"ถ้าผมเป็นอะไรไปก่อนก็ไม่อยากให้เค้าต้องลำบาก" คำพูดแบบนี้ถ้าเป็นคู่รักหนุ่มสาวทั่ว ๆ ไปก็คงไม่ได้แปลกอะไรสำหรับมุมมองของคนที่รักกัน แต่ถ้าเป็นความรู้สึกห่วงใยของอีกฝ่ายที่เป็นเพศเดียวกัน มุมมองความรักแบบเราจะดูแลกันและกันอย่างไร หลายคู่ที่เป็นเพศทางเลือกคงมีความสนใจไม่น้อย เพราะหลายคู่รักแม้ว่าจะอยู่ดูแลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังมีความกังวลในเรื่องความมั่นคงของชีวิตคู่ในอนาคตที่ยังไม่ได้มีกฎหมายอะไรมารองรับการใช้ชีวิตคู่ของคนเพศเดียวกัน เช่น เมื่อคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วย ก็ไม่สามารถมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการจัดการการรักษา หรือสิทธิ์การเบิกค่ารักษาพยาบาลให้กันและกัน ดังตัวอย่างของคู่รัก LGBTQ คู่หนึ่งที่ฝ่ายหนึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงมาก แม้อีกฝ่ายจะรับราชการครู แต่ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์เบิกตรงของข้าราชการเพื่อลดภาระการรักษาในส่วนนี้ได้ ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจปฏิเสธการรักษาหรือกรณีที่คนใดคนหนึ่งต้องจากไป เราก็คงไม่อยากให้คนรักต้องอยู่อย่างลำบากและรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีร่วมกันเพียงคนเดียว
ทางเลือกของการดูแลคนรักแบบ LGBTQ
แม้กฎหมายยังไม่ได้มีการรองรับการใช้ชีวิตของคู่รักเพศทางเลือก แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีทางออกสำหรับการดูแลคนที่เรารัก เพราะปัจจุบันนี้
ประกันชีวิต เป็นหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเติมเต็มการดูแล และส่งมอบความห่วงใยนี้ให้กับคนรักของเรา คู่รัก LGBTQ หลาย ๆ คู่ อาจเคยมีความคิดเรื่องการซื้อประกันชีวิตโดยระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นคนรัก แต่ยังมีความกังวลว่า หากไม่ใช่คนในครอบครัวแล้ว บริษัทประกันจะอนุมัติหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ คู่รัก LGBTQ สามารถซื้อประกันชีวิตและระบุชื่อคนรัก ให้เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตได้แล้ว เพียงใช้เอกสารประกอบเพิ่มเติม เช่น เอกสารหลักฐานการกู้ร่วมกัน หรือทำธุรกิจร่วมกัน เป็นต้น ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทผู้รับประกันภัยกำหนด
ประเภทประกันชีวิตที่แนะนำ จะเป็นแบบตลอดชีพ “
กรุงศรี ประกันตลอดชีพ มรดกอุ่นใจ 90/7” ที่จ่ายเบี้ยประกันเพียง 7 ปี และคุ้มครองยาวไปจนถึงอายุ 90 ปี ข้อดีคือ เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียงปีละ 5,000 บาท และมียอดความคุ้มครองตั้งแต่ 150,000 บาท จนถึง 5 ล้านบาท
นอกจากเรื่องการดูแลในวันที่คนใดคนหนึ่งต้องจากไป การดูแลกันและกันในวันนี้ ก็มีความสำคัญมากด้วยเช่นกัน และประกันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดภาระเรื่องค่ารักษาพยาบาลหากเราเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา การซื้อประกันสุขภาพเสริมจึงเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณา หลายคนอาจคิดว่าถ้าซื้อแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรก็จะเสียเงินเปล่า แต่จริง ๆ แล้ว การซื้อประกันสุขภาพเป็นการลดความเสี่ยงจากภาระค่าใช้จ่ายก้อนโต ในวันที่เราเจ็บป่วย เดี๋ยวนี้ประกันสุขภาพก็มีแผนให้เลือกได้หลากหลาย จัดชุดความคุ้มครองได้ตามใจเรา ไม่ว่าจะคุ้มครองโรคร้ายแรง, OPD หรือชดเชยรายได้
ประเภทประกันชีวิตที่แนะนำ “
กรุงศรี ประกันสุขภาพตามใจ” ที่มีตัวเลือกให้เราเลือกจัดได้ตามสะดวกใจเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- วงเงินคุ้มครอง ปรับเพิ่ม-ลดได้ตั้งแต่ 5 แสน - 10 ล้านบาท เพราะมีแผนทั้ง “เบาใจ” “อุ่นใจ” “สบายใจ”
- การจ่ายเบี้ยประกัน สามารถเลือกแบ่งจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นรายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือน
- ความคุ้มครองเสริม เลือกซื้อเพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็น OPD, คุ้มครองโรคร้ายแรง หรือชดเชยรายวัน
- ค่าเบี้ยประกัน เลือกจ่ายแบบน้อยลงได้หากมีประกันสุขภาพอื่นมาก่อนแล้ว
แล้วยังสามารถเลือกจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ แถมเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีก สูงสุดถึง 25,000 บาท ทั้งนี้ เงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อยกเว้น และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
เท่านี้ เราก็สามารถคลายความกังวลให้กับทั้งตัวเราและคนรัก และมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถดูแลและส่งต่อความห่วงใยกันได้เสมอราวกับไม่ได้อยู่ห่างกันเลย สนใจแล้วใช่มั้ย ติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากบริการ
Plan Your Money และธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา