การใช้ชีวิตคู่ ควรแต่งเข้าบ้านใคร หรือหาเรือนหอใหม่ดี?

การใช้ชีวิตคู่ ควรแต่งเข้าบ้านใคร หรือหาเรือนหอใหม่ดี?

By Krungsri Plearn Plearn
สิ่งสำคัญของการสร้างครอบครัว ไม่ใช่เพียงงานแต่งงานสุดเพอร์เฟกต์ที่คู่บ่าวสาวตั้งใจเนรมิตขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางแผนชีวิตคู่ในระยะยาวกับคนที่จะอยู่ร่วมกับเราไปอีกยาวนาน ซึ่งสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่คู่รักต้องตกลงกันให้ลงตัวเมื่อตัดสินใจจะสร้างครอบครัวร่วมกันคือ หลังจากงานแต่งแล้ว ทั้งสองจะอยู่ร่วมกันในบ้านหลังใด
ทางเลือกของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุขและความสัมพันธ์ในระยะยาวครับ ดังนั้น ก่อนการแต่งงานควรตัดสินใจให้รอบคอบว่า เมื่อแต่งงานแล้วฝ่ายชายจะย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวฝ่ายหญิง หรือฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ย้ายไปอยู่ร่วมกับครอบครัวฝ่ายชาย
เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงนึกถึงปัญหาของพ่อตากับลูกเขย และแม่สามีกับลูกสะใภ้ที่มีให้เห็นมาทุกยุคทุกสมัย และสร้างความขัดแย้งกันในครอบครัวไม่ใช่น้อย บางคู่อยู่ ๆ ไปอาจมองหน้ากันไม่ติด บ้างก็จบด้วยการแยกกันอยู่ หรือเลิกราหย่าร้างกันเพราะปัญหาที่ค่อนข้างเปราะบางเหล่านี้ ทำให้คู่รักหลายคู่ตัดสินใจสร้างเรือนหอใหม่ เพื่อสร้างครอบครัวเดี่ยว ลองมาดูกันครับว่า 3 ทางเลือกของการใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงาน มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง

แบบที่ 1 ย้ายเข้าไปอยู่ร่วมกันที่บ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทุกคนล้วนมีหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยเฉพาะใครที่จำเป็นต้องดูแลพ่อแม่ที่สูงวัยหรือมีปัญหาทางสุขภาพ อาจไม่สามารถย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกันให้เข้าใจถึงความจำเป็น และปัญหาที่อาจเกิดตามมาหากหลังแต่งงานเลือกที่จะย้ายเข้าไปอยู่ร่วมบ้านของอีกฝ่าย เช่น ความรู้สึกเป็นคนนอกของลูกเขยหรือสะใภ้ หรือแนวทางการอบรมเลี้ยงดูลูกที่อาจแตกต่างกันระหว่างเราและพ่อตาแม่ยายในบ้าน ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกในภายหลัง
ข้อดี
  • ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มีโอกาสดูแลพ่อแม่ของตน และทำให้เรามีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด
  • หากมีลูก จะมีปู่ย่าตายายคอยช่วยเลี้ยงดู
  • สามารถเริ่มต้นสร้างครอบครัวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการผ่อนซื้อบ้านหลังใหม่เป็นเรือนหอ

ข้อเสีย
  • แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อตา-แม่ยายและลูกจะราบรื่นมาโดยตลอดก่อนแต่งงาน แต่หลังจากการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไปนาน ๆ ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะไม่มีวันผิดใจกัน เพราะการแต่งเข้าบ้านอีกฝ่าย คือการแต่งเข้าแบบคนนอก
  • การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัว รวมทั้งวิธีการเลี้ยงลูก อาจอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ใหญ่ในบ้านด้วย
  • บางคนอาจเจอปัญหาที่ผู้ใหญ่ตามใจลูกมากเกินไป ทำให้เด็กดื้อ ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ พอพ่อแม่ว่ากล่าวตักเตือนก็จะรีบวิ่งเข้าหาคุณตาคุณยาย

แบบที่ 2 แยกมาอยู่เรือนหอแห่งใหม่ เป็นครอบครัวเดี่ยว

วิธีนี้ถือเป็นแนวคิดการใช้ชีวิตคู่ของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะสามารถสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้คู่สามีภรรยาได้ใช้ชีวิตร่วมกันภายใต้เงื่อนไขของคนทั้งคู่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความแตกต่างทางความคิดจากผู้ใหญ่ แม้ว่าจะต้องลงทุนซื้อบ้านใหม่บ้านมือสอง หรือสร้างบ้านใหม่ด้วยตนเอง
ข้อดี
  • มีอิสระในการสร้างครอบครัว กฏเกณฑ์ต่าง ๆ ในบ้านสามารถกำหนดได้เอง
  • มีพื้นที่ส่วนตัวในการใช้ชีวิตคู่
  • ได้ดูแลลูกในแบบของตนเอง
  • มีบ้านหลังใหม่เป็นสินทรัพย์ต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อมองระยะยาว หากกลายเป็นบ้านปลอดภาระแล้ว สามารถใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ในการยื่นขอสินเชื่อได้ เช่น สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช เปลี่ยนบ้านเป็นเงิน นำเงินมาต่อยอดทำกิจการครอบครัว ฯลฯ

ข้อเสีย
  • ต้องลงทุนซื้อบ้านหลังใหม่ ซึ่งต้องแบกรับภาระการผ่อนชำระอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย
  • หากอีกฝ่ายมีภาระที่ต้องดูแลพ่อแม่ชรา อาจไม่สะดวกเรื่องการเดินทางไปมาระหว่างบ้านพ่อแม่กับบ้านใหม่ของตนเอง นอกจากจะวางแผนชีวิตคู่โดยการปลูกบ้านหลังใหม่ให้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่นัก

แบบที่ 3 ต่างคนต่างอยู่ เพื่อดูแลพ่อแม่ของตน

แน่นอนว่าทางเลือกในการใช้ชีวิตคู่แบบนี้ย่อมส่งผลดีต่อผู้เป็นพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ที่จะได้มีเราคอยดูแลท่านอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อคนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว เวลาและระยะทางอาจกลายเป็นปัญหาในการแยกกันอยู่แบบนี้
ไม่ว่าเราจะตัดสินใจเลือกทางใด อย่าลืมว่าหากเราตัดสินใจโดยนึกถึงคนรักมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตของตัวเราเองแล้ว อาจส่งผลให้เกิดความระหองระแหงกันในระยะยาวได้ ทางที่ดีเราควรนั่งคุยกันแบบเปิดใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้ครองชีวิตครอบครัวกันไปได้ตลอดรอดฝั่งครับ
ข้อดี
  • ต่างฝ่ายต่างสามารถดูแลพ่อแม่และคนในครอบครัวได้อย่างเต็มที่
  • มีอิสระในการใช้ชีวิตส่วนตัว ในกรณีที่ทำงานคนละเวลาหรือต่างเมืองกัน

ข้อเสีย
  • อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา
  • หากวางแผนชีวิตคู่ว่าจะมีทายาทด้วยกัน อาจทำให้ต้องเดินทางเทียวไปอยู่บ้านนี้ทีบ้านนั้นที ทั้งที่จริง ๆ แล้วลูกอยากให้พ่อแม่มาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตามากกว่า
ไม่ว่าเราจะเลือกทางใด อย่าลืมว่า หากเราตัดสินใจสร้างครอบครัวโดยนึกถึงคนรักมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตของตัวเราเองแล้ว อาจส่งผลให้เกิดความระหองระแหงกันในระยะยาวได้ ทางที่ดีเราควรนั่งคุยกันแบบเปิดใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้หาตัวเลือกที่ดีที่สุดกับทั้งสองฝ่าย รับรู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย เพื่อจะได้ครองชีวิตครอบครัวกันไปได้ตลอดรอดฝั่งครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: lawyers.in.th ,theasianparent.com
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา