สำหรับเดินทางเที่ยวต่างจังหวัดแต่ละครั้งนั้น ก็มักจะต้องดูว่าสถานที่ท่องเที่ยวไหนที่เหมาะกับช่วงฤดูกาลนั้น ๆ เหนือก็เป็นอีกหนึ่งภาคที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการเที่ยวหน้าฝนเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งในช่วงหน้าฝนนี้การเดินทางที่ดูจะง่ายที่สุด และสะดวกมากที่สุด อีกทั้งยังปลอดภัยมากที่สุดนั้นก็คือการโดยสารรถไฟ และเครื่องบินนั่นเอง ซึ่งหากเป็นการเดินทางโดยรถไฟก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูกอยู่พอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้ชมบรรยากาศภายนอกของแต่ละพื้นที่ไปในตัว
หรือใครที่ต้องการความสะดวกสบายก็อาจจะเปลี่ยนแพลนมาเป็นการนั่งเครื่องบินที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงที่หมายได้เช่นเดียวกัน แต่หากใครที่วางแพลนที่อยากจะเที่ยวไว้หลาย ๆ ที่ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ค่อนข้างเหมาะสมไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็ต้องแลกกับค่าน้ำมันที่จำเป็นอีกเช่นเดียวกัน
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาสำหรับสายเที่ยวทุกคน วันนี้เราอยากมาแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนดี ๆ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสวย ๆ น่าประทับใจมาให้คุณได้ไปหาเที่ยวชมกัน จะมีที่ไหนบ้างก็มาดูไปพร้อมกันได้เลย
1. วัดพระธาตุดอยพระฌาน จ.ลำปาง
วัดพระธาตุดอยพระฌาน จ.ลำปาง เรียกได้ว่าให้บรรยากาศเหมือนกับได้
ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว โดยจุดแลนด์มาร์กของที่นี่ที่ต้องไปเช็คอินก็จะเป็น พระใหญ่ไดบุตซึ องค์สีเขียวขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านสวยงาม ชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาเก็บภาพบรรยากาศสุดประทับใจกลับไป และด้วยความที่สถานที่ตั้งนั้นอยู่บนเขาก็จะมีโซนที่ทำให้เราได้เห็นถึงธรรมชาติของจังหวัดลำปางที่น่าค้นหา และหลงใหลในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ที่ตั้ง : ตำบล ป่าตัน อำเภอ แม่ทะ ลำปาง
พิกัด :
https://maps.app.goo.gl
เวลาทำการ : 06.30-16.30 น. (ปิดทุกวันพุธ)
วิธีเดินทาง : เดินทางโดยใช้เส้นทางลำปาง-แม่ทะ ตรงไปทางแยกบ้านฟ่อน เมื่อไปถึงอำเภอแม่ทะแล้วก็ให้ตรงไปที่หมู่บ้านป่าตัน จะเห็นทางแยกวัดป่าตันหลวง ให้ตรงเข้าไปแล้วจะเจอป้ายวัดพระธาตุดอยฌาน
ค่าใช้จ่ายในทริป : 5,000-12,000 บาท (รวมค่าอาหาร+ค่าเดินทาง+ที่พัก)
*ค่าใช้จ่ายอาจปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
2. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบในธรรมชาติ ซึ่ง
การเที่ยวในช่วงหน้าฝนนั้นก็จะมีความสวยงามของดอกหงอนนาค ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอม ที่จะผลิบานในช่วงนี้ให้เราได้เชยชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้แสน โดยระหว่างทางก็จะต้องเดินผ่านน้ำตก และป่าไม้นานาพรรณที่มีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ที่ตั้ง : ตำบล ห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด อุตรดิตถ์ 53110
พิกัด :
https://maps.app.goo.gl
เวลาทำการ : อา. - พฤ. : 08.00-16.00 น. และ ศ. - ส. : 07.00-16.00 น.
วิธีเดินทาง : หากเริ่มต้นที่จังหวัดพิษณุโลก ให้ไปตามอำเภอชาติตระการแล้วขับตามป้ายไปที่อุทยานฯ ภูสอยดาวได้เลย แต่หากเริ่มต้นจากอุตรดิตถ์ ให้ไปที่อำเภอน้ำปาด แล้วจะเจอกับป้านอุทยานฯ ก็ขับตามป้ายไปได้เลย
ค่าใช้จ่ายในทริป : 3,000-5,000 บาท (สำหรับกางเต็นท์ และไม่ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว)
*ค่าใช้จ่ายอาจปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
3. บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่
บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ หากใครได้มาเยือนที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วจะต้องมีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน เพราะที่นี่มาพร้อมกับบรรยากาศของคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างลงตัว และยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่ยังมีมาให้เราได้เห็นกัน โดยที่นี่จะมีโฮมสเตย์แสนน่าอยู่เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนกันอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารการกินที่ขึ้นชื่อน่าลิ้มลอง ดึงดูดให้หลายคนที่อยากมาเที่ยวหน้าฝนได้มาสัมผัสกันดูสักครั้ง
ที่ตั้ง : ตำบล ห้วยแก้ว อำเภอ แม่ออน เชียงใหม่ 50130
พิกัด :
https://maps.app.goo.gl
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.
วิธีเดินทาง : ให้ใช้เส้นทางในอำเภอดอยสะเก็ด หรือ อำเภอสันกำแพง จากนั้นตรงไปตามอำเภอแม่ออน จะเข้าสู่ทางหลวงชนบท ชม.3005 เมื่อผ่านโครงการหลวงตีนตกแล้วให้ตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับหมู่บ้านแม่กำปอง
ค่าใช้จ่ายในทริป : 3,000-7,000 บาท (สำหรับการเดินทางโดยรถตู้โดยสารรวมค่าที่พัก)
*ค่าใช้จ่ายอาจปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
4. ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย
ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย หากไปในช่วงหน้าหนาว คุณจะได้
สัมผัสกับบรรยากาศของทะเลหมอกที่เป็นอันซีนของสถานที่แห่งนี้เลยทีเดียว แต่หากไปในช่วงหน้าฝนคุณจะได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ และมองเห็นเมฆหมอกประปรายในช่วงเช้าสวยไปอีกแบบที่หาไม่ได้ในฤดูกาลอื่น ๆ อีกทั้งหากได้มาในช่วงหน้าฝนนี้จะเป็นช่วงที่คนมาเที่ยวน้อยกว่าหน้าหนาว ทำให้คุณสามารถเช็คอิน และเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย
ที่ตั้ง : ตำบล ตับเต่า อำเภอ เทิง เชียงราย
พิกัด :
https://maps.app.goo.gl
เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
วิธีเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1002 สายเทิง-เชียงคำ-บ้านฮวก ซึ่งก่อนที่จะถึงเชียงคำประมาณ 6 กิโลเมตร จะมีแยกไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกภูซาง ให้ใช้เส้นทางนั้นขับต่อไปอีกประมาณ 19 กิโลเมตร จากนั้นเดินต่อไปอีก 30 กิโลเมตร ก็จะถึงภูชี้ฟ้า
ค่าใช้จ่ายในทริป : 2,000-5,000 บาท (สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว)
*ค่าใช้จ่ายอาจปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
5. สะปัน จ.น่าน
สะปัน จ.น่าน เหมาะกับคนที่อยากได้บรรยากาศของธรรมชาติที่มาพร้อมกับวิวสวย ๆ และอากาศสดชื่นที่เป็นมิตรต่อปอดของคุณได้เป็นอย่างดี และที่นี่ก็ยังมีจุดเช็คอินที่หลากหลาย โดยในช่วงหน้าฝนนั้น อากาศของที่นี่จะดีไม่แพ้กับหน้าหนาวเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีวิวที่สามารถมองเห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนได้อย่างกว้างขวาง ให้คุณได้เซฟเก็บเป็นความทรงจำดี ๆ กันอีกด้วย
ที่ตั้ง : 209 หมู่ 1 บ้านบ่อหลวง ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ จ.น่าน
พิกัด :
https://goo.gl/maps
เวลาทำการ : 06.00-18.00 น.
วิธีเดินทาง : เริ่มจากอำเภอบ่อเกลือ แล้วขับตามไปตำบลดงพญาประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงสะปัน ซึ่งก็จะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขานั่นเอง
ค่าใช้จ่ายในทริป : 3,000-5,000 บาท (สำหรับไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว รวมค่าที่พัก)
*ค่าใช้จ่ายอาจปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
ซึ่ง 5 สถานที่เหล่านี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหน้าฝน ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติ และความเป็นอยู่ที่น่าหลงใหล พร้อมทั้งได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ของคนในท้องถิ่นที่หาชมได้ยากในกรุงเทพนี้อีกด้วย แต่สิ่งที่จะทำให้การเที่ยวหน้าฝนของคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้นนั้น ก็คงไม่พ้นการมีประกันอุบัติเหตุดี ๆ ที่จะช่วยคุ้มครองชีวิตแล้วก็ความปลอดภัยของเราระหว่างการเดินทางกับ ประกันทิพยสบายใจทั่วไทย (Tip สบายใจทั่วไทย) ที่สามารถซื้อได้ง่าย ๆ ก่อนเดินทางออกทริปผ่านแอปฯ KMA (Krungsri Mobile App)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้ได้เลย
เพราะในช่วงฤดูฝนนั้นเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นหากใครที่มีแพลนจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน การมีประกันอุบัติเหตุดี ๆ ติดตัวเอาไว้ จะทำให้คุณเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจพร้อมผ่อนคลายในช่วงหน้าฝนแบบนี้อีกด้วย