มนุษย์เงินเดือนผู้รักงาน ยอมตื่นเช้ากลับบ้านดึกเพื่อเตรียมประชุม ทำพรีเซนต์ จัดทำเอกสารสารพัดอย่าง แต่การโหมงานหนักอาจนำมาสู่สุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรม ถ้าสุดท้ายกลายเป็นความเจ็บป่วย นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายมหาศาลก็คงไม่คุ้มเลย แล้วจะดูแลตัวเองและวางแผนการเงินอย่างไร ให้คุณยังไปต่อได้แบบไม่ต้องกังวล
พูดถึงมนุษย์เงินเดือนอาจจะฟังดูน่าเบื่อ แต่จริง ๆ แล้ว มนุษย์เงินเดือนเป็นอาชีพที่น่าอิจฉาไม่น้อยอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าหากมองในเรื่องความมั่นคงของรายได้ ที่แทบจะรู้ล่วงหน้าทุกเดือนเลยว่าจะมีรายได้เข้ามาเท่าไร ทำให้สามารถจัดการหมุนเวียนแต่ละเดือนได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องคอยลุ้นเหมือนอาชีพ
ฟรีแลนซ์ เวลาที่อยากจะขอสินเชื่อหรือทำธุรกรรมที่ต้องอาศัยเครดิต เหล่ามนุษย์เงินเดือนก็จะเป็นอาชีพที่ได้รับอนุมัติได้ง่ายมากกว่าอาชีพอื่น ๆ ทั่วไป
นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนยังเป็นอาชีพที่มีสวัสดิการที่ดี เพราะมีส่วนที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้หลายอย่าง เช่น ค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีที่เจ็บป่วย เป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมไปถึงเจ็บตัวจากอุบัติเหตุด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่า สวัสดิการของบางบริษัทก็อาจจะไม่สามารถดูแลเราได้อย่างพอเพียงหรือครอบคลุมทั้งหมด
เพราะโดยทั่วไป "ประกันกลุ่ม" ที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้เป็นค่ารักษาทั้งผู้ป่วยนอก ค่าห้องพัก ค่าผ่าตัดต่าง ๆ นั้นมีอยู่ก็จริง แต่วงเงินที่ให้ค่อนข้างจำกัด เช่น ให้ค่ารักษาผู้ป่วยนอก 1,000 บาทต่อครั้งไม่เกิน 20 ครั้งต่อปี ค่าห้องพักให้ 1,000 บาทต่อคืน หรือค่าผ่าตัด 50,000 บาท เป็นต้น แต่ถ้าเราไปดูรายการค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาล เรียกได้ว่าต้องจ่ายเพิ่มแทบจะทุกครั้งที่เข้าไปใช้บริการ
แต่ปัญหาที่น่ากังวลกว่านั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับส่วนต่างไม่กี่ร้อยบาทหรือแตะถึงหลักพันต้น ๆ ที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนอาจจะตัดใจจ่ายไหว แต่ปัญหาอยู่ในกรณีที่เราป่วยหนักต่างหากล่ะ ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเราโหมทำงานหนักจนล้มฟุบคาโต๊ะ เกิดอาการออฟฟิศซินโดรม หรือในบางรายอาจถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตก ค่ารักษาพยาบาลก็อาจพุ่งสูงเกินกว่าจะควบคุมไหว เงินเก็บทั้งหมดของคุณอาจต้องละลายไปกับค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล เพราะประกันที่ถืออยู่มีข้อจำกัดเยอะ เรียกว่าไม่คุ้มเอาเสียเลยที่ทำงานหนักขนาดนี้
ฟังแล้วก็ดูเศร้าจริง ๆ แต่ทางออกของปัญหานี้ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป แก้ไขได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจากการปรับตารางงานของตัวเอง ให้มีเวลากลับมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ค้นหาบาลานซ์ระหว่างการทำงานและการพักผ่อนให้เจอ นอกจากนี้ควรต้องเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ด้วยการทำ
“ประกันสุขภาพ” เพิ่มเติมได้แล้วล่ะ !
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย แผนประกันรูปแบบหนึ่ง ที่ข้อดีของประกันแบบเหมาจ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล เช่น ค่าผ่าตัด ค่าอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ เหมาจ่ายไปเลย และยังมีค่าห้องเพิ่มให้ต่อวัน รวมไปถึงค่าแพทย์เยี่ยมไข้ด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนเรามีเบาะรองรับหรือกระเป๋าสตางค์อีกใบที่มีเงินเตรียมไว้อีก 400,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นด้วย
แล้วสำหรับโรคร้ายแรงที่น่ากลัวและเป็นกันมากที่สุดก็คือ "โรคมะเร็ง" อย่างที่เรารู้กันว่า ปัจจุบันนี้มะเร็งบางชนิดสามารถรักษาให้หายได้ แต่ค่ารักษาก็ไม่ใช่เบา ๆ เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ก็มี
ประกันโรคมะเร็ง ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนเบาใจขึ้นได้อีกเยอะ
จะเห็นได้ว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ แม้จะให้ความสำคัญกับงานขนาดไหน แต่การดูแลตนเองให้แข็งแรง รวมทั้ง
การวางแผนบริหารความเสี่ยงด้านการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน อย่ามัวชะล่าใจ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าคุณภาพชีวิตที่ดีและสุขภาพของเราอีกแล้ว