หากเราได้ติดตามข่าวสารทุกวันนี้ มักจะมีข่าวมิจฉาชีพหลอกเอาเงินของคนไทยด้วยวิธีการต่าง ๆ นานาผ่านทางโทรศัพท์และระบบออนไลน์ แถมยังมีคนโดนดูดเงินจากบัญชีอีกจำนวนมากด้วย แต่ถ้ามองอย่างใกล้ตัวมากขึ้น น้องเพลินเพลินเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงมีประสบการณ์ในการถูกแก๊งคอลเซนเตอร์โทรหา เพื่อหลอกเอาเงินของพวกเรากันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาทและต้องรู้เท่าทัน
การหลอกลวงของมิจฉาชีพ เพื่อไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อและสูญเสียเงินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา
กลวิธีที่มิจฉาชีพใช้เพื่อดูดเงินในบัญชี
เมื่อเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาไปไกลมาก มิจฉาชีพก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการดูดเงินจากเหยื่อต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
1. การส่งข้อความผ่าน SMS
ด้วยข้อความโฆษณาต่าง ๆ ที่ทำให้เราสนใจ และล่อลวงให้เราให้ข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึง Username และ Password ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หลังจากนั้นทางมิจฉาชีพจะนำข้อมูลที่ได้มาไป Login ในระบบของเราเพื่อดูดเงิน
2. การโทรศัพท์พูดคุยกับเหยื่อ
โดยปลอมตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัว จึงทำการหว่านล้อมให้โอนเงินกับมิจฉาชีพ
3. การหลอกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
มิจฉาชีพที่มีความรู้ในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อาจจะส่งลิงก์ให้กดเพื่อให้เราโหลดโปรแกรมเพื่อติดตั้งในมือถือ เมื่อเหยื่อหลงกลก็สามารถเข้าควบคุมโทรศัพท์จากระยะไกล หลังจากนั้นจะทำการโอนย้ายถ่ายเททรัพย์สินจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ทำให้หลาย ๆ คนหมดเนื้อหมดตัวเพราะถูกมิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีไปทั้งหมด
ดังนั้น เพื่อน ๆ จะเห็นว่ากลวิธีในการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีความล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังในการใช้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา
แค่เปลี่ยนเบอร์มือถือก็โดนดูดเงินในบัญชีได้จริงหรือ?
มีหลายคนอาจจะเคยพบเจอเหตุการณ์ที่ตัวเองเปลี่ยนเบอร์มือถือ แล้วอยู่ ๆ เงินในบัญชีธนาคารก็ถูกโอนย้ายถ่ายเทไปจนกลายเป็นข้อสงสัยว่าการเปลี่ยนเบอร์มือถือ จะทำให้มิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีได้จริงหรือไม่? น้องเพลินเพลินก็อยากจะมาเล่าทุกคนได้ฟังว่า
“มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ทุกรณี”
ในกรณีที่เราเปลี่ยนเบอร์มือถือนั้น หลาย ๆ ครั้งเราลืมที่จะนำเบอร์ใหม่ไปอัปเดตข้อมูลจากทางธนาคาร ซึ่งระบบของธนาคารยังแสดงข้อมูลของเบอร์เก่าอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเราได้ทิ้งเบอร์เก่าไปหรือทำการยกเลิกและมีมิจฉาชีพมาซื้อเบอร์ใหม่แทน หรือมิจฉาชีพอาจจะได้เบอร์เก่าของเรามาไม่ว่าทางใดทางหนึ่งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสวมรอยเป็นตัวเรา หลังจากนั้นมิจฉาชีพจะนำเบอร์เก่าของเราไปสมัครการใช้งานต่าง ๆ เช่น Mobile Banking ของทางธนาคารทำให้สามารถโอนเงินออกจากบัญชีของเราได้ นอกจากนี้ มิจฉาชีพอาจจะใช้เบอร์เก่าของเราในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ โดยใช้ OTP ในการยืนยันตัวตน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงิน การใช้งานอีเมล การเข้าไปใช้งานใน Social Network ของเรา เช่น Facebook, Instagram และ Line และสวมรอยเป็นตัวเราเพื่อพูดคุยกับเพื่อนเรา
เมื่อเพื่อนเราหลงเชื่อเพราะเป็น Account ของเราจริง ๆ ก็อาจจะขอให้เพื่อนเราโอนเงินและขอความช่วยเหลือต่าง ๆ โดยหวังว่าเพื่อนเราจะให้ Username และ Password เมื่อมิจฉาชีพได้ 2 สิ่งนี้มาก็จะทำการ Log in และเปลี่ยน Password ของบัญชีเพื่อนเราเพื่อไปหลอกลวงคนอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนของเพื่อนเราต่อได้อีกเป็นทอด ๆ ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างไม่รู้จบได้
วิธีรับมือหากโดนดูดเงินจากบัญชี ต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับใครที่ถูกมิจฉาชีพดูดเงินไป น้องเพลินเพลินก็อยากให้ทุกคนเริ่มจากการตั้งสติก่อน และค่อย ๆ ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การจับกุมคนร้าย โดยปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
1. แจ้งความกับตำรวจ
เราต้องรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ก่อนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เราได้ทำอะไรมาก่อนถึงทำให้กลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ เช่น การเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ การถูกคนในโลกออนไลน์หลอกลวง เราจะต้องให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างละเอียดที่สุดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองและการทำคดีในลำดับถัดไป เราสามารถแจ้งความกับตำรวจ ณ สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือผ่านทาง
https://www.thaipoliceonline.go.th/ โทร 1441
2. แจ้งไปยังธนาคาร
เราต้องติดต่อธนาคารให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำการอายัติบัญชีไม่ให้มิจฉาชีพทำการดูดเงินของเราไปมากกว่านี้ และต้องอัปเดตกับทางธนาคารให้เร็วที่สุดว่าเราเป็นเจ้าของบัญชีตัวจริง โดยมีการอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
กรณีที่เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงศรีฯ สามารถติดต่อสายด่วนของธนาคารกรุงศรีฯ โทร 1572 กด 5 ตลอด 24 ชั่วโมง
3. แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่มิจฉาชีพได้ทำการปลอมแปลงข้อมูลของเราหรือสามารถเข้าสู่บัญชี Social Network ของเราได้นั้น เราจะต้องรีบแจ้งไปยัง Platform เพื่อให้ลบหรือกู้คืนบัญชีให้เราอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้ในการหาประโยชน์อื่น ๆ กับคนรอบข้างของเรา
Tips by น้องเพลินเพลิน : 4 วิธีป้องกันตัวจากมิจฉาชีพดูดเงินในบัญชี
เราสามารถดูแลและป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเราถูกมิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีได้ดังนี้
1. ไม่เชื่อใครง่าย ๆ
หากมีใครติดต่อเรามาในช่องทางใด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งว่าเรามีความผิดจะต้องเสียค่าปรับ ชวนลงทุน ชวนสร้างรายได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ หรือติดต่อมาพูดคุยเราแต่ท้ายสุดมีการหว่านล้อมให้เราต้องโอนเงิน ให้เราหยุดคุยทันทีและปิดช่องทางติดต่อไป แต่หากเราไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ติดต่อมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ให้เราเช็กกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเองโดยตรง
2. รักษาข้อมูลส่วนตัวของเราให้มากที่สุด
ไม่บอกข้อมูลส่วนตัวของเรากับคนที่ไม่รู้จักหรือหน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์ หรือช่องทางติดต่อเราทาง Social Network โดยไม่จำเป็นเพราะอาจจะทำให้คนร้ายนำข้อมูลเราไปใช้เพื่อสวมรวยเป็นตัวเราได้
3. ไม่โหลดแอปพลิเคชันแปลก ๆ
มิจฉาชีพจำนวนมากมักจะให้เราโหลดแอปพลิเคชันที่ทางมิจฉาชีพได้จัดเตรียมไว้โดยเรามักจะเรียกแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ว่า
แอปดูดเงิน เพื่อใช้สำหรับการหลอกลวงเงิน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือและส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ใน Google Play หรือ Apple Store
4. อัปเดตข้อมูลของเรากับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสมอ
กรณีที่เรามีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือข้อมูลสำคัญต่าง ๆ จะต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน และ Platform ต่าง ๆ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ เพื่อป้องกันการถูกสวมรอยจากการยืนยันตัวตน เช่น การใช้เบอร์โทรศัพท์ยืนยันตัวตนด้วยระบบ OTP
จะเห็นได้ว่า แม้ปัจจุบันเราจะพบกับภัยอันตรายจากมิจฉาชีพรอบตัวที่จะเข้ามาดูดเงินในบัญชีและความมั่งคั่งของเราไป ทำให้หลายคนพลาดท่าโดนดูดเงินจากบัญชีไป แต่ทั้งนี้ เราก็สามารถรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองได้ด้วยเช่นกัน น้องเพลินเพลินหวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนจะได้รับความรู้เพิ่มขึ้น สามารถดูแลเงินทองของตัวเองได้อย่างดี และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม