สิ่งทอจะยั่งยืน ต้องใส่แฟชั่นเทรนด์

สิ่งทอจะยั่งยืน ต้องใส่แฟชั่นเทรนด์

By Krungsri GURU SME

สิ่งที่เห็นชัดว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอกำลังเปลี่ยนไป คือ แฟชั่นเสื้อผ้าที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อย่างเช่น ลวดลาย สีสัน และเส้นใยที่นำมาถักทอ ทั้งธุรกิจในภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ

เสื้อผ้ายุคก่อนๆ จะมีก็แค่สีพื้นๆ อย่างสีน้ำเงิน น้ำตาล ดำ เสื้อผ้าที่สีสันสดใส หรือหลากหลายสีสันบนตัวเดียวกันนั้นแทบหาไม่ได้ อีกทั้งการตัดเย็บสมัยก่อนก็ไม่ต้องใช้ลูกเล่นอะไรมากมาย ตัดเย็บเป็นชุดโดยไม่ต้องประดับอะไรให้รุ่มร่าม ขณะที่ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการเสื้อผ้าที่มีดีไซน์ มีสีสัน มีวัสดุตกแต่งเพิ่มความสวยงาม
“ที่ผ่านมาประเทศไทยมีความได้เปรียบตลาดอื่นของอาเซียนในเรื่อง คุณภาพสินค้า ความปราณีต ความซื่อสัตย์ จนกลายเป็นจุดแข็ง นอกจากนี้ไทยยังมีสถาบันการศึกษาที่ผลิตบุคคลากรที่มีความสามารถในด้านสิ่งทอ และผลิตดีไซเนอร์จำนวนมาก สามารถสร้างแบรนด์เองมากขึ้นและสร้างชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมลดน้อยลง อีกทั้งค่าแรงสูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องพยายามรักษาจุดแข็งพร้อมสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วยการพัฒนานวัตกรรม"
ทุกอย่างมีความได้เปรียบและเสียเปรียบ เราควรศึกษาจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละประเทศ เช่น เวียดนาม ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมต้นน้ำ(ผลิตภัณฑ์ใยสังเคราะห์และเส้นด้าย)และปลายน้ำ(เครื่องนุ่งห่ม)ที่เข้มแข็งจำนวนมากแต่ยังขาดอุตสาหกรรมกลางน้ำ(โรงทอและฟอกย้อม)เรามีโอกาสที่จะส่งผ้าผืนให้กับประเทศเวียดนามเพื่อตัดเย็บส่งออก ซึ่งเวียดนามมีประชากรประมาณ 90 ล้านคน ค่าแรงไม่สูง ทำให้อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยย้ายฐานการผลิตไปตั้งที่เวียดนาม ส่วนมาเลเซียมีค่าแรงสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นเหตุให้รัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยีมากกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทางด้านพม่า นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจที่จะไปลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่พม่าลุกขึ้นมาปฎิรูปการเมืองเพื่อนำไปสู่การเปิดประตูเศรษฐกิจ จากที่ปิดตัวเองมาเป็นเวลานาน พม่าจึงเป็นประเทศที่เนื้อหอมมากในเวลานี้ สำหรับประเทศไทยมีอุตสาหกรรมสิ่งทอครบวงจรมีทำเลที่ตั้งดี สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายสินค้าจึงเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าของอาเซียน”
อุตสาหกรรรมสิ่งทอจะยั่งยืนได้ ต้องยึดในคำว่า “แฟชั่นเทรนด์” ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการดำเนินธุรกิจ ผลิตสินค้าออกมาให้ตรงความต้องการของผู้บริโภค
"เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจสิ่งทอ ควรสร้างผู้สืบทอดทางธุรกิจ มองหาบุคลากรรุ่นใหม่พร้อมนำความรู้เกี่ยวกับไอที เทคโนโลยี ที่ทันสมัยสามารถเข้าถึงข่าวสารทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณ รักในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพื่อพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง”
“คิดก่อนขาย” พัฒนาต้นแบบสินค้าก่อนนำไปเสนอลูกค้า เพื่อคุมราคาต้นทุนการผลิตและวัสดุเหลือใช้ที่แน่นอน รวมถึงเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น เส้นใยธรรมชาติ โดยสำรวจความต้องการและเทรนด์ของผู้บริโภคว่านิยมใช้สินค้าในชีวิตประจำวันประเภทไหนบ้าง การจะผลิตเสื้อผ้าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค จะดูแต่เทรนด์การแต่งกายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตประจำวันไปด้วยว่าผู้ซื้อใช้ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแบบไหน อย่างเช่น หากเขาเน้นไปที่สินค้ารักษ์โลก ของใช้ทั้งหมดในชีวิตประจำวันเขาก็จะเลือกซื้อแต่สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปด้วย บริษัทก็ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคไปด้วย หรือหากผู้ซื้อนิยมสินค้าราคาประหยัดนั่นหมายถึงเราต้องลดต้นทุนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีราคาถูกลงเช่นกัน
หนึ่งในเทรนด์ที่กำลังมาแรงตอนนี้คือ การเน้นใช้วัสดุธรรมชาติในการผลิตสินค้า รวมถึงทุกขั้นตอนกระบวนการผลิต ต้องลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากทำได้ นั่นหมายถึงตลาดญี่ปุ่นและยุโรปพร้อมจะอ้าแขนรับให้เป็นสินค้านำเข้าประเทศของเขาซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดของเรา
หากมนุษย์ยังใช้เสื้อผ้าเป็นเครื่องนุ่งห่ม โอกาสทางธุรกิจสำหรับคนที่คิดจะลงทุนไม่มีวันหมด ไม่ว่าจะผ่านไปเป็นร้อยปีพันปีก็ตาม แต่สิ่งที่จะทำให้ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จยาวนานคือ การปรับตัวให้สอดรับกับกระแสความต้องการผู้บริโภค กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะทำอะไร ขายใคร และควบคุมคุณภาพสินค้าที่ผลิตให้ได้ เพียงเท่านี้ธุรกิจสิ่งทอก็อยู่เคียงคู่กับลูกค้าไปอีกนาน
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา