8 กลยุทธ์ช่วยธุรกิจเติบโตทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

8 กลยุทธ์ช่วยธุรกิจเติบโตทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

By Krungsri Guru

“เศรษฐกิจแย่จังเลย” “ขายของไม่ดีเลยทำยังไงดี?” คำถามเหล่านี้คงอยู่ในใจผู้ประกอบการหลายต่อหลายคนทั้งรายเล็ก รายใหญ่ เพราะภาวะเศรษฐกิจนั้นมักจะไม่แน่นนอน หากเราต้องพบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเราจะทำอย่างไรดี? เราจะประคับประคองธุรกิจอย่างไรยามเศรษฐกิจไม่ดี มีกลยุทธ์อะไรบ้างที่จะช่วยธุรกิจของเราให้เติบโตได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ? ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ

กลยุทธ์ที่ 1 “ลงทุนน้อย ให้ได้กำไรมาก”

การลงทุนน้อยๆ ให้ได้กำไรมากๆ นั้นเป็นศิลปะของการทำธุรกิจ วิธีการเหล่านี้มีมานานตั้งแต่อดีต สมัยโบราณมาแล้วครับ เวลาที่สองเมืองรบพุ่งกันวิธีการที่จะชนะโดยเสียเสบียงไพร่พลให้น้อยที่สุดจะถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด มาถึงยุคปัจจุบันการทำตลาดด้วยการลงทุนน้อยๆ แต่ให้ได้ผลมากๆ ก็ได้แก่ การทำตลาดผ่าน social network เพราะในปัจจุบันตัวเลขของลูกค้าที่หันมาใช้โทรศัพท์มือถือ smart phone หรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆ เริ่มมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การทำตลาดต้นทุนสูงๆ ในระบบเดิมๆ อาจจะหมดไปในอนาคตครับ ถ้าหากผู้ประกอบการทำได้ถูกจุด-ถูกทาง ก็จะเกิดแรงกระเพื่อมมหาศาล และทำให้สามารถเพิ่มยอดสินค้า-บริการของเราได้แม้ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง

กลยุทธ์ที่ 2 “ปรับปรุงคุณภาพสินค้าอย่างสม่ำเสมอ”

ในยามที่เศรษฐกิจดี เจริญรุ่งเรือง ผู้ประกอบการอาจต้องใช้เวลาแทบจะทั้งหมดไปกับการผลิตสินค้าให้ทันความต้องการของลูกค้า แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ เวลาที่ใช้ในการผลิตลดลง ก็จะเปิดอีกโอกาสหนึ่งให้ผู้ประกอบการได้หันมาพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพสินค้า ปรับปรุงระบบการผลิตให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอครับ เพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะมาถึงเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง แทนที่ผู้ประกอบการจะเครียดกับยอดขายที่ปรับตัวลง ควรใช้เวลาหันมาปรับปรุงสินค้า-บริการของเราให้ดีอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า เมื่อภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีดังเดิมผุ้ที่พร้อมกว่าจึงจะได้รับชัยชนะ นี่ก็คือหนึ่งในกลยุทธ์สำหรับการทำธุรกิจได้ทุกช่วงเวลาครับ

กลยุทธ์ที่ 3 “ขายให้ถูกช่วงเวลา”

ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ บางครั้งการขายสินค้าที่ไม่เหมาะกับกาลเวลา- ไม่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลาก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจของเรา “สะดุด” เอาง่ายๆ ครับ หากเกิดภาวะที่ฝืดเคือง ผู้ประกอบการอาจจะหันมาทำสินค้าประเภท “ประหยัดเงินในกระเป๋าของลูกค้า” มากขึ้น และลดสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยลงเพื่อให้เข้ากับภาวะโดยภาพรวม และหากเศรษฐกิจกลับมาดีอีกครั้งเราก็สามารถปรับเปลี่ยนในทิศทางที่เหมาะกับช่วงเวลาได้ครับ

กลยุทธ์ที่ 4 “สงบสยบความเคลื่อนไหว”

กลยุทธ์นี้ว่าที่จริงก็มีมาช้านานเช่นกัน เมื่อเกิดสภาวะที่ไม่ดีตลาดฝืดเคือง การขยับขยายอะไรเกินตัวก็อาจทำให้กิจการถึงขั้นหายนะได้ บางทีการอยู่นิ่งๆ เพื่อให้พายุผ่านไปก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่ดี ในสมัยโบราณ “แม่ทัพ” ที่ถอดใจไปก่อนจะสำเร็จการใหญ่ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ความอดทน หรือการสงบสยบความเคลื่อนไหว ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ดี และไม่ควรมองข้ามยามจำเป็นนะครับ

กลยุทธ์ที่ 5 “สะสมกำลังเสบียงให้พร้อม”

ผู้ประกอบการอย่างไรบางที่ก็ไม่มีทางรู้ว่าเศรษฐกิจฝืดเคืองจะกลับมาเมื่อไร แต่การเตรียมพร้อม เก็บเสบียงคลังไว้ใช้ยามฉุกเฉินนั้นจะช่วย “ผ่อนหนักให้เป็นเบา” ได้ครับ เสบียงคลังดังกล่าว ได้แก่ กำไรสะสม เครดิตการค้า แม้แต่ทรัพยากรมนุษย์ กำลังพลก็ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมให้พร้อมเช่นกันครับ

กลยุทธ์ที่ 6 “การวิจัย และพัฒนา”

ธุรกิจใดที่หยุดนิ่งเท่ากับธุรกิจนั้นเริ่มนับถอยหลัง การวิจัยและพัฒนาจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงเวลาปกติ และช่วงเวลาที่มีวิกฤตเศรษฐกิจครับ ผู้ประกอบการที่ดีไม่ควรหยุดนิ่ง ควรหมั่นทำการวิจัย และพัฒนา สินค้า และบริการให้ดีอย่างสม่ำเสมอครับ

กลยุทธ์ที่ 7 “กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า”

ยิ่งเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เรายิ่งต้องใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น แม้ในยามที่ลูกค้าอาจไม่มีกำลังจับจ่ายสินค้าของเราแต่หากเราดูแล หมั่นกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อใดที่เศรษฐกิจกลับมาดีลูกค้าก็จะกลับมาหาเรา นึกถึงเราก่อนคู่แข่งนั่นเองครับ

กลยุทธ์ที่ 8 “เตรียมตัวให้พร้อมทุกสถานการณ์”

กลยุทธ์สุดท้ายคือการรวมเอาทุกกลยุทธ์ข้างต้นเข้าด้วยกัน ทั้งการดูแลความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า การเตรียมเสบียงให้พร้อม การวิจัย และพัฒนา การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะกับสภาพที่เป็นไปของเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ประกอบการมีความพร้อม “เตรียมตัวพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์” ไม่พลาดพลั้งยามเกิดวิกฤต และสามารถคว้าโอกาสได้ยามที่ทุกอย่างกลับมาดีดังเดิมอีกครั้งครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา