5 วิธีหยุดเงินรั่วไหลให้ธุรกิจ ก่อนที่จะสายเกินไป

5 วิธีหยุดเงินรั่วไหลให้ธุรกิจ ก่อนที่จะสายเกินไป

By TaxBugnoms

“ทำธุรกิจมาตั้งนาน แต่ทำไมไม่เห็นรวยสักที?”
นี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่คนทำธุรกิจหลายๆ คน คอยถามตัวเองอยู่เสมอ แต่ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร?

อะแฮ่มม.. @TAXBugnoms ขอบอกตรงนี้เลยครับว่า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ธุรกิจของใครหลายคนไม่ประสบความสำเร็จ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ต้องถึงขั้นปิดกิจการกันไป มักจะมีเหตุผลจากเรื่องที่ใครหลายคนคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่าง “เงินที่รั่วไหลจากธุรกิจ”
เบนจามิน แฟรงคลิน เคยกล่าวไว้ว่า "Beware of little expenses. A small leak will sink a great ship." หรือ “จงระวังสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพราะรอยรั่วเล็กๆ อาจจะทำให้เรือใหญ่ล่ม” เช่นเดียวกันกับการทำธุรกิจ เพราะเงินที่รั่วไหลเล็กๆ น้อยๆ นั้น อาจจะทำให้ธุรกิจของเราถึงขั้นล้มละลายเลยก็ได้
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า เงินรั่วไหลแบบไหนกันนะ ที่ทำให้ธุรกิจของเราเสียหายโดยที่เราไม่รู้ตัว
 

1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจ



ผมมักจะย้ำอยู่เสมอในทุกๆ บทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจว่าสิ่งแรกที่สำคัญที่สุด คือ ตัวเจ้าของธุรกิจเองต้องรู้ว่า เงินที่ได้จากการทำธุรกิจ กับ เงินของตัวเองนั้น ไม่ใช่ “เงินในกระเป๋าเดียวกัน” และต้องแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด เพื่อการบริหารจัดการกระแสเงินสดของธุรกิจที่ถูกต้อง รวมถึงการบันทึกรายการทางบัญชีและภาษีที่ถูกหลักการตามที่กฎหมายยอมรับ


2. ค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างภาพลักษณ์




จริงอยู่ที่ว่า.. ภาพลักษณ์ในการทำธุรกิจเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ แต่เราต้องไม่ลืมว่า ภาพลักษณ์นั้นไม่ใช่เพียงคำตอบเดียวที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยเงินที่รั่วไหลนั้นมักจะเกิดจากเจ้าของธุรกิจที่ใส่ใจการสร้างภาพลักษณ์มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น รถแสนหรู ออฟฟิศอยู่ใจกลางเมือง ไปจนถึงเครื่องมือเครื่องใช้รุ่นใหม่ล่าสุด แต่กลับลืมคิดถึงการสร้างรายได้เพิ่มเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้โดยที่ไม่รู้ตัว


3. ค่าใช้จ่ายด้านภาษี




เจ้าของธุรกิจบางคนอาจจะเข้าใจว่า แค่เราวางแผนธุรกิจให้เสียภาษีน้อยๆ ก็ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว แต่แท้จริงแล้ว!!! เราต้องไม่ลืมที่จะวางแผนธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากรด้วยครับ เพราะจากประสบการณ์ของผมนั้น พบว่า.. เงินที่รั่วไหลของธุรกิจจำนวนมากนั้นเกิดจากการทำผิดกฎหมายภาษี จนทำให้เกิดธุรกิจเกิดปัญหาสภาพคล่อง จากค่าปรับ และเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย) ที่ต้องจ่ายเพิ่มถึง 3-4 เท่า บางครั้งเล่นเอาต้องปิดกิจการกันเลยทีเดียวครับ


4. รายได้ที่ไม่มีจริง




บางเดือนขายดีสุดๆ แต่กลับไม่มีกระแสเงินสดเข้ามาเลย นั่นคือรูรั่วสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินไปต่อได้ครับ เพราะการขายของได้แต่เก็บเงินไม่ได้เท่ากับว่าเงิน (ต้นทุน) ออกไปฟรีๆ แต่กลับไม่มีเงิน (รายได้) ใดๆ เข้ามา แน่นอนล่ะว่าเมื่อเก็บเงินไม่ได้แล้ว.. ปัญหาอีกร้อยแปดก็ตามมาอีกมากมายครับ


5. ไม่มีระบบการจัดการที่ดี




คำว่าระบบการจัดการที่ดีนั้น หมายถึง ตัวเจ้าของธุรกิจเองควรใส่ใจเรื่องการจัดการด้านเอกสารของธุรกิจ มีการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่าย หรืองบการเงินของกิจการอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงอาจจะเลือกที่จะปรึกษานักบัญชีหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางบ้าง ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยล่ะครับ อย่างน้อยการลดช่องว่างที่เกิดจากการจัดการเหล่านี้ คือหน้าที่ของเจ้าของธุรกิจทุกคนครับ
สุดท้ายนี้ ผมเชื่อเสมอครับว่าการบริหารจัดการเงินที่ดีนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นสำหรับธุรกิจ เพราะในทุกๆ วันนั้น เงินของเรานั้นต้องมีการหมุนเวียนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเราสามารถชะลอให้เงินออกได้น้อยลงเท่าไร นั่นแปลว่าเรายิ่งมีกำไรเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น จริงไหมล่ะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา