วาดฝันมีธุรกิจใหญ่ ทำอย่างไรฝันถึงจะกลายเป็นจริง

วาดฝันมีธุรกิจใหญ่ ทำอย่างไรฝันถึงจะกลายเป็นจริง

By Krungsri Guru

“ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง” ลำพังแค่ “ฝันให้ไกล” คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะใครๆ ต่างก็มีความฝัน แต่จะ “ไปให้ถึง” นี่สิ แค่คิดจะเริ่มต้นยังเริ่มไม่ถูกสำหรับใครหลายๆ คน หากวันนี้ใครมีฝันที่จะทำธุรกิจใหญ่ เรามีข้อคิดที่จะช่วยให้ถึงฝั่งฝันมาฝากกันครับ

1. ฝันให้ชัด ฝันให้ถึงรายละเอียดกันเลยครับ เช่นฝันว่า อยากเปิดร้านขายดอกไม้ส่งออกขายต่างประเทศ ก็ฝันให้เห็นถึงรายละเอียดกันเลยว่า จะส่งดอกไม้อะไร มีโรงงานใหญ่แค่ไหน มีพนักงานกี่คน มีกี่แผนก ว่ากันว่า หากเรายิ่งจินตนาการได้ชัดเจนเท่าไหร่ เราก็จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้น ฝันให้เต็มที่กันไปเลยครับ อย่าลืมว่า ความฝันเป็นของเรา
2. ร่างความฝันลงกระดาษ การที่เราเขียนลงกระดาษจะทำให้เราเห็นภาพความฝันที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เทคนิคที่แนะนำคือให้เริ่มจากการเติมรายละเอียดลงไปในแบบฟอร์มที่เรียกว่า Business Model Canvas แบบฟอร์มนี้ทำให้เราเห็นภาพธุรกิจได้ชัดเจน รอบด้าน เพื่อดูถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของธุรกิจโดยมีรายละเอียด ได้แก่ สินค้าหลักของธุรกิจ คู่แข่ง พันธมิตรทางธุรกิจ กลุ่มลูกค้า ทรัพยากรที่ต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจ ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าและการกระจายสินค้า แหล่งเงินทุน ที่มาของรายได้ เราอาจจะนำ Business Model Canvas ของเราไปให้ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจช่วยวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้ รวมถึงแนะนำจุดเด่น จุดด้อยของธุรกิจเราครับ (แบบฟอร์ม Business Model Canvas สามารถหาได้จาก Website ทั่วไปครับ)
3. เขียนแผนธุรกิจ (Business Plan) ขั้นตอนต่อไป หลังจากที่เรามั่นใจว่าไอเดียธุรกิจของเราดูแล้วก็น่าจะไปต่อได้ เราก็นำ Business Model Canvas มาลงรายละเอียดเป็นแผนธุรกิจ ในระหว่างการเขียนข้อมูลลงในแผนธุรกิจจะทำให้เราได้มีการวิจัยตลาด ค้นหาโอกาส และความเป็นไปได้ของธุรกิจได้อย่างรัดกุมมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว Business Plan ยังใช้ในการระดมทุนในการทำธุรกิจสำหรับ Start Up Business หรือ แม้แต่กระทั่ง ธุรกิจที่ดำเนินอยู่แล้วแต่ต้องการเงินทุนเพื่อทำ Project ใหม่อีกด้วย
แผนธุรกิจนี้จะเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์ วิจัยเพื่อสนับสนุนความเป็นไปได้ของธุรกิจ โดยเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ กลยุทธ์รวมถึงรายละเอียดในสี่ด้านหลักๆ คือ
  1. วิเคราะห์สินค้าของเรา ว่าอยู่ในอุตสาหกรรมใด มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร
  2. วิเคราะห์กลุ่มลูกค้า การแข่งขันในตลาด จุดยืนของธุรกิจของเราในอุตสาหกรรม
  3. กลยุทธ์การตลาด รวมถึงแผนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และทีมงาน
  4. แผนการเงิน เงินลงทุน แหล่งเงินทุน ประมาณการรายรับ รายจ่าย การประเมินจุดคุ้มทุน
ซึ่งตัวอย่างการเขียนแผนธุรกิจสามารถหาได้จาก Internet ครับ
4. เริ่มลงมือ ทำตามแผนดำเนินงานที่กำหนดไว้ใน Business Plan ซึ่งควรจะมีการเรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำก่อนหลัง รวมถึงกำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้ประเมินความก้าวหน้าได้ครับ
5. ปรึกษาผู้รู้ ไม่มีใครเก่งในทุกเรื่องหรอกครับ การที่เรารู้จุดอ่อนของตัวเอง แล้วหาที่ปรึกษามาช่วยเติมเต็ม จะเป็นการทำให้เราเริ่มธุรกิจได้เร็วขึ้น และยังเป็นการปิดช่องของความผิดพลาดให้แคบลง
6. หมั่นตรวจสอบ Business Plan ว่ายังเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงคอยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราควรวิจัยตลาด และความเคลื่อนไหวของคู่แข่งทางการค้าของเราอย่างต่อเนื่อง เช่น ไปดู Website ของคู่แข่งบ่อยๆ สังเกตุดูโฆษณา โปรโมชั่น ลองไปเป็นลูกค้าหรือ สมัครสมาชิก เช่น ไปกด Like เป็น Fan Page หรือ Follow Instagram รวมถึงค้นหาคำวิจารณ์ คำชมของสินค้าเราเปรียบเทียบกับคู่แข่ง … ใช่แล้วครับ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ก็ชนะร้อยครั้ง ตามคำสอนของท่านซุนวู
7. เรียนรู้ จากความผิดพลาดและความสำเร็จทั้งของตัวเอง และผู้อื่น และนำมาปรับใช้ หากเราไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน การที่เรามี Business Partner ที่มีประสบการณ์จะทำให้เรามีโอกาสในการประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นครับ
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เพราะ “หนทางนับหมื่นลี้ เริ่มต้นจากก้าวแรก” นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา