เมื่อพูดถึง Pop Culture หรือความนิยมที่สังคมช่วงนั้น ๆ ให้ความสนใจ เช่น ความชื่นชอบ ทัศนคติ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั่วโลกให้ความสนใจในหลาย ๆ เรื่อง เช่น Pop Culture ด้านแฟชั่น ศิลปะทุกแขนง หรือแม้แต่เรื่องของความบันเทิงต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ซีรีส์ แอนิเมชั่น หรือภาพยนตร์ รวมไปถึงผลงานเพลงก็เป็นส่วนหนึ่งของ Pop Culture
หากเป็นเมื่อก่อนแน่นอนว่าเรื่องของ Pop Culture ในโลกของความบันเทิงก็จะหนีไม่พ้นกับเนื้อเรื่องแบบเดิม ๆ ที่จะต้องมีนางเอกเป็นผู้หญิง และมีพระเอกเป็นผู้ชาย เพราะในตอนนั้นยังไม่มีการเปิดรับ และยังไม่มีการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องของ
กลุ่ม LGBTQ หรือเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับในปัจจุบันกลุ่ม LGBTQ เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลาย ๆ ด้านของการใช้ชีวิตอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะเรื่องของ Pop Culture หรือสื่อบันเทิงต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างในเรื่องของการยอมรับ
ความเท่าเทียมทางเพศมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะ
ซีรีส์วาย (เนื้อหาแบบผู้ชายปลื้มผู้ชาย) และซีรีส์ยูริ (เนื้อหาแบบผู้หญิงปลื้มผู้หญิง) ที่จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของคนเพศเดียวกันออกมาให้เราได้รับชม และในประเทศไทยก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ผลิตสื่อแนวนี้ออกมาได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ตัวอย่างเช่น ซีรีส์วายไทยเรื่อง แปลรักฉันด้วยใจเธอ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก mpics.mgronline.com
สำหรับซีรีส์วายเรื่องนี้ก็เป็นซีรีส์ที่ได้รับผลตอบรับดีมาก ๆ ในแถบเอเชียของเรา นำแสดงโดย บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ และ พีพี-กฤษฏ์ ที่เข้ามาสร้างความทรงจำให้เรื่องนี้ดูมีความหมายมากยิ่งขึ้น โดยเรื่องราวก็จะเล่าเกี่ยวกับการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของ “เต๋” (บิวกิ้น) และ “โอ้เอ๋ว” (พีพี) ที่เขาทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันในสมัยเด็ก และทั้งคู่ต้องเข้ามากวดวิชาภาษาจีนเพื่อที่จะเข้าไปแอดมิชชั่นให้ติดคณะนิเทศศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน จึงทำให้เขาทั้งคู่กลายมาเป็นคู่แข่งกันอีกครั้ง
แต่กลายเป็นว่าการแข่งขันครั้งนี้ทำให้เขาทั้งคู่รู้จักกันและกันมากยิ่งขึ้น และทำให้ได้รับความรู้สึกใหม่ ๆ ที่ทั้งคู่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ซึ่งหากใครที่ได้ติดตามดูเรื่องนี้แล้วก็จะเห็นได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เริ่มจากความเป็นมิตร และเปลี่ยนมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจนั้นเริ่มหายไปเมื่อทั้งคู่ได้เรียนรู้กันและกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะเล่าถึงเขาทั้งคู่เพียงสองคนเท่านั้น แต่ก็ยังมีตัวละครผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ร่วมด้วย
ในส่วนนี้เองที่ทำให้เราได้เห็นว่าการดำเนินเรื่องในปัจจุบันมีความแตกต่างกับสมัยก่อนมาก ๆ เพราะมันไม่ได้จำเป็นว่านางเอกจะต้องเป็นผู้หญิงเสมอไป
และคนทุกเพศก็มีสิทธิที่จะเลือกรักได้อย่างอิสระไม่เว้นแม้แต่เพศเดียวกัน และทำให้เราได้เห็นถึงการเสียสละครั้งสำคัญที่ทำให้ตัวละครเอกในเรื่องนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น จนเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับไปทั่วเอเชียเลยนั่นเอง
วันนี้เลยอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 ตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของ LGBTQ ผ่านมุมมองของความบันเทิงจะมีตัวละครไหน? ที่ผ่านตาเรามาบ้าง มาดูกัน
1. Alisha Hawthrone จากภาพยนตร์แอนิเมชั่น Lightyear
ขอขอบคุณรูปภาพจาก brighttv.co.th
สำหรับตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครเลสเบี้ยน เป็นผู้บังคับบัญชาของพระเอก Buzz Lightyear ที่เป็นหนึ่งในเพศของ
กลุ่ม LGBTQ ด้วยเหมือนกัน จากเนื้อหาของประวัติตัวละครที่กล่าวมาจะส่งผลให้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ถูกแบนจากหลาย ๆ ประเทศไม่ให้เข้าฉาย แต่ก็ทำให้เราได้เห็นว่า
Disney เริ่มมีความเปิดกว้างในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะฉากนี้ที่จริงแล้วจะต้องถูกตัดออกเพราะมีเนื้อหาล่อแหลมในการแสดงความรักก่อนออกไปทำภารกิจกับ Buzz Lightyear แต่ทีมงานหลาย ๆ คนเห็นว่าฉากนี้มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักจึงเอามาใส่ไว้เช่นเดิม ถึงแม้จะโดนต่อต้านเพราะมีฉากแสดงความรักของกลุ่ม LGBTQ ก็ตาม
2. Ethan จากภาพยนตร์แอนิเมชั่น Strange World
ขอขอบคุณรูปภาพจาก imgix.bustle.com
ตัวละคร Ethan หนุ่มน้อยวัย 16 ปี จากเรื่อง Strange World ที่เป็นแอนิเมชั่นแฟนตาซีที่พูดถึงกลุ่ม LGBTQ เรื่องแรกจากทาง
Disney โดยเนื้อเรื่องของเราจะเริ่มต้นในการผจญภัยไปกับเพื่อนสนิทไปในแดนลึกลับที่ยิ่งเวลาผ่านไปหนุ่มน้อย Ethan กลับตกหลุมรักเพื่อนสนิทเข้าไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องนี้จะพาผู้ชมเข้าไปร่วมค้นหาตัวตนที่แท้จริงของชีวิตกลุ่ม LGBTQ ที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และครอบครัว
ถ้าหากใครที่กำลังอยู่ในวัยค้นหาตัวตน แอนิเมชั่นแฟนตาซีเรื่องนี้จะทำให้คุณได้พบกับคำตอบที่เฝ้ารออย่างแน่นอน
3. Eric Effiong จากซีรีส์ Sex Education
ขอขอบคุณรูปภาพจาก media.npr.org
ตัวละคร Eric Effiong เป็นตัวละครที่บอกได้เลยว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในซีรีส์ Sex Education เขานั้นเป็นคนที่แสดงออกอย่างเปิดเผยทั้งที่โรงเรียน และที่สาธารณะเลยว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นเกย์อย่างเต็มตัว แต่เมื่ออยู่ในบ้านแล้วเขานั้นกลับต้องปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้เพราะบ้านของเขาเคร่งครัดในเรื่องของศาสนาเป็นอย่างมาก แต่หากได้ดูกันต่อในภาคที่ 2 และ 3 ก็จะเห็นว่าครอบครัวเริ่มที่จะเปิดรับความเป็นตัวตนของเขามากยิ่งขึ้น
ทำให้เขากล้าแสดงจุดยืนของตัวเองรวมถึงสามารถที่จะเป็นในแบบที่ตัวเองชอบได้อย่างอิสระในที่สุด ตัวละครนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เพิ่มความกล้าให้กลุ่ม LGBTQ เป็นตัวของตัวเองได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
4. มาฮยอนอี จากซีรีส์ Itaewon Class
ขอขอบคุณรูปภาพจาก adaymagazine.com
ตัวละคร มาฮยอนอี เป็นละครที่บอกเล่าถึงความเป็น LGBTQ ได้เป็นอย่างมาก จากซีรีส์ของฝั่งเกาหลีซึ่งเธอนั้นก็เป็น Transgender ที่แน่นอนว่าในประเทศเกาหลีเอง เรื่องของการเป็นคนข้ามเพศ หรือการแสดงออกในความเท่าเทียมทางเพศนั้นยังไม่ได้เปิดกว้างเท่าที่ควร และเธอคนนี้ก็ยังพิสูจน์ตัวเองในเรื่องอีกว่าการ Transgender นั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แถมยังสามารถที่จะทำสิ่งที่ตนเองรักออกมาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทำให้ตัวละครนี้เป็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างในช่วงที่ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ได้ออกอากาศเป็นตัวอย่างของความเป็น LGBTQ ในหลาย ๆ ครั้ง นับว่าเป็นซีรีส์เกาหลีน่าดูอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถสื่อสารความหลากหลายทางเพศออกมาได้ดีเลยทีเดียว
5. Oberyn Martell จากซีรีส์ Game of Thrones
ขอขอบคุณรูปภาพจาก imagesvc.meredithcorp.io
ตัวละคร Oberyn Martell จากซีรีส์ Game of Thrones เป็นตัวละครที่หากได้ยินชื่อแล้วใครที่เคยดูเรื่องนี้ก็จะรู้กันดีว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความโชกโชน และเสเพลเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดการนองเลือดขึ้น และยังว่ากันว่าเขาคนนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์เฉพาะกับผู้หญิงแต่เพียงอย่างเดียว แต่กับผู้ชายก็เช่นเดียวกัน
ตัวละครนี้จึงทำให้เราได้รู้ว่านอกจากการคบหา หรือความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ชายชาย หรือหญิงหญิง แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้แสดงให้เราได้เห็นเกี่ยวกับตัวละครนี้นั้นก็คือ ความเป็น Bisexsual ของ Oberyn Martell นั่นเอง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก imagesvc.meredithcorp.io
ซี่งทั้ง 5 ตัวละครที่ได้พูดถึงนี้ก็จะมีบางตัวละครที่เป็นตัวประกอบ และบางตัวละครที่มีบทบาทโดดเด่นอยู่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เรื่องสื่อต่าง ๆ เริ่มเข้าถึงความเป็น LGBTQ มากขึ้นทุกวัน ๆ สื่อให้เห็นถึง
ความเท่าเทียมทางเพศที่ไม่ควรมองว่า คนที่สวย และน่ารักจะต้องเป็นนางเอก หรือเจ้าหญิง คนที่หล่อ และฉลาดจะต้องเป็นพระเอก หรือเจ้าชาย เสมอไป
เพราะนี่คือปี 2023 ปีแห่งการเปลี่ยนโลกใหม่ที่จะทำให้ LGBTQ สามารถเข้ามาสู่ Pop Culture เป็นตัวเอกในโลกบันเทิงได้แล้วนั่นเอง