4 เรื่องต้องรู้ รับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (COVID-19)

4 เรื่องต้องรู้ รับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (COVID-19)

By Krungsri Plearn Plearn
ตั้งแต่ต้นปีคนไทยต้องเผชิญกับวิกฤตฝุ่น PM 2.5 จนมาถึงตอนนี้ก็ยังต้องรับมือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มแพร่ระบาดมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตั้งชื่อใหม่อย่างเป็นทางการแล้วว่า COVID-19 (โควิด -19) ซึ่ง CO ย่อมาจาก Corona, VI ย่อมาจาก Virus, D ย่อมาจาก Disease และตัวเลข 19 มาจากปี 2019 เป็นปีที่ไวรัสเริ่มระบาดเป็นครั้งแรก ส่วนการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 18 เดือน จากข้อมูลของสาธารณสุขจีนยังพบว่ามียอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 79,360 ราย ผู้เสียชีวิตราว ๆ 2,619 ราย ที่รักษาหายแล้วมี 24,963 ราย (ข้อมูลอัปเดตวันที่ 24 ก.พ. 63)
ทั้งนี้ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสที่ระบาดมาจากสัตว์ และสามารถติดต่อผ่านคนสู่คนได้หลายทาง แต่จะแพร่เชื้อก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการไอ จาม แล้วมีละอองหรือน้ำมูกกระเด็นมาโดนตัวเรา จุดที่ควรระวังที่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายคือ จมูก ตา และปาก ท่ามกลางสถานการณ์อันน่าเป็นห่วงเช่นนี้ เรายังต้องออกจากบ้านไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ บางคนยังมีทริปท่องเที่ยวที่วางแผนไว้ แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าในแต่ละวันเราสัมผัสเชื้อโรคนี้หรือไม่ ดังนั้นควรเริ่มป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธีกันเถอะครับ มาดูกันว่าเราจะรับมือไวรัสโคโรนาให้ถูกต้องได้อย่างไร มีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้และใส่ใจบ้าง

1. รู้จักประเภทหน้ากากอนามัย

ตอนนี้เดินไปทางไหนก็เห็นแต่คนสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดหรือบนรถสาธารณะ เพราะนอกจากจะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้แล้ว ยังป้องกันเชื้อโรคได้ หน้ากากอนามัยแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและการใช้งานแตกต่างกัน มาดูกันว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไรบ้าง
  • หน้ากากอนามัย N95
    มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโรคได้ค่อนข้างสูง บางรุ่นจะมีวาล์วระบายอากาศให้หายใจได้สะดวก ช่วยระบายความร้อน แต่ราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก ข้อดีคือ สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรคขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้ ใช้งานได้สูงสุด 2-3 วัน แต่ถ้าเปลี่ยนได้ทุกวันก็จะดีที่สุดนะครับ
  • หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (หน้ากากแบบทั่วไป)
    เป็นหน้ากากอนามัยที่คนนิยมสวมใส่กันมาก เพราะหาซื้อได้ตามร้านขายยาและร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไป ราคาไม่แพง มีด้านหนึ่งเป็นสีเขียวหรือฟ้า ทำด้วยเยื่อกระดาษ 3 ชั้น ข้อดีคือสามารถป้องกันเชื้อโรคที่ปนมากับละอองน้ำมูกหรือน้ำลายได้ แต่มีอายุใช้งานสั้น ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ถ้าใช้ซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้
  • หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน
    หน้ากากประเภทนี้ด้านหนึ่งจะเป็นสีเทา ประสิทธิภาพไม่ต่างจากหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปมากนัก แต่ต่างกันที่เยื่อชั้นคาร์บอน ช่วยกรองกลิ่นได้มากกว่า มีความหนาของเส้นใย 4 ชั้น ข้อดีคือ สามารถกรองเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 95% ถ้าสวมทับกัน 2 แผ่นจะสามารถกรองฝุ่นละอองขนาด 3 ไมครอน ได้กว่า 89% เพราะฉะนั้นสามารถสวมเพื่อป้องกันฝุ่นทั่วไปได้

2. รู้วิธีใช้งานหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

นอกจากการเลือกประเภทหน้ากากอนามัยให้เหมาะสม การใส่หน้ากากให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ มาก ๆ เลยนะครับ ไม่เช่นนั้นการใส่หน้ากากอนามัยก็จะไม่มีประสิทธิภาพ วิธีการใส่และถอดก็มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
  • สวม : สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมปากและจมูก โดยหันด้านสีเข้มออกด้านนอก กดลวดบนสันจมูกให้พอดี
  • คล้อง : คล้องสายเชือกที่หูและปรับให้พอดีกับรูปหน้า ไม่ให้หลวมหรือแน่นจนเกินไป
  • ดึง : ดึงหน้ากากส่วนล่างลงมาปิดบริเวณคางให้มิดชิด
  • ม้วน : เวลาถอดควรม้วนให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากหน้ากากแพร่กระจาย และทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิด

3. รู้จักขั้นตอนการล้างมือ ลดความเสี่ยงติดเชื้อได้

สิ่งต่อมาที่ต้องใส่ใจคือเรื่อง ‘มือ’ ที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมือเป็นอวัยวะที่สัมผัสเชื้อโรคได้ง่ายสุด ๆ ควรล้างมือก่อนและหลังการทำกิจวัตรใด ๆ ให้สะอาดทุกครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงจาก เชื้อไวรัสโคโรนา แล้วยังช่วยป้องกันโรคติดเชื้ออีกจำนวนมากที่ติดต่อผ่านการสัมผัส แม้แต่การสวมหน้ากากอนามัยก็ไม่ควรสัมผัสด้านในของหน้ากาก ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าควรล้างมืออย่าไรให้สะอาดห่างไกลโรค
  • ใช้สบู่ล้างมือที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ฟอกสบู่ที่ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง
  • ฟอกและขัดง่ามนิ้ว ข้อนิ้ว โคนนิ้ว ทั้งหมด ทั้งด้านหน้าและหลังของฝ่ามือ
  • ถูปลายนิ้วมือทั้งสองข้างบนฝ่ามือ
  • อย่าละเลยบริเวณข้อมือ ฟอกและขัดให้สะอาด

4. รู้จักดูแลตัวเองให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้เชื้อโรค

นอกจากจะป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือแล้ว ควรหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจากภายใน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ เริ่มจากพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ในช่วงที่มีการระบาด ไม่สัมผัสสัตว์ตาย และหากเลี่ยงได้ควรงดเดินทางไปยังประเทศที่มีไวรัสระบาดอยู่ ทั้งนี้ถ้าเกิดอาการ ไอ เจ็บคอ มีไข้ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการเบื้องต้น
ภาพรวมของสถานการณ์ไวรัสโคโรนายังคงน่าเป็นห่วงอยู่ แต่อย่างไรเราต้องผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปพร้อม ๆ กัน ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและจิตใจ เสพข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ ไม่เชื่อข่าวลือผิด ๆ และอย่าลืมแนะนำให้คนรอบข้างใส่ใจสุขภาพ เท่านี้ก็ถือเป็นการสร้างเกราะป้องกันจากไวรัสได้ในระดับหนึ่งแล้วครับ ส่วนผู้ที่มีอาการอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศที่มีไวรัสระบาด สามารถโทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา