ชี้เป้า! กระเป๋าแบรนด์เนมน่าลงทุนและคุ้มค่าในระยะยาว

ชี้เป้า! กระเป๋าแบรนด์เนมน่าลงทุนและคุ้มค่าในระยะยาว

By Krungsri Plearn Plearn
แฟชั่นแบรนด์เนม
อย่างที่ทราบกันดีว่ากระเป๋าแบรนด์เนมเป็นได้มากกว่าแค่แฟชั่นเพราะนอกจากความสวยงาม ความหรูหรา มีสไตล์ของไอเทมแบรนด์เนมเหล่านี้แล้ว คุณค่าอีกหนึ่งสิ่ง คือ การเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับผู้เป็นเจ้าของได้อีกด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สินค้า หรือของสะสมเหล่านี้สามารถทำกำไรได้สูงถึง 13% ในตลาดแฟชั่น และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับตัวแม่สายแฟชั่น ที่อยากเตรียมวางแผนเกษียณ ลองหันมาวางแผนลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมก็น่าสนใจไม่น้อย ได้ใช้ของที่สวยถูกใจ แถมมีมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
ลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม
เมื่อการลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมในวันนี้สามารถต่อยอด “ทำกำไรได้ในวันหน้า”

วันนี้มาลองมาศึกษาดูกันสิว่ากระเป๋าแบรนด์เนมแบบไหน? ที่สามารถลงทุนแล้วต่อยอดเพิ่มมูลค่าได้ในวันเกษียณ มาดูกัน

1. แบรนด์เนมรุ่นคลาสสิก (Classic)

หากใครกำลังเริ่มอยากลองลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรก รุ่นคลาสสิกเป็นหนึ่งทางเลือกแรกที่ทุกคนจะต้องนึกถึง ด้วยดีไซน์ที่ไม่หวือหวา สามารถใช้นานได้หลายปี ครองใจคนทุกยุคสมัยตลอดมา จึงทำให้รุ่นนี้สามารถนำหยิบไปแมทช์กับเสื้อผ้าได้ทุกโอกาส ทั้งสะพายไปทำงาน ไปเที่ยว ออกเดทกับคู่ของเรา หรือไปพบลูกค้า พูดคุยเรื่องธุรกิจก็สามารถใช้ง่าย ๆ ได้ทุกวัน

ถ้าเราลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นคลาสสิก อาจมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต ที่เมื่อนำกระเป๋าออกขายสู่ตลาดแฟชั่นนอกจากจะได้ทุนคืนแล้ว เผลอ ๆ ยังได้กำไรกลับมาอีกด้วยนะ

2. แบรนด์เนมรุ่นฮิต (Popular)

ในส่วนของกระเป๋าแบรนด์เนมที่เป็นรุ่นฮิต ส่วนใหญ่มักจะออกคอลเลกชันใหม่ ๆ มาให้เราเห็นกันอยู่เรื่อย ๆ ตามเทรนด์ ความนิยม หรือความต้องการของกลุ่มลูกค้าในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งผู้ที่ซื้อก็จะเป็นประเภทที่เน้นซื้อมา-ขายไป หากซื้อมาถือในระยะยาวเมื่อเวลาผ่านไปอยากขายต่อ ราคาอาจตก จนถึงขั้นขายไม่ออกก็เป็นได้ หากอยากถือเก็งกำไร อาจต้องเป็นรุ่นหายากจริง ๆ ถึงจะเก็งกำไรได้คุ้มค่ากับเงินลงทุน และเวลาที่เสียไป

3. แบรนด์เนมรุ่นลิมิติด (Limited)

ประเภทถัดมาเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ด ด้วยความหายากของกระเป๋าประเภทนี้จึงทำให้กระเป๋าที่ผลิตออกมามีจำนวนจำกัด ก็ไม่แปลกที่ราคากระเป๋าจะปรับตัวขึ้นสูงมากตามไปด้วย ดังนั้นคนในแวดวงนักสะสมกระเป๋าจะเน้นเก็งกำไรในระยะยาว เพราะเมื่อเวลาผ่านไปจากราคาตอนเปิดตัวสินค้าที่เราเคยเห็น วันต่อมาอาจจะขึ้นสูงลิ่วไปแล้วก็ได้ ยิ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ราคาก็อัปขึ้นไปได้อีก

4. แบรนด์เนมรุ่นวินเทจ (Vintage)

มาถึงประเภทสุดท้ายกันแล้วสำหรับรุ่นวินเทจ กระเป๋าประเภทนี้มักจะมีช่วงเวลาขึ้น-ลง บางช่วงก็มีราคาขึ้นสูง บางช่วงก็มีราคาตกลงไป ทำให้ผู้ที่สนใจจะลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นวินเทจจะต้องคอยศึกษาข้อมูล และติดตามเทรนด์อยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากใครมีความชอบแนวนี้ หรือสินค้าแบรนด์เนมที่เป็นแรร์ไอเทมอยู่แล้ว ควรรีบจัดเลยไม่ต้องลังเล เพราะหากรุ่นที่เราเล็งไว้ติดเทรนด์ขึ้นอาจขายดีจนหาซื้อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทำให้พลาดโอกาสทำกำไรไปอย่างน่าเสียดาย

เป็นอย่างไรกันบ้าง…อ่านมาถึงตรงนี้ได้ทำความรู้จักกับประเภทแบรนด์เนมมาทั้ง 4 ประเภทแล้ว ลองมาดูลิสต์กระเป๋าแบรนด์เนมที่น่าลงทุนไว้เก็งกำไรก่อนวัยเกษียณในปี 2023 กันดีกว่าว่ามีใบไหนที่น่าสนใจบ้าง
Hermes Birkin
ขอบคุณรูปภาพจาก : Hermes.com

1. Hermes Birkin Togo

เริ่มที่ใบแรก Hermes Birkin Bag กระเป๋าสีส้มหนังสวย ถ้าเรื่องความหายากต้องยกให้ แต่ละซีซันทำออกมาเพียงไม่กี่ใบ จากปี 1980 ที่มีราคาประมาณ 60,000 บาท ปัจจุบันค่าตัวของกระเป๋า Hermes Birkin Togo 35 cm. ขยับพุ่งไปอยู่ที่ประมาณ 355,000 บาทแล้ว (ข้อมูลจาก collectingluxury.com) นับได้ว่าหากใครได้ซื้อกระเป๋าใบนี้เก็บเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่ฮิต และต้องการปล่อยขายตอนนี้ คุณจะได้กำไรกลับไปอย่างงามเลยล่ะ
Celine Ava Bag
ขอบคุณรูปภาพจาก : Celine.com

2. Celine Ava Bag

ใบถัดมากระเป๋าสะพายข้างแบรนด์สุดฮิตอย่าง กระเป๋า Celine รุ่น Ava Bag ที่นักร้องดังลิซ่า จากวง Blackpink ได้ใช้สะพายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ด้วยความที่ดีไซน์ของกระเป๋ามีความวินเทจ หรูหรา และทันสมัยอยู่ในใบเดียวกัน ทำให้ไม่ว่าเราจะแมทช์กับชุดอะไรก็สามารถเข้าได้กับทุกลุค ซึ่งราคาเปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 39,500 บาท (ข้อมูลจาก wongnai.com) ในระยะเวลา 3 ปี มูลค่าของสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาของกระเป๋ารุ่นนี้กระโดดไป ที่ 61,000 บาทแล้ว กลายเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าซื้อเก็บสะสมไว้ทำกำไรอีกเช่นกัน
Chanel Classic
ขอบคุณรูปภาพจาก : Chanel.com

3. Chanel Classic Flap Bag

และมาถึงกระเป๋าน่าลงทุนใบสุดท้ายกับ Chanel Classic Flap Bag กระเป๋าในฝันที่สาว ๆ หลายคนอยากมีไว้ครอบครองก่อนวัยเกษียณ เพราะนอกจากความคลาสสิก และความสวยหรูของดีไซน์แล้ว มูลค่าของแบรนด์ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับเพิ่มราคาของกระเป๋าในทุก ๆ ปี หากใครได้เป็นเจ้าของกระเป๋าใบนี้ การันตีได้เลยว่าคุณจะได้รับผลกำไรตอบแทนในอนาคตอย่างแน่นอน

เมื่อปี ค.ศ. 1955 กระเป๋า Chanel Classic Flap Bag ได้ถูกนำขายสู่ท้องตลาดในราคาประมาณ 220 USD เท่านั้น หรือ 7,638 บาท (ข้อมูลจาก stylecaster.com)

ปัจจุบันราคาของกระเป๋า Chanel Classic Flap Bag ได้กระโดดไปถึง 365,000 บาท (ข้อมูลจาก praew.com) ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า “ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร มูลค่าของแบรนด์ และความนิยมนั้น ไม่เคยเสื่อมถอยไม่ตามยุค และกาลเวลา” นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นนี้ถึงได้ประสบความสำเร็จตลอดมา
เมื่อมีความสุขกับสิ่งที่ชอบแล้ว ได้ซื้อมาขายไปจนทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว อีกเรื่องที่สายแฟชั่นตัวแม่วางแผนเกษียณต้องประเมินด้วย คือ เกษียณอายุต้องมีเงินเท่าไหร่?

วิธีคำนวณเงินเกษียณอายุทำได้ง่าย ๆ ตามนี้เลย

เกษียณต้องมีเงินเท่าไหร่? = ภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 12 เดือน x อายุขัยหลังเกษียณ x 2 เท่า (ข้อมูลจาก : krungsri.com)

จะมีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่ท่ามกลางแฟชั่นที่ชอบกับการได้ลงทุนในสิ่งที่รัก กระเป๋าแบรนด์เนมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาวเพื่อเก็งกำไร เป็นรายได้อีกหนึ่งทางเพื่อต่อยอดการวางแผนหลังเกษียณตามสไตล์ตัวแม่สายแฟชั่น
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา