เช็คอิน 3 เมืองใหญ่ญี่ปุ่น ช้อปฟินอินเว่อร์ไม่มีเบื่อ

เช็คอิน 3 เมืองใหญ่ญี่ปุ่น ช้อปฟินอินเว่อร์ไม่มีเบื่อ

By Krungsri Plearn Plearn

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศยืนหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวไทยเสมอ เพราะแหล่งช้อปปิ้งบรรยากาศดี อาหารอร่อย เดินทางก็สะดวก แต่ละสายการบินต่างแข่งกันออกโปรโมชั่นลดราคาตั๋วอยู่บ่อย ๆ ทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมสำหรับมนุษย์เงินเดือน ครบองค์ประกอบขนาดนี้หลายคนถึงติดใจไปแล้วก็อยากไปอีก เพื่อตามรอยสถานที่ unseen ใหม่ ๆ ไหน ๆ จะไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องวางแผนหาข้อมูลกันหน่อย จะได้สนุกฟินตลอดทริป มาดูกันว่ามีสถานที่ไหนน่าไปช้อปปิ้งเพลิน ๆ เดินเล่นชิล ๆ บ้าง พร้อมแล้วก็เตรียมไปปักหมุดกันเลยครับ

โตเกียว

  • ชิโมะคิตะซาว่า (Shimokitazawa)
ภาพของผู้คนเดินขวักไขว่บนถนนและเต็มไปด้วยแสงสีในยามค่ำคืนของโตเกียว ที่เราเห็นได้จากภาพยนตร์หรือโฆษณานั้น ในสถานที่จริงก็ไม่ได้ต่างกันเลย หากอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศหลีกหนีความพลุกพล่านในย่านป็อป ๆ อย่างชิบุย่า หรือฮาราจุกุ ลองมาสัมผัสบรรยากาศ Sub Culture สุดฮิปของโตเกียวในย่านชิโมะคิตะซาว่า (Shimokitazawa) ที่เป็นทั้งชื่อสถานีรถไฟและชื่อเรียกย่านการค้าของโตเกียว ซึ่งถ้าเปรียบกับฝั่งตะวันตก ชิโมะคิตะซาว่าก็เหมือนกับย่าน Williamsburg ในนิวยอร์กอย่างไรอย่างนั้น เพราะที่ชิโมะคิตะซาว่าเต็มไปด้วยร้านรวงแนววินเทจ ทั้งร้านเสื้อผ้ามือสอง ของแต่งบ้าน ที่มีตั้งแต่ระดับสตรีทแบรนด์ไปจนถึงไฮเอนด์ นอกจากนี้ยังมีร้านแผ่นเสียง โรงละคร สถานที่เล่นคอนเสิร์ต คาเฟ่และบาร์เก๋ ๆ เรียกว่าเป็นแหล่งรวมความมีสไตล์ ทำให้แฟชั่นของผู้คนที่มาช้อปปิ้งที่นี่ก็พลอยโดดเด่นไปด้วย นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของร้านค้าและตึกที่นี่ก็ดูย้อนยุคมีเอกลักษณ์ บอกเลยว่ามีมุมสวยเรียบแต่ดูแพงให้ถ่ายรูปเยอะมาก
การเดินทาง จากสถานี Shibuya ให้ขึ้นรถไฟสาย Keio Inokashira ไปยังสถานี Shimokitazawa หรือจากสถานี Shinjuku ให้ขึ้นรถไฟสาย Odakyu Odawara ขบวน express แล้วลงสถานีที่ 2
  • อุเอโนะ (Ueno)
อุเอโนะ เป็นอีกหนึ่งย่านยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากมากันเป็นครอบครัว เพราะที่นี่มีครบทุกอย่างทั้งแหล่งช้อป ร้านอาหารอร่อย และที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอย่าง สวนสาธาราณะอุเอโนะ (Ueno Park) ที่น่าเดินเล่นมีวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูป ถ้าใครไปช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ก็จะเป็นช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีพอดี โรแมนติกสุด ๆ นอกจากนี้ย่านอุเอโนะ ยังเป็นสวรรค์ของขาช้อป มีร้าน “Takeya” หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ตึกม่วง” แหล่งช้อปปิ้งยักษ์ใหญ่มีทั้งหมด 7 อาคาร รวมร้านค้าปลอดภาษี โดยแบ่งประเภทสินค้าชัดเจน ครอบคลุมตั้งแต่ของกิน ของใช้ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ที่สำคัญยังสะดวกในการจ่ายเงินสุด ๆ เพราะมีบริการชำระเงินด้วย Krungsri QR Pay แค่สแกนผ่านแอปพลิเคชั่น KMA-Krungsri Mobile App ก็ชำระเงินได้ทันที ทำให้ขาช้อปไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ จึงปลอดภัยสุด ๆ อีกทั้งมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการแลกเงินที่ counter rate และการจ่ายด้วยบัตรเครดิต สามารถรู้ยอดเงินบาททันทีเมื่อชำระเงิน ไม่ต้องกังวลอัตราแลกเปลี่ยนข้ามวัน และตัดปัญหาเรื่องเหรียญที่ไม่สามารถแลกคืนเป็นเงินไทยไปได้เลย แถมใครไปช้อปผ่าน KMA ตั้งแต่ง 1 ก.ย. – 31 ธ.ค. 62 ยังมีโปรโมชั่นรับส่วนลดเพิ่ม 5% และเงินคืนภาษีสูงสุด 8% แถมยังได้รับเงิน 5% หรือสูงสุดไม่เกิน 300 บาทต่อเดือนด้วย คุ้มมากๆ
การเดินทาง ขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line ลงสถานี Ueno Eki ออกทางออกชิโนะบาซึ เดินต่ออีก 3 นาที ตึก Takeya จะอยู่ตรงข้ามสวนอุเอโนะ

โอซาก้า

  • Orange Street
ถ้าโตเกียวมีย่านสุดแนวอย่าง “ชิโมะคิตะซาว่า” ที่โอซาก้าก็ต้องยกให้ Ornage Street หรือ Horie Tachibana ถนนใจกลางย่านโฮริเอะ ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นถนนสายครีเอทีฟใจกลางโอซาก้าที่เปรี้ยว เท่ สมชื่อ เป็นแหล่งรวมร้านค้า Selected Shop รวมของตกแต่งไอเดียเท่ ๆ ที่คัดมาแล้ว มีร้านเสื้อผ้าที่ออกแบบเอง ร้านตัดสูท ของแต่งบ้าน ร้านขายจักรยาน ฯลฯ เมื่อเดินอยู่ในถนนเส้นนี้ จะรู้สึกถึงความอบอุ่นและชีวิตแบบ Slow Life มองไปทางไหนก็เห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงความเป็น Old School การตกแต่งร้านก็มีสไตล์ของตัวเองจนเผลอห้ามแวะไม่ได้เลย แถมยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ เต็มไปหมดตั้งแต่ต้นทางไปจนสุดถนน
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Yotsubashi Line ลงสถานี Yotsubashi Station แล้วเดินต่ออีก 3 นาที
  • Yodobashi Camera
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว มาเยือนถึงถิ่นทั้งทีต้องไม่พลาดมาช้อปที่ Yodobashi Camera ห้างยักษ์ใหญ่ 5 ชั้น แค่เดินเข้ามาในห้างก็จะได้ยินเสียงตามสายต้อนรับภาษาไทย จนนึกว่าเดินเล่นอยู่ในเมืองไทยซะอีก ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักกล้องถ่ายรูปที่มีให้เลือกทุกประเภท รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างโทรศัพท์มือถือ นาฬิกา เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหลายแบรนด์ให้ช้อปตั้งแต่ถูกยันแพง ส่วนใครที่คิดว่าที่นี่จะมีแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือ Gadget เท่านั้น ขอบอกว่าผิดถนัดเลย ห้างนี้ยังมีเครื่องสำอาง ของเล่นน่ารักให้สะสมด้วย ถ้าหิวก็แวะทานของอร่อยได้ เพราะมีร้านอาหารให้เลือกกว่า 20 ร้านเลยทีเดียว เดินเล่นเพลิน ๆ ได้ทั้งวันแน่นอน
การเดินทาง ขึ้นรถไฟ JR สาย Hankyu Line, Hanshin Line หรือ Subway Midosuji Line แล้วลงที่สถานี Osaka Station หรือสถานี Umeda Station แล้วเดินต่อ 5 นาที

เกียวโต

  • ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
สายกินต้องไม่พลาดไปเยือนตลาดนิชิกิ ตลาดดังและเก่าแก่ในเมืองเกียวโต มีอายุหลายร้อยปีตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนได้รับฉายาว่าครัวแห่งเกียวโต เพราะขึ้นชื่อความอร่อย สด ใหม่ ของอาหารคาวและหวาน มีอาหารตามเทศกาล ขนมโบราณที่หาทานยากให้เลือกชิมฟรี ถ้าถูกใจค่อยซื้อทีหลังก็ได้ นี่แค่บรรยายก็ยังหิวตามเลยครับ การได้มาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมคนญี่ปุ่นจากอาหารอีกด้วย นอกจากนี้อุปกรณ์ทำอาหารก็มีให้เลือกซื้อ ที่นี่มีร้านอาหารอัดแน่นกว่า 100 ร้านค้า แม้จะเป็นตลาด แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเฉอะแฉะ เพราะพื้นที่ตลาดเป็นทางยาวประมาณ 400 เมตร มีร้านค้าขนาบอยู่ทั้งสองข้างทางเดิน มีหลังคาบังแดดและที่กันฝน เดินเลือกซื้ออาหารได้สบาย ๆ เลย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสายคาราซูมะ (Karasuma Subway Line) ลงสถานีรถไฟชิโจ (Shijo Station) จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที ถึงตลาดนิชิกิ หรือขึ้นรถไฟใต้ดินสายแฮนเคียว (Hankyu Line) ลงสถานีคาราซูมะ (Karasuma Station) หรือสถานีคาวารามาชิ (Kawaramachi Stations) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
  • กิอง (Gion)
สัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมของเมืองเกียวโตได้ที่ย่านกิอง ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างวัดวาอาราม หรือร้านดื่มชาและร้านอาหาร โดยเฉพาะที่ถนนฮานามิโคจิ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านขายขนมโบราณ รวมถึงร้านเสื้อผ้ามีสไตล์ชิค ๆ ให้ช้อปด้วย ในส่วนของสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านช่องที่นี่ก็จะคงสไตล์ดั้งเดิมเอาไว้ ยิ่งถ้าใครไปเที่ยวระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ร่วงพอดี ลองแวะชมใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดโคไดจิ หรือใครที่อยากเนียน ๆ ไปกับบรรยากาศนี้ ก็ลองเช่าชุดยูกาตะมาเดินถ่ายรูปเล่นดูก็ได้ครับ จะได้ฟีลญี่ปุ่นมาก เดินเล่นอยู่ดี ๆ คุณอาจจะได้เจอกับเกอิชาและไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ตัวจริงก็ได้ ส่วนตอนกลางคืน ย่านนี้จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแสงสีที่ครื้นเครง มีบาร์ที่มีการแสดงโชว์จากเกอิชา และโชว์ศิลปะโบราณของญี่ปุ่นให้เลือกชมด้วย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Keihan Line ลงสถานี Gion Shijo Station เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Hankyu Line ลงสถานี Kawaramachi Station เดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาที
  • ถนนชิโจ โดริ (Shijo Dori Street)
เมืองเก่าอย่างเกียวโตไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติที่สวยงามและสถานที่โบราณเท่านั้น ยังมีแหล่งช้อปละลายทรัพย์ยั่วใจนักท่องเที่ยวเช่นกัน ที่ถนนชิโจ โดริ เป็นถนนเส้นยาวที่รวมร้านค้าและห้างสรรพสินค้ามากมายอยู่ตลอดข้างทาง เช่น ห้าง Daimaru, Takashimaya และ Fuji Daimaru มีสินค้าหลายประเภท โดยเฉพาะของท้องถิ่นจากโตเกียว ครบครันทั้งของใช้และของกิน รวมไปถึงชุดกิโมโนด้วย ใครที่ชอบเดินเที่ยวชิม Street Food เพลินตาไปกับบรรยากาศเมืองเก่า คึกคักไปด้วยผู้คน ต้องลองแวะมาที่นี่เลย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงสถานี Shijo Station
  • Kyoto Bal
Kyoto Bal เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่กว่า 40 ปี คอนเซปต์ของที่นี่แตกต่างจากห้างทั่วไป เพราะคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกของเมืองเก่าอย่างเกียวโตเอาไว้ แต่ละร้านขายของไม่ซ้ำกันเลย ที่ชั้นใต้ดินมีร้านหนังสือใหญ่เก่าแก่อย่าง Maruden ส่วนบริเวณชั้น 5F เป็นที่ตั้งของร้าน MUJI แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี แต่ถ้ามาที่นี่คุณจะเจอสินค้าละลานตาที่ไม่มีขายในไทยและสาขาอื่น จนยากที่จะห้ามใจช้อปไหว มีโซน MUJI Labo รวมเสื้อผ้า ของเย็บปักถักร้อยที่ผลิตในญี่ปุ่น มีโซนร้านอาหารแบรนด์มูจิ ที่มีเมนูดีต่อสุขภาพและเมนูท้องถิ่นจากเกียวโตพร้อมเสริฟให้คุณ เมนูที่อยากแนะนำคือ คุซุโมจินมผสมชาเขียว ขนมญี่ปุ่นราดนมและโรยผงชาเขียว ซึ่งหาทานได้เฉพาะที่นี่ที่เดียว ถ้ามาเที่ยว Kyoto Bal ลองสั่งมาชิมดูนะครับ
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ Hankyu Kawaramachi Station แล้วเดินต่อ 7 นาที หรือเดิน 8 นาที จากสถานีรถไฟ Keihan Sanjo
นี่เป็นแค่ตัวอย่างสถานที่น่าช้อปในญี่ปุ่น เห็นมั้ยครับว่าญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศที่เที่ยวสนุก น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสของวิถีชุมชนสงบ ๆ แบบวิถีเซน หรือ แบบธรรมชาติน่าอัศจรรย์ ของญี่ปุ่นก็มีเหมือนกัน แต่หวังว่าครั้งนี้ทุกคนน่าจะได้ไอเดียเที่ยวทริปต่อไปนะครับ Have a nice Trip ครับ!!
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา