“95% ของธุรกิจเกิดใหม่นั้นล้มเหลว”
เราทุกคนคงน่าจะเคยได้ยินหรือได้ฟังประโยคในทำนองนี้กันมาบ้าง อ้างอิงจาก U.S. Small Business Administration ที่ได้สำรวจมาว่า มากกว่า 50% ของธุรกิจใหม่จะล้มเหลวภายในปีแรก และ 95% ของธุรกิจเกิดใหม่จะล้มเหลวภายในห้าปี
ดังนั้น เมื่อเราต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ คำถามที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ “จะต้องทำยังไงล่ะ เราถึงจะไม่ไปอยู่ใน 95% นั้น” การเริ่มต้นธุรกิจควรเริ่มอย่างไรให้ธุรกิจของเราเข้าไปอยู่ใน 5% ที่เหลือ
ตัวเราเองหลายครั้งก็มักจะได้รับคำถามในทำนองนี้เช่นกัน ในบทความนี้ผมเลยขอถือโอกาสมาเล่าเทคนิคการเริ่มต้นทำธุรกิจให้ฟังจากมุมมองของผมว่า ควรเริ่มต้นธุรกิจอย่างไร มีอะไรบ้างที่เราควรตระหนักหรือคำนึงถึงเป็นพิเศษบ้าง มาเริ่มกันเลย
รวม 5 สิ่งที่ควรทำ เมื่ออยากเริ่มต้นธุรกิจควรเริ่มอย่างไร
1. ทำการบ้านและศึกษาข้อมูลให้เยอะ (Deep Dive Research)
สิ่งที่ควรทำเมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น อันดับแรกคุณต้องรู้จักและเข้าใจในธุรกิจที่คุณกำลังจะเข้าไปทำให้ดี รู้ว่าในตลาดที่คุณกำลังลงไปเล่นนั้น ธุรกิจแข่งขันกันด้วยอะไร เพราะอะไรลูกค้าถึงต้องซื้อของคุณ คุณสามารถสร้างข้อแตกต่างหรือข้อได้เปรียบอะไรบ้าง และเริ่มวางแผนบนกระดาษก่อนที่จะลงเงินจริง ๆ หนึ่งในเครื่องมือหรือเทคนิคการเริ่มทำธุรกิจที่นิยมใช้กันมากที่สุด ก็คือ Business Model Canvas ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง
- Business Model Canvas ประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 9 ข้อที่สำคัญครอบคลุมการทำธุรกิจทุกประเภท ดังนี้ครับ
- Value Propositions : คุณค่า/จุดแข็ง ของสินค้าหรือบริการของเราคืออะไร
- Customer Segment : กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร สินค้าเราจะขายใคร
- Channels : เราจะสามารถจัดส่งหรือเข้าถึงลูกค้าได้ในช่องทางไหนบ้าง
- Customer Relationships : เรามีวิธีที่จะสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าของเราอย่างไร
- Revenue Streams : เรื่องนี้สำคัญมาก คือ “รายได้ของธุรกิจจะมาจากไหน”
- Key Resource : อะไรคือทรัพยากรหลักในธุรกิจ
- Key Activities : ธุรกิจคุณทำอะไรเป็นหลัก
- Key Partners : พาร์ตเนอร์ที่สำคัญในการทำธุรกิจคือใคร
- Cost Structure : โครงสร้างของค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการดำเนินการเป็นอย่างไร
2. ขายในสิ่งที่ “ลูกค้าต้องการ” ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ
ควรเริ่มต้นธุรกิจอย่างไร คงจะไม่มีเทคนิคไหนดีไปกว่าการที่คุณแน่ใจว่าคุณกำลังขายในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ เพราะถ้าสินค้าของคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ต่อให้คุณตั้งใจทำขนาดไหนก็ยากที่จะมีคนซื้อ เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ ให้กับลูกค้าเลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าต้องการอะไรจริง ๆ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ อย่าคิดเองเออเองในห้องประชุมครับ ออกไปคุยกับลูกค้าจริง ๆ ไปเรียนรู้ ไปเข้าใจลูกค้า หาให้เจอว่าอะไรที่เป็น Pain Point อะไรที่ลูกค้าอยากได้
ซึ่งเทคนิคการเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ผมเคยเขียนไว้ที่ Plearn เพลิน by Krungsri GURU ในบทความที่ชื่อว่า “
หาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าคุณให้เจอ”
เพราะผมเห็นมานักต่อนักแล้วล่ะครับ คนที่ทำธุรกิจตามความฝัน ตาม Passion แต่ถ้า Passion ของคุณเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่แล้วยังไม่มีแผนสำรองก็เตรียมตัวเจ๊ง... ได้เลยครับ
จริงอยู่ว่าการทำตาม Passion นั้นเป็นเรื่องที่ดี “แต่การทำธุรกิจในเรื่องของ Passion อย่างเดียวนั้นคงไม่พอ”
ทุกวันนี้สิ่งต่าง ๆ ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น การที่คุณมีร้านอาหารอยู่ในละแวกนั้น ไม่ได้แปลว่าคู่แข่งคุณจะต้องอยู่ในละแวกเดียวกันอย่างเดียวเท่านั้น แต่คู่แข่งของคุณอาจจะมาจากร้านที่อยู่ห่างคุณไปอีกเป็น 10 กิโล เพราะโมเดลมันเปลี่ยนไป การเกิดขึ้นของ Platform Food Delivery ทำให้มีร้านเกิดใหม่ที่เป็น Ghost Restaurant (ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน) เกิดขึ้นมากมาย ทำให้คนมีตัวเลือกมากขึ้น
แล้วการเริ่มต้นธุรกิจควรเริ่มอย่างไรดีล่ะ? ควรเริ่มธุรกิจใหม่ด้วยความเข้าใจคู่แข่ง ถ้าตอนนี้คุณทำธุรกิจร้านอาหาร คู่แข่งทางตรงของคุณอาจจะเป็นร้านใกล้ ๆ คุณ แต่คู่แข่งทางอ้อมอาจจะมาจากที่ไหนก็ได้ ดังนั้น วันนี้หากคุณทำธุรกิจร้านอาหารอยู่แล้ว จะมีความรู้แค่เรื่องการทำร้านอาหาร อาจจะไม่พออีกต่อไป แต่เทคนิคการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดีต้องเข้าใจเรื่องของ Digital Marketing ด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันบ่อยมาก ๆ ว่าอย่าพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง การทำธุรกิจเราไม่สามารถทำคนเดียวทุกอย่างได้ คุณจะต้องมีทีมที่เก่ง ดังนั้น หากจำเป็นจริง ๆ การจ้างคนอื่นมาทำในสิ่งที่คุณไม่ถนัดหรือทำได้ไม่ดี เป็นสิ่งที่ควรทำเมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ (ถ้าไม่มีเงินจ้าง ก็อาจจะใช้วิธีหาพาร์ทเนอร์ที่เขามีความถนัดในสิ่งที่เราไม่ถนัดก็ได้)
ประเด็นนี้ Ben Walker ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Transcription Outsourcing เคยให้คำแนะนำที่น่าสนใจและเราก็คิดว่ามันจริงมาก ๆ โดย Ben Walker บอกไว้ว่าอย่างนี้
“เทคนิคการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อย่างแรกที่เขาอยากแนะนำให้เจ้าของธุรกิจทำ คือการหาโค้ชดี ๆ สักคน จ้างบริษัทที่ปรึกษาดี ๆ สักที่ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนคนหนึ่งจะจัดการได้ทุกแง่มุมของบริษัท แม้ว่าคุณจะเก่งมากแค่ไหนก็ตาม”
และสุดท้ายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องของระบบ หรือ System ต่าง ๆ ด้วย อะไรที่มันสามารถช่วยให้เรารันธุรกิจได้ง่ายขึ้น เราควรที่จะจ่ายกับสิ่งนั้น แน่นอนเราต้องศึกษาให้ดีด้วยนะครับ เพราะหลายครั้งกลายเป็นว่า “ระบบที่ซื้อมานอกจากจะไม่ช่วยให้คนทำงานสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ยังเป็นภาระและเพิ่มงานที่ไม่จำเป็นให้กับทีมของคุณอีกต่างหาก”
เรื่องเงินอันนี้เรื่องใหญ่ เพราะการเป็นเจ้าของกิจการจะต้องสามารถอธิบายที่มาที่ได้ครบทุกมิติ ชัดเจนและไม่คลุมเครือ ไล่ตั้งแต่ก่อนการเริ่มต้นทำธุรกิจ ตั้งเรื่องแหล่งเงินทุนของเราจะมาจากไหน จำนวนเท่าไหร่และต้นทุนของเงินคือเท่าไหร่ (ดอกเบี้ย)
หลังจากการเริ่มต้นทำธุรกิจไปแล้ว ก็ควรจะต้องประเมินต่อว่าถ้าเกิด scenario ต่าง ๆ เราจะรับมือหรือบริการจัดการเรื่องเงินอย่างไรต่อ ตามเทคนิคการเริ่มต้นทำธุรกิจที่เรียกว่า Best, worst and average case scenario