เปิดมุมมอง! บริหารธุรกิจ ในหรือนอกตลาดหุ้น เติบโตดีที่สุด

เปิดมุมมอง! บริหารธุรกิจ ในหรือนอกตลาดหุ้น เติบโตดีที่สุด

By Krungsri Plearn Plearn
การร่วมมือบริหารธุรกิจ
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า ทำไมธุรกิจขนาดเล็กหลาย ๆ แห่ง สามารถเติบโต และขยายธุรกิจได้ จนกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่แบบก้าวกระโดดในเวลาไม่นานนัก ส่วนใหญ่เราก็จะคิดว่าธุรกิจนั้นจะต้องอาศัย “ตลาดหลักทรัพย์” หรือตลาดหุ้น ในการร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่หารู้ไม่ว่ายังมีอีกหลายธุรกิจที่ดำเนินงานนอกตลาดหุ้นแต่ยังได้ผลตอบแทนดีจนน่าเหลือเชื่อ และสามารถพัฒนาการบริหารธุรกิจนั้นให้กลายเป็นธุรกิจใหญ่ ๆ มียอดขายหลักพันล้านบาทได้เช่นเดียวกัน

ในบทความนี้จะเล่าให้เห็นภาพการบริหารธุรกิจของบริษัทที่ไม่ได้ดำเนินการภายใต้ตลาดหลักทรัพย์ ทำอย่างไรบริษัทเหล่านั้นจึงมีการเติบโตได้ดีหาคำตอบได้ในบทความนี้ได้เลย

บริษัทนอกตลาดหุ้นคืออะไร?

บริษัทนอกตลาดหุ้น คือ การทำธุรกิจ หรือการลงทุนของบริษัทเอกชนที่ไม่ได้เข้าร่วมในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทเหล่านี้จะเป็นบริษัทขนาดเล็กถึงระดับกลาง ที่จะบริหารธุรกิจต่าง ๆ มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ใช้วิธีการบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะทำให้ได้มูลค่า และผลกำไรจากธุรกิจให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

หากเปรียบเทียบกับในสมัยก่อนแล้ว การทำธุรกิจนอกตลาดหลักทรัพย์นี้จะเติบโตได้ค่อนข้างช้าเลยทีเดียว เนื่องจากเหตุผลหลัก ๆ เลยคือเรื่องของการลงทุน ที่ขาดผู้สนับสนุนหรือคอนเนคชั่นดี ๆ ในการบริหารเมื่อเทียบกับธุรกิจใหญ่ ๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ในปัจจุบันนั้นกลายเป็นว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์นี้กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะด้วยความที่ผู้บริหารธุรกิจนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทเอกชน ที่ขึ้นอยู่กับตัวเอง ทำให้เกิดการบริหารด้านต่าง ๆ อย่างอิสระ และมีการเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารที่ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคุณภาพของแบรนด์ในการทำธุรกิจระยะยาวได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วยนั่นเอง

ธุรกิจในตลาดหุ้น VS ธุรกิจนอกตลาดหุ้น แบบไหนดีกว่ากัน?

ไม่ว่าจะเป็นการนำธุรกิจเข้าตลาดหุ้น หรือธุรกิจนอกตลาดหุ้นนั้น มีความแตกต่างกันที่ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว โดยความแตกต่างของทั้งสองประเภทนี้ ก็จะมีดังนี้

ธุรกิจเข้าตลาดหุ้น

1. เกิดความเชื่อมั่นในการบริหารธุรกิจ

วิเคราะห์เอกสารธุรกิจ
การนำธุรกิจเข้าตลาดหุ้น ถือเป็นการทำให้องค์กร หรือบริษัทของคุณนั้นมีความน่าเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการได้รับผู้สนับสนุน หรือนักลงทุนที่ดีด้วยนั้นก็จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้นไปด้วย ทำให้เกิดการเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจมากยิ่งขึ้น และยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการเงินของบริษัท ข้อมูลการลงทุน และยังเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่สนใจ สามารถร่วมลงทุนในบริษัทที่ต้องการได้

2. มีแหล่งระดมทุนในระยะยาว

ผลจากการเข้าร่วมในตลาดหุ้นนั้นจะส่งผลในเรื่องของการมีแหล่งระดมทุนในระยะยาว และนอกจากนี้ก็ยังให้การเติบโตของบริษัทเติบโตได้ง่ายมากยิ่งขึ้น บวกกับเรื่องของผลกำไรที่ทางบริษัทจะได้รับนั้นก็มีมากยิ่งขึ้นอีกเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในบริษัทที่จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการบริหารธุรกิจได้มากยิ่งขึ้นไปในตัวเอง

3. สามารถขยายธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว

พาร์ทเนอร์ธุรกิจ
การนำธุรกิจเข้าตลาดหุ้น จะทำให้สามารถขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการมีผู้ร่วมลงทุนที่ดี และน่าเชื่อถือที่ส่งผลให้การบริหารธุรกิจนั้นมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด อีกทั้งยังได้รับคอนเนคชั่นดี ๆ ที่สามารถส่งเสริมการดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ออกสู่ตลาดในต่างประเทศได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

4. ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี

ในเรื่องของการทำธุรกิจนั้น เรื่องของภาษีถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยผู้ที่นำเอาธุรกิจเข้าตลาดหุ้นนั้น เงินได้จากการขายหลักทรัพย์จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี และผู้มีเงินได้ที่รับเงินปันผลจากบริษัทจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

โดยผู้ที่อยู่ในประเทศไทยนั้นก็มีสิทธิที่จะไม่นำเงินปันผลนี้มาทำการคำนวณการเสียภาษีเงินได้ เฉพาะผู้ที่ไม่ขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด หรืออีกกรณีคือการนำเอาเงินปันผลมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ก็จะได้เป็นเครดิตเงินคืนในภายหลัง

ธุรกิจนอกตลาดหุ้น

1. สามารถหาผู้ร่วมลงทุน และบริหารงานได้อย่างอิสระ

การทำงานของธุรกิจนอกตลาดหุ้น
ในการทำธุรกิจนอกตลาดหุ้นนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจมักจะต้องหาผู้ลงทุนเข้ามาเพื่อทำให้ธุรกิจนั้นสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ที่เข้ามาร่วมลงทุนนั้นก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับแผนธุรกิจต่าง ๆ หรือการช่วยเหลือในเรื่องของแผนการบริหารธุรกิจนั้น ๆ มีความคล่องตัว และสามารถเติบโตได้เร็วมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการตกลงกันในเรื่องของเปอร์เซ็นต์ที่ทั้งคู่จะได้รับ

ตัวอย่างที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั้นก็จะมีในรายการ Shark Tank ที่เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ จะเข้ามาเพื่อขายไอเดีย หรือเสนอธุรกิจที่น่าสนใจ เพื่อให้เหล่าชาร์กนักลงทุนเกิดความสนใจ แย่งกันเสนอดีลลงทุน ทำให้ธุรกิจของผู้ที่ได้รับการถูกเลือกมีโอกาสในการเติบโตที่รวดเร็วได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

2. การคาดหวังผลกำไรในระยะยาว

ระยะเวลาการสร้างกำไรในธุรกิจ
ในส่วนของการคาดหวังกำไรในระยะยาวนี้จะเกิดขึ้นกับนักลงทุนที่ได้เข้ามาร่วมระดมทุน เนื่องจากธุรกิจนอกตลาดหุ้นส่วนใหญ่นั้นจะเป็นธุรกิจที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ หรืออาจมีรายได้ที่น้อย แต่เมื่อได้รับการระดมทุน หรือมีการช่วยเหลือจากนักลงทุนในการปรับแผนธุรกิจต่าง ๆ นั้น หากธุรกิจปรับโครงสร้างเสร็จตามที่ได้วางแผนไว้ สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังก็คือเรื่องของกำไรที่จะได้ในระยะยาวจากธุรกิจนี่เอง

3. มีราคามูลค่าธุรกิจ ในราคาไม่สูงเกินไป

เนื่องจากธุรกิจนอกตลาดหุ้น จะประเมินมูลค่าบริษัทจากพื้นฐานความเป็นจริง ซึ่งก็จะน้อยกว่าบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้น โดยการลงทุนแบบนี้นั้นผลตอบแทนก็จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรรายวันของนักลงทุน จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานจริงของบริษัท ซึ่งทำให้นักลงทุนหลาย ๆ คน เกิดความสนใจที่จะเข้าไปซื้อบริษัทที่ดีในราคาที่ต่ำเพื่อผลกำไรในระยะยาวเพื่อทำการเสริมศักยภาพของบริษัทนั้น ๆ ให้เติบโตขึ้น และสามารถขายออกไปได้ในราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง

ตัวอย่างบริษัทนอกตลาดหุ้น

ตัวอย่างธุรกิจนอกตลาดหุ้น
ขอขอบคุณรูปภาพ จาก opec1989.com
บริษัทนอกตลาดหุ้นที่หลาย ๆ คน จะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง หรือบริษัทเครื่องดื่มน้ำหวานขวัญใจประชาชนมาหลายสิบปีอย่าง ”เฮลซ์บลูบอย” โดยธุรกิจนี้เราก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก จนถึงเป็นวัยผู้ใหญ่ น้ำหวานแบรนด์นี้ก็อยู่กับชีวิตของเรามาโดยตลอด

ซึ่งแต่เดิมนั้นบริษัทนี้ได้เป็นบริษัทที่หลาย ๆ คน อาจมองว่าไม่น่าสามารถที่จะเติบโตขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเรื่องของการตลาดที่เห็นได้น้อยครั้งมาก ๆ เพราะไม่ค่อยมีการทำโฆษณาให้เห็นมากนัก หากเทียบกับยุคนี้ที่ไม่ว่าสินค้าอะไรก็ต้องทำโฆษณากันทุก ๆ ปี แต่ทำไมธุรกิจนี้กลายเป็นบริษัทที่สามารถเป็นธุรกิจพันล้านได้

ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัทนี้เรียกได้ว่ามีความแยบยลมาก ๆ เพราะการเล็งเห็นว่าน้ำหวานเป็นสิ่งที่ทั้งผู้คนปกติ ร้านอาหาร ร้านค้า หรือตามบริษัทต่าง ๆ จะต้องใช้ในการทำของหวาน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ชื่อของ ”เฮลซ์บลูบอย” ต้องอยู่ในช้อยส์แรก ๆ ของลูกค้าอย่างแน่นอน ถึงจะอยู่เงียบ ๆ แต่สามารถขายได้ตลอดเวลา

ข้อดีนี้เองทำให้ ”เฮลซ์บลูบอย” สามารถสร้างผลกำไรได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ซึ่งหากบริษัทนี้เข้าไปอยู่ในตลาดหุ้นบอกได้เลยว่าจะสามารถสร้างมูลค่าได้มากถึง 20,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าใครก็อยากลงทุนในธุรกิจที่เติบโตได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีผลกำไรติดต่อกันทุก ๆ ปี

นี่เป็นเพียงหนึ่งในความน่าสนใจของการทำธุรกิจนอกตลาดหุ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในปัจจุบันจึงมี SME หน้าใหม่ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะการเติบโตด้วยธุรกิจเล็ก ๆ เหล่านี้ หากว่าใครมีฝัน และอยากลงมือทำธุรกิจ SME สามารถใช้บริการสินเชื่อ SME จากธนาคารกรุงศรีได้เลย สนใจสมัครใช้บริการ คลิกตรงนี้ได้เลย

เรื่องของธุรกิจหากทำด้วยความตั้งใจจริง และได้เรียนรู้การวางแผนธุรกิจตั้งแต่เริ่ม โอกาสที่ธุรกิจเล็ก ๆ ของเราจะเติบโตเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่นอก หรือในตลาดหุ้นย่อมเกิดขึ้นได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2567 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow