5 เว็บขายของมือสองยอดฮิต ที่ใคร ๆ ก็กดซื้อ

5 เว็บขายของมือสองยอดฮิต ที่ใคร ๆ ก็กดซื้อ

By Krungsri Society
ข้าวของเต็มบ้าน เสื้อผ้าเต็มตู้ ถ้วยแก้วจานชามที่ซื้อมามากมาย สภาพยังดีอยู่จะทิ้งก็เสียดาย งั้นเอามาขายมือสองสร้างรายได้กันดีกว่า ถ้าหากใครยังคิดไม่ออกว่าจะขายของมือสองหรือขายเสื้อผ้ามือสองที่ไหนดี เรามี 5 เว็บขายของออนไลน์ที่สามารถนำของมือสองไปขายได้ง่าย ๆ ตามนี้เลย

1. Kaidee.com


เว็บขายของมือสองยอดฮิตที่ติด 1 ใน 10 เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในไทย หลายคนอาจจะสับสนเพราะว่าเว็บนี้มีหลายชื่อ ตั้งแต่ Dealfish จนถึง OLX แต่จริง ๆ ก็คือเว็บไซต์เดียวกันนั่นแหละ ถ้าอยากขาย ก็โพสต์ขายได้ฟรี‎ เพียงใส่รูปสินค้า กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แค่นี้ก็โพสต์ลงขายได้แล้ว ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายเสื้อผ้ามือสองที่ไหนดี

2. Pantipmarket.com


ตลาดพันทิป เว็บขายของมือสองที่หลายคนคุ้นเคย เปิดโอกาสให้ทุกคนลงประกาศขายของได้ฟรี มีครบทุกหมวดหมู่สินค้าบนโลก และยังแยกพื้นที่เป็นจังหวัดเพื่อความสะดวกในการรับส่งสินค้าของผู้ขายและผู้ซื้ออีกด้วย

3. Kapook.com


ตลาดกระปุกดอทคอม อีกหนึ่งเว็บขายของมือสองออนไลน์ Kapook Market ที่มาภายใต้คอนเซปต์ “ซื้อง่าย ขายคล่อง ของเพียบ” ที่ให้ลงประกาศขายของได้ฟรีเช่นกัน ความโดดเด่นของตลาดกระปุกคือ แคตตาล็อกบนหน้าเว็บไซต์มีความสวยงาม ข้อมูลสินค้าก็หาดูได้ง่าย

4. Instagram


อินสตาแกรมก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่หลายคนเลือกใช้เป็นที่ขายข้าวของที่ไม่ได้ใช้แล้ว ทั้งของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของตกแต่งกระจุกกระจิกมากมาย โดยสามารถติด Hashtag เพื่อจัดหมวดหมู่และกระจายรูปสินค้าของคุณไปยังคนที่สนใจได้ แถมยังสามารถติดต่อซื้อขายผ่านคอมเมนต์ได้โดยตรง นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างแอคเคานต์ที่เป็นร้านค้าโดยเฉพาะเพื่อยึดทำเป็นธุรกิจเสริมไปเลยก็ได้

5. Facebook


ถ้าใครยังไม่รู้ว่าขายเสื้อผ้ามือสองที่ไหนดี เฟซบุ๊กของตัวเองนี่แหละ เป็นพื้นที่ขายของที่ง่ายที่สุด เรามีพื้นที่โฆษณาส่วนตัว จะลงรูปเยอะแค่ไหนก็ได้ ข้อมูลจะยาวเท่าไหร่ก็ได้ หลัก ๆ แล้วเริ่มต้นจากเพื่อขายให้กับคนรู้จักโดยเฉพาะ จึงสามารถไว้ใจซึ่งกันและกันได้ทั้งคนขายและคนซื้อ แต่ในปัจจุบัน คุณจะเปิดอีกแอคเคานต์หนึ่งไว้สำหรับเป็นร้านค้าโดยเฉพาะก็ทำได้ จะได้แยกระหว่างธุรกิจกับชีวิตส่วนตัว
จริง ๆ แล้ว เว็บขายของมือสองแต่ละเว็บไซต์ก็มีความคล้ายคลึงกัน อย่าง kaidee.com, pantipmarket และ kapook.com เป็นเว็บไซต์ขายของแบบเปิด คนซื้อ คนขาย ทุกรูปแบบ ทุกประเภทสินค้ารวมกันอยู่ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ประเภทนี้จึงเหมาะกับสินค้าที่ต้องการขายด่วน หรือสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องคุยรายละเอียดในตัวสินค้ากันมาก เช่น เสื้อผ้า ที่เห็นรูปแล้วสามารถตัดสินใจซื้อได้เลยหลังจากมีการสอบถามเกี่ยวกับสภาพของสินค้าเล็กน้อย ส่วน Facebook และ Instagram เหมาะกับสินค้าประเภทที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือของทั้งคนซื้อและคนขายก่อนตัดสินใจซื้อ และเป็นสินค้าที่ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อ เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป สมมติว่า คุณมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่อยากขาย ถ้าคุณต้องการขายด่วน ก็ควรไปเลือกลงประกาศขายในเว็บไซต์ขายของมือสองทั่วไปเพราะมีคนซื้อจำนวนมากจากทั่วประเทศ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ความน่าเชื่อถืออาจมีน้อยกว่าการลงขายใน Facebook หรือ Instagram ส่วนตัว เพราะคุณสามารถขายให้กับคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว อีกทั้งคนซื้อก็ยังตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานของสินค้าที่คุณต้องการขายได้ และสามารถสอบถามรายละเอียดของสินค้าได้แบบลึกซึ้งอีกด้วย ลองเลือกความต้องการของคุณให้ดีก่อนลงขายเพื่อที่จะขายของมือสองได้แบบง่ายและสบายใจที่สุด (ลองอ่านบทความการปรับตัวของธุรกิจ SME ในยุค Mobile First กันเป็นแนวทางเพิ่มเติมก็ได้นะจ๊ะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2564 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow