กินคลีนยังไงให้ได้ออม

กินคลีนยังไงให้ได้ออม

By Krungsri Plearn Plearn
เมื่ออาหารคลีนกลายเป็นเทรนด์ที่คนรักสุขภาพทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ แต่ดูเหมือนหลายคนยังขัดใจตรงราคาที่ออกจะสูงไปสักนิด แล้วจะมีทางไหนที่ทำให้เราได้กินอาหารคลีนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังสามารถออมและบริหารเงินได้ด้วย คำตอบนี้อยู่ไม่ไกลจากครัวของคุณเลย
เดี๋ยวนี้กระแสเรื่องการกินคลีนรักษาสุขภาพเป็นที่นิยมกันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่า หลายคนต้องรู้สึกแน่นอนก็คือ ราคาอาหารคลีนไม่เป็นมิตรสักเท่าไรเลย กล่องหนึ่งราคาก็เริ่มต้นที่ประมาณ 69 บาท หรือถ้าแพง ๆ อย่างปลาแซลมอนก็มีให้เห็นประมาณ 199-249 บาท จนหลายคนถึงกับถอดใจแล้วกลับไปกินเหมือนเดิม หรือบางคนไม่ไหวก็เลิกรักษาสุขภาพไปเลยซะอย่างงั้น ทั้งที่จริงถ้าเราอยากกินคลีนแต่ไม่อยากให้สะเทือนเงินในกระเป๋ามากก็สามารถทำได้อยู่เหมือนกัน นั่นคือการทำอาหารคลีนกินเองไงล่ะ !
ซึ่งถ้าเราลองมาคำนวณกันดูแล้วก็น่าจะประหยัดไปได้ประมาณ 50-60% เลยทีเดียว ลองดูตัวอย่างอาหารคลีนอกไก่สำเร็จรูปเจ้าหนึ่งขนาด 90 กรัม ราคา 40 บาท ซึ่งถ้าคิดเป็นกิโลกรัมก็ตกกิโลกรัมละ 444.50 บาท !! แต่ถ้าเราลองซื้ออกไก่มาลองทำเอง ปัจจุบันราคาอกไก่ก็อยู่กิโลกรัมละ 68-70 บาทเท่านั้น ถ้าเรารวมค่าเครื่องปรุงต่าง ๆ เข้าไปแล้ว ยังไงก็ไม่น่าจะเกิน 200 บาทต่อกิโลกรัม จะเห็นได้ว่าเราประหยัดเงินตรงนี้ไปได้เยอะเลย
หรือถ้าเราไปดูข้าวกะเพราหมูสับพร้อมไข่ดาวของยี่ห้อหนึ่งราคา 89 บาท ลองเอามาตีต้นทุนดู จริง ๆ แล้ว ไข่ไก่ 1 ฟอง ราคา 6 บาท หมูสับ 100 กรัม 14 บาท ข้าว 5 บาท ค่าเครื่องปรุง พริก น้ำปลา กระเทียม ใบกะเพราต่าง ๆ รวมกันไม่น่าเกิน 10 บาท รวมแล้วประมาณ 30 บาทเท่านั้นเอง
ยิ่งเดี๋ยวนี้แค่เราลองเข้ากูเกิลและเสิร์ชคำว่า "อาหารคลีน" สูตรอาหารก็ขึ้นมาเป็นร้อยอย่าง พร้อมวิธีทำ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่เป็นเลย สำหรับคนที่ไม่เคยทำอาหาร อาจลองเริ่มต้นที่เมนูง่าย ๆ ก่อน อย่างไข่เจียวคลีนทรงเครื่อง อารมณ์ประมาณเจียวไข่ที่ทอดด้วยน้ำมันมะกอกแล้วโรยด้วยเครื่องไก่สับ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจับกระทะทำครัวที่ไม่เลว ไม่แน่เราอาจจะได้งานอดิเรกใหม่ก็ได้ ที่สำคัญอาหารคลีนก็ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดเลย แค่หลักการง่าย ๆ คือ ลดน้ำมัน หรือถ้าใช้ก็พยายามใช้พวกน้ำมันมะกอก งดของทอด ของมัน เน้นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสีต่าง ๆ และเน้นไปที่ผักและผลไม้เท่านั้น ที่เหลือก็เป็นการผสมไปมาอยู่ที่รสชาติและความชอบแล้วล่ะ
คนที่สามารถทำอาหารคลีนได้ จึงเป็นคนที่มีโอกาสเก็บออมเงินจากค่าใช้จ่ายที่เหลือ (เพราะไม่ต้องซื้อตามร้าน) เปลี่ยนให้กลายเป็นเงินเก็บในแต่ละเดือนได้ และฝากไว้ใน บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงและมีความคล่องตัว หรือจะรับทำข้าวกล่องสำหรับกลางวันส่งให้เพื่อนที่ออฟฟิศ ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เงินออมของเรากลายเป็นเงินทุน พัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจขนาดย่อมได้
อีกเรื่องคือ สุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องมองระยะยาว เพราะถ้าเรามองการดูแลสุขภาพเป็นการลงทุนเราแทบจะไม่เห็นประโยชน์ ณ วันนี้เลย เราวิ่งเหนื่อยแทบตายน้ำหนักหายไป 2 ขีด แล้วที่หายไปก็คือน้ำในร่างกายล้วน ๆ หรือการกินอาหารคลีนที่รสชาติอาจไม่เร้าใจ จืด ๆ ไม่มัน ไม่กรอบ ก็หาความอร่อยยากอยู่เหมือนกัน แล้วกินมื้อเดียวใช่ว่าจะผอมซะด้วย แต่บอกได้เลยว่าในระยะยาวแล้วคนที่ดูแลสุขภาพจะมีความแตกต่างเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งโรคชุดเบาหวาน ความดันต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการเจ็บป่วยเล็กน้อย เราก็จะเป็นยากขึ้น จะช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลได้ด้วย อย่าลืมว่าเราเกิดมามีร่างกายเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนได้เหมือนอะไหล่รถยนต์ การรักษาเพื่อให้ร่างกายอยู่กับเราได้จนแก่เฒ่าก็เป็นอะไรที่สำคัญเหมือนกัน
แล้วเมื่อเราแก่ตัวไป ถ้าเราอยากบริหารความเสี่ยงด้วยการทำ "ประกันสุขภาพ" คนที่สุขภาพดี เดี๋ยวบริษัทประกันก็มีการปรับลดเบี้ยประกันให้ด้วย 5-10% แต่ถ้าคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีก็จะถูกคิดแพงขึ้นได้สูงถึง 50-200% เลยทีเดียว หรือถ้าใครสุขภาพไม่ผ่านเกณฑ์จริง ๆ ก็อาจถูกปฏิเสธไม่สามารถทำประกันได้ ตรงนี้เราก็จำเป็นต้องเตรียมตัวรับความเสี่ยงด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถมีใครมาช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาได้เลย การวางแผนและคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงเป็นหนทางออมอีกทางหนึ่งที่ทำให้เงินไม่รั่วไหลออกจากกระเป๋าของเราโดยไม่จำเป็น
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา