แฟชั่นไร้พรมแดน Unisex Style

แฟชั่นไร้พรมแดน Unisex Style "เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ"

By Krungsri Plearn Plearn
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ หรือ “Unisex” เป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับคำว่า Unisex กันก่อนดีกว่า

แฟชั่น Unisex คืออะไรกันแน่?

คำว่า Unisex คือ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์แฟชั่น รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ที่ไม่มีข้อจำกัด ที่ทุกเพศสามารถแต่งตัว หรือใช้เครื่องประดับได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่บอกว่าของชิ้นสำหรับเพศชายหรือหญิง โดยเฉพาะคำว่า “Uni” ที่หมายความว่า เป็นหนึ่งเดียวกัน ชัดเจนเลยว่าไม่ว่าคุณผู้ชายจะสวมกระโปรงไปดื่มกาแฟ หรือคุณผู้หญิงจะใส่เสื้อไซซ์ผู้ชายออกไปท่องเที่ยว หรือใช้เครื่องประดับ เช่น  สร้อยคอ หรือกิ๊บหนีบผม เสริมเข้าไปก็ไม่มีผิดหรือถูก

โดยในปัจจุบันเรามักจะเห็นผู้ชาย และผู้หญิงที่มิกซ์เสื้อผ้า เครื่องประดับทั้งของผู้ชาย และผู้หญิง ให้ออกมาอย่างดูดี ในแบบของตัวเอง และการแต่งตัวในลักษณะนี้ก็ถือเป็น Unisex ที่แต่งออกมาแล้ว มั่นใจในทุกไลฟ์สไตล์ได้เลย
ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex

ไทมไลน์ของ แฟชั่น Unisex เดินทางมาได้อย่างไร?

ย้อนกลับไปในยุค 1824
กลุ่มชุมชนสังคมนิยมชื่อ New Harmony ได้ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในกลุ่มชุมชนนี้เปิดโอกาสให้ทั้งผู้หญิง และผู้ชายสามารถสวมใส่กางเกงขายาวได้ ซึ่งเรื่องนี้ในยุคสมัยนั้นเป็นเรื่องแปลกใหม่ และผู้คนยังไม่ได้ยอมรับเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเท่าไหร่นัก
จนเข้าสู่ปี 1968 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้คนอยากสร้างความเท่าเทียมทางเพศให้เกิดขึ้นจริง ๆ และเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับคำว่า “Unisex ” ที่ปรากฏบนโฆษณาสินค้ารองเท้าในนิตยสาร New York Times ทำให้ผู้คนเริ่มเปิดใจยอมรับแนวคิดเสื้อผ้าแบบไร้เพศ และมีการยอมรับแฟชั่นสไตล์ Unisex กันมากขึ้น อย่างเช่น ผู้หญิงสามารถใส่ชุดทักซิโด้ หรือผู้ชายใส่กางเกงทรงสกินนี่ที่มีสีสัน และลวดลายฉูดฉาดได้
จนมาถึงยุค 2000 ต้น ๆ ที่เป็นยุคเฟื่องฟูของวงการฮิปฮอป
ที่ทำให้เกิดกระแสการเต้นสไตล์ บีบอย หรือบีเกิร์ล เกิดขึ้น ผู้คนทั่วโลกที่ชอบฟังเพลง และการเต้นหันมาแต่งตัวแนวฮิปฮอปกันมากขึ้น โดยเสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ได้มีการจำกัดเพศ นักเต้นที่มีหัวใจชอบสิ่งเดียวกัน ก็สามารถแต่งตัวอินไปกับแฟชั่นได้เหมือนกัน จากเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น แฟชั่น Unisex เข้าไปแทรกซึมกับวิถีชีวิตกับผู้คนมาตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นแฟชั่น Unisex ก็เติบโตไปทั่วโลกจนเมื่อปี 2021
หลังจากที่นักร้องหนุ่มขวัญใจแฟนเพลงทั่วโลก แฮร์รี่ สไตล์ ได้มีการสวมกระโปรงขึ้นไปเล่นดนตรี รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วยการแต่งตัวด้วยรองเท้าส้นสูง นอกจากนี้แฟชั่น Unisex ยังมีคนดังในบ้านเราที่เป็นผู้นำแฟชั่น Unisex ด้วยเหมือนกัน เช่น หมวยเขื่อน อดีตนักร้องวง เคโอติก ที่หันมาเปลี่ยนการแต่งตัว ใส่กระโปรง หรือเดรสในชีวิตประจำวัน หรือนักร้องขวัญใจชาว 90 ดัง พันกร ที่สวมกระโปรง รองเท้าส้นสูง รวมถึงสินค้าแฟชั่นให้เราได้เห็นตามโซเชียลมีเดีย

จากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทั้งโลกเปิดใจกับแฟชั่น Unisex ก็มีผลดีส่งมาที่กลุ่ม LGBTQ ได้รับการยอมรับมากขึ้นในทุก ๆ สังคมไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนแปลง และคนมีชื่อเสียง หรือแบรนด์ธุรกิจดัง ๆ ออกมารณรงค์เกี่ยวกับกลุ่มคน LGBTQ จนเกิดเป็นกระแสที่ทำให้คนทั่วโลกหันกลับมาทำความเข้าใจในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นแฟชั่น Unisex ที่สามารถตอบโจทย์กับกลุ่ม LGBTQ ได้เป็นอย่างดี
ความเข้าใจกลุ่ม LGBTQ

ตัวอย่างสินค้าแฟชั่น Unisex ที่น่าสนใจ

1. แบรนด์ Lifeprojectbkk

ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex ของร้าน Lifeprojectbkk
ขอขอบคุณรูปภาพจาก Lifeprojectbkk
Lifeprojectbkk แบรนด์นี้จะเน้นไปที่เรื่องของเสื้อเป็นสำคัญ โดยทางแบรนด์จะเลือกเป็นเสื้อยืดแบบ Oversize ที่สามารถใส่ได้ทั้งชายหญิง และออกแบบทั้งลวดลาย และสีให้มีอย่างหลากหลาย ทำให้สามารถเลือกใส่ได้ทั้งชาย และหญิง มาในสไตล์ฮิป ๆ แต่งได้ง่าย ๆ ในทุกวัน

2. แบรนด์ Called_p

ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex ของร้าน Called_p
ขอขอบคุณรูปภาพจาก Called_p
สำหรับแบรนด์ Called_p เสื้อผ้าของเขาจะมีความน่ารักและดูสดใสอยู่ในตัว และแน่นอนว่ามันสามารถที่จะเลือกใส่ได้ทั้งชายหญิง เพราะเขาจะเน้นไปที่ความเป็น Unisex เป็นสำคัญ มาในลายมินิมอลสุดน่ารักที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ ชุดส่วนใหญ่เป็นใส่ได้ง่าย ๆ ในทุก ๆ วัน เช่น ใส่ไปทำงาน ใส่ไปเรียน หรือใส่ไปเที่ยวในวันหยุด ก็สามารถใส่ได้เป็นปกติ เพราะสไตล์การออกแบบเป็นแบบกึ่งทางการ ผสมผสานแฟชั่นสไตล์ Unisex เข้าไปประกอบ เอาเป็นว่าจะเพศไหนก็สนุกกับการแต่งตัวของแบรนด์นี้ได้เลย
ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex ของร้าน drmartens
ขอขอบคุณรูปภาพ จาก drmartens.com

3. แบรนด์ Dr. Martens

ข้ามไปดูแบรนด์รองเท้าหนังที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง Dr. Martens กันบ้างที่ปีนี้ก็จับมือกับศิลปินชาวญี่ปุ่น Fuyuki Kanai ออกสินค้าใหม่โดยการหยิบรองเท้าในรุ่น 1460 มาออกแบบลวดลายให้เหมือนกับภาพการ์ตูนมังงะบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีความเท่าเทียมกันทางเพศ และความสัมพันธ์ของกลุ่ม LGBTQ โดยรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่นี้ จะทำออกมาเป็น 3 ซีรีส์ นอกจากนี้แบรนด์ Dr. Martens ยังมอบเงิน 200,000 ดอลลาร์ให้กับองค์กร The Trevor Project ซึ่งเป็นองค์กรป้องกันการฆ่าตัวตายของกลุ่ม LGBTQ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex ของร้าน levi
ขอขอบคุณรูปภาพ จาก levi.com

4. แบรนด์ Levi's

ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่สนับสนุนแฟชั่น Unisex จะไม่พูด Levi's ก็คงไม่ได้ และในปีนี้ก็มีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ สินค้าจะได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อยีนส์ และชุดเดรสแบบวินเทจ โดยสินค้าจะสื่อสารออกมาทาง 6 บุคคลจากทั่วโลกที่อยากแสดงออกถึงตัวตนทีหลากหลาย เช่น คนที่คิดว่าตัวตนคือ Non-Binary ที่ไม่ใช่ทั้งเพศชาย และหญิง แต่เป็นเพศที่อยู่ตรงกลางอย่างความเท่าเทียม หรือกลุ่ม Girls Only ที่อยากสื่อสารให้ทุกคนบนโลกสามารถเข้าใจผู้หญิงโดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศสภาพ เป็นต้น นอกจากแบรนด์ Levi's จะออกเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่แล้ว ทางแบรนด์ยังร่วมบริจาคมากถึง 100,000 ดอลลาร์ต่อปีให้กับ มูลนิธิ OutRight Action International ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของชาว LGBTQ ทั่วโลก
ไลฟ์สไตล์แฟชั่น Unisex ของร้าน fossil
ขอขอบคุณรูปภาพ จาก fossil.com

5. แบรนด์ FOSSIL

เอาใจคนชอบใส่เครื่องประดับกันบ้างกับสินค้าของแบรนด์ FOSSIL ที่เพิ่งออก แหวนสแตนเลสในสไตล์คลาสสิค ที่ภายในวงแหวนด้วยสีของธงไพรด์ ที่สื่อถึงกลุ่ม LGBTQ และความเท่าเทียมทางเพศแบบเต็ม 100% และนอกจากนี้ทางแบรนด์ FOSSIL ยังจะมอบเงินจากการสินค้าในคอลเลคชั่นใหม่นี้ให้กับองค์กร The Trevor Project ไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว

ซึ่งสินค้าจากทั้ง 5 แบรนด์นี้นั้นก็จะเน้นไปที่การผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่มีความเป็น Unisex สามารถแต่งกันได้แบบทุกเพศอย่างแน่นอน อีกทั้งเสื้อผ้าแต่ละแบบนั้นก็ยังมีความสวยน่ารักดูเท่ไปในตัว และในปัจจุบันเรื่องของการใช้เสื้อผ้าเป็นแบบโอเวอร์ไซซ์ หรือเสื้อครอปนั้นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ดีไซเนอร์ตัดเสื้อผ้า Unisex
ดังนั้นเรื่องของแต่งกายไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็มีสิทธิในการที่จะแต่งตัวในแบบที่ตัวเองชอบได้เหมือนกัน จึงทำให้เราเห็นว่าในปัจจุบันมีการนำเอาแฟชั่นแบบ Unisex เข้ามาเพื่อทำให้ผู้คนสามารถที่จะแต่งตัวได้ตามใจตัวเองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสื่อถึงความเท่าเทียมทางเพศที่ควรจะเป็นในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา