปฉีดวัคซีนตามนัดหมาย เราจะเตรียมตัวเองอย่างไร เพราะมีเรื่องที่หลายคนยังคงกังวล เช่น เรื่องของผลข้างเคียงหลังฉีด หรือผู้จะไปฉีดมีการใช้ยาประเภทไหน แล้วเกิดผลอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เรามีข้อมูลการเตรียมพร้อมก่อนจะเริ่มต้นไปฉีดวัคซีน และการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน ให้ทุกคนได้เตรียมป้องกันตัวเองไว้ก่อน ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ เคยมีประวัติร่างกายแข็งแรงขนาดไหน ต่างก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ดี เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง จะมีเรื่องไหนที่เราต้องรู้บ้าง มาดูกันเลย

อายุเท่าไหร่ที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19

สำหรับอายุที่เหมาะสำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทางคุณหมอแนะนำว่าควรมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปจนถึงอายุ 60 ปลาย ๆ เพื่อให้วัคซีนสร้างภูมิกันได้โดยเร็ว แต่สำหรับผู้ที่มีอายุน้อยอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่าผู้ใหญ่อายุมาก
เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาฉีดวัคซีน

เตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบไหนให้ปลอดภัย

  • ไม่ควรอดนอน ควรนอนหลับให้เพียงพอ ถ้าจะให้ดีอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง หากนอนไม่พออาจมีผลกระทบเรื่องของผลข้างเคียงจากตัววัคซีนโควิด-19 ได้
  • งดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชา หรือกาแฟ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีผลกับเรื่องของความดันเลือด จากอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นหลังร่างกายได้รับสารบางประเภท เช่น คาเฟอีน จะส่งผลให้มีการวัดค่าร่างกายผิดพลาดได้ งดไว้ก่อน ให้ร่างกายดีขึ้นจากการกระตุ้นภูมิค่อยกลับมาดื่มได้อย่างปกติ และก่อนฉีดวัคซีนควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 3-5 แก้ว อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเป็นอันขาด ข้อนี้สำคัญมาก
  • หากพบไข้ก่อนวันฉีด ควรเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปก่อน หากเราพบว่าร่างกายเริ่มมีไข้ก่อนวันนัดฉีดวัคซีน ควรให้ร่างกายหายดีซะก่อนไม่อย่างนั้นหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว หากร่างกายมีผลข้างเคียงจากการกระตุ้นภูมิ เดิมผลว่าหนักอยู่แล้ว บวกกับร่างกายของเรามีไข้ จะยิ่งทำให้ร่างกายทรุดและอาจส่งผลให้เกิดปัญหารุนแรงได้ จึงจะต้องเลื่อนนัด แต่เพื่อความชัวร์ให้ร่างกายหายดีก่อน ค่อยทำการนัดฉีดวัคซีนใหม่ดีกว่า
  • งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 2 วัน เพื่อให้ร่างกายของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อาจงดการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น การฟิตเนส ออกไปก่อน แล้วเปลี่ยนมาออกกำลังกายแบบเบา ๆ ก็ได้ เช่น การลุกนั่ง การเดิน เพราะหากออกกำลังกายหนัก ร่างกายของเราเมื่อถึงวันที่ต้องฉีดวัคซีน อาจฟื้นฟูร่างกายได้ไม่ทัน เมื่อเกิดผลข้างเคียงจากการกระตุ้นภูมิอาจรุนแรงกว่าปกติได้
  • เตรียมข้อมูลประวัติการแพ้ยาให้ละเอียด อย่าลืมข้อนี้โดยเด็ดขาดสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ประวัติการแพ้ยา มียาชนิดไหนที่กำลังทานอยู่บ้าง หรือหากคุณสาว ๆ มีการใช้ยาคุมกำเนิด ควรแจ้งแพทย์ผู้ทำการฉีดอย่าปิดบังข้อมูล เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง หากเกิดผลข้างเคียง ทางทีมแพทย์จะได้ดูแลเราได้อย่างทันท่วงที
เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาฉีดวัคซีน

ข้อปฏิบัติตัวระหว่างฉีดวัคซีนโควิด-19

เพื่อความรวดเร็วในการเข้ารับการฉีดวัคซีนขอให้เตรียมเอกสารอย่างเช่น บัตรประชาชนตัวจริง ข้อมูลการลงทะเบียนขอฉีดวัคซีน หากเป็นแอปฯ ก็เปิดให้ทางเจ้าหน้าที่ดูได้เลย และเราควรมาก่อนเวลานัดอย่างน้อย 30 นาที เพราะหากมีเหตุขัดข้อง ทำให้มาสาย คิวของเราอาจโดนยกเลิกและเสียสิทธิ์ไปได้ สำหรับการแต่งตัวที่เหมาะกับการฉีดวัคซีน ให้แต่งเสื้อผ้าที่เน้นไปที่ความสบายสามารถเปิดไหล่สะดวก และผู้ฉีดวัคซีนควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ รอบตัวเรา หากก่อนหน้าที่จะมาฉีดวัคซีนจำเป็นต้องทานยาประจำตามคำสั่งของแพทย์ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้เลย ไม่ต้องหยุดยาใด ๆ เลย และหลังฉีดวัคซีน หากทางแพทย์มีข้อแนะนำ ก็ควรทำตามอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย จะรักษาได้ยาก

ข้อควรรู้ก่อนไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2

หากว่าเราเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เรียบร้อยแล้วเราจะต้องรอเวลาเพื่อที่จะฉีดเข็ม 2 โดยวัคซีนแต่ละชนิดจะมีระยะเวลาที่ต้องเว้นห่างกัน ไม่เท่ากัน
  • วัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะต้องเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์
  • วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะต้องเว้นระยะห่างไม่เกิน 8 สัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อที่ดี ในกรณีที่เราติดเชื้อโควิดมาก่อนแล้วรักษาหายแล้ว ควรรอให้ร่างกายปรับตัวประมาณ 3 เดือนแล้วค่อยนัดหมายฉีดวัคซีนอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรรอให้มีอายุครรภ์ประมาณ 12 สัปดาห์ขึ้นไปก่อนถึงจะรับการฉีดวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 และ 2 แบบปลอดภัย
อาการที่พบได้บ่อย ๆ หลังฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 โดยผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนที่พบได้บ่อยมีอาการที่แสดงออกด้วยกัน 2 ระดับ
  1. อาการแบบไม่รุนแรง เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อ่อนเพลีย หรือปวดศีรษะ หากใครมีอาการเหล่านี้ก็ไม่ต้องตกใจไปเพราะร่างกายของเราหลังได้วัคซีนจะกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต อาการที่เราเจอจะหายได้เองหลังฉีดวัคซีน 3-4 วัน
  2. อาการที่ควรพบแพทย์ หากหลังฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการที่รู้สึกว่ารุนแรงเช่น ใจสั่น เหงื่อออกมากผิดปกติ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากเบี้ยว จนถึงอาการชัก เกิดผื่นขึ้นตามร่างกาย มีอาการหายใจติดขัด หากพบอาการเหล่านี้หลังฉีดวัคซีน ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที อย่าเก็บเอาไว้ เพราะอาจเกิดผลที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้
นอกจากเรื่องของการดูแลตัวเองแล้ว ในระหว่างที่ประเทศเรายังไม่มีการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกันแบบหมู่ อาจต้องดูแลตัวเองให้ดีเหมือนตอนก่อนได้รับวัคซีน เพราะเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ให้แข็งแกร่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด ยิ่งเราดูแลตัวเองดีแค่ไหน โอกาสติดเชื้อก็จะน้อยลงนั่นเอง หากใครชอบบทความนี้ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว อย่าลืมส่งต่อให้กับเพื่อน ๆ หรือญาติผู้ใหญ่ที่กำลังจะเริ่มไปฉีดวัคซีน ให้ได้เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะยิ่งเตรียมพร้อมไว้ก่อน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของร่างกายได้มากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2564 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow