เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
เวลาพ่อแม่จะเลือกซื้อของเล่นให้ลูกก็อยากให้เป็นของเล่นที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมพัฒนาซึ่งเดี๋ยวนี้ของเล่นเด็กส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าเป็นของเล่นเด็กช่วยเสริมพัฒนาการ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าของเล่นชิ้นนั้น ๆ ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกเราได้จริง ๆ หรือเหมาะสมกับวัยไหม เพราะหากเลือกซื้อของเล่นเสริมพัฒนาการที่ไม่ตรงกับวัย เด็ก ๆ เล่นไปก็อาจจะไม่ช่วยเสริมพัฒนาการได้ตรงจุดหรือได้ประโยชน์จากของเล่นอย่างเต็มที่
เลือกของเล่นเสริมพัฒนาการอย่างไร ให้ตรงวัย
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก คือ ความเหมาะสมกับอายุและระดับพัฒนาการของเด็ก ตัวอย่างเช่น ของเล่นสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีจะต้องมีความปลอดภัยและไม่มีส่วนประกอบที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อเด็ก ในขณะที่เด็กที่มีอายุมากขึ้นอาจมีความสนใจในของเล่นที่ท้าทายและส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น บล็อกสร้างสรรค์หรือเกมที่ใช้สมอง
การเลือกของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กยังต้องคำนึงถึงคุณค่าการเรียนรู้และพัฒนาการที่ได้จากการเล่น ซึ่งของเล่นบางชนิดอาจมีการสร้างความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มทักษะการแก้ปัญหา ในขณะที่ของเล่นอีกชนิดอาจส่งเสริมการสื่อสารและความสัมพันธ์กับผู้อื่น ดังนั้นเราควรเลือกของเล่นเด็กที่สอดคล้องกับช่วงอายุของเด็กเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการเล่น
ของเล่นเสริมพัฒนาการ ช่วงวัย 0-6 เดือน
เด็กช่วงวัย 0-6 เดือน จะชอบมองของที่มีสีสันและของที่เคลื่อนไหวช้า ๆ และเริ่มเรียนรู้ผ่านการสัมผัสสิ่งรอบตัวด้วยมือและปาก ดังนั้นของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัยนี้ จะเป็นของเล่นที่กระตุ้นการมองเห็น กับการใช้มือและปาก และอีกอย่างที่ควรเสริมพัฒนาการในช่วงวัยนี้คือการฟังเสียง เช่น โมบายล์ที่สามารถกดเพื่อเปิดเสียงต่าง ๆ ได้ หรือเสียงเครื่องดนตรีที่นุ่มนวล เป็นต้น
ของเล่นเสริมพัฒนาการ ช่วงวัย 7-12 เดือน
เด็กช่วงวัย 7-12 เดือนจะเริ่มเคลื่อนไหวได้มากขึ้น และเริ่มมีพัฒนาการด้านภาษา ของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะกับช่วงวัยนี้ยังคงเน้นการกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสในด้านต่าง ๆ แต่มีความซ้อนมากขึ้น ส่งเสริมการใช้ใช้กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว และขาดไม่ได้กลับการเริ่มเสริมสร้างพัฒนาการด้านภาษา เช่น ของเล่นที่มีเสียง และมีการเปลี่ยนเสียงเมื่อกด
ของเล่นเสริมพัฒนาการ ช่วงวัย 1-2 ปี
เด็กช่วงวัย 1-2 ปี เริ่มพัฒนาในด้านกล้ามเนื้อ การทรงตัว และภาษา ของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะกับช่วงวัยนี้จึงจะเน้นไปในด้านการเสริมสร้างพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อ การฝึกการทรงตัว ส่งเสริมการใช้มือและสายตาร่วมกัน และไม่ลืมที่จะเสริมทักษะด้านภาษาที่ซับซ้อนขึ้น เช่น บล็อกสำหรับการสร้างและเรียงลำดับ
ของเล่นเสริมพัฒนาการ ช่วงวัย 2-3 ปี
เด็กช่วงวัย 2-3 ปี เป็นช่วงวัยที่ต้องเตรียมตัวเข้าโรงเรียนอนุบาล ของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะกับช่วงวัยนี้จะเป็นของที่เสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น และเสริมสร้างพัฒนาการในการเข้าสังคม การแก้ปัญหา โดยไม่ลืมที่จะพัฒนาในด้านภาษาที่เน้นการใช้สื่อสารมากขึ้น เช่น ของเล่นที่ต้องเล่นร่วมกับเด็กคนอื่น ทำให้เกิดการสื่อสารและแก้ไขปัญหาในการเล่น
ของเล่นเสริมพัฒนาการ ช่วงวัย 4-6 ปี
เด็กช่วงวัย 4-6 ปี เป็นช่วงวัยที่ปฏิสัมพันธ์กับคนนอกบ้านมากขึ้น ของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะกับช่วงวัยนี้จะเน้นไปในการเสริมสร้างพัฒนาการในด้ายนความคิดจินตนาการ และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็ยังต้องเสริมพัฒนาการในด้านการใช้กล้ามเนื้อด้วย เช่น ของเล่นที่ใช้ในการสร้างโลกแห่งจินตนาการ เพื่อให้เด็กสามารถแสดงออกเกี่ยวกับความคิดที่สร้างสรรค์ของตนเองได้
เล่นอย่างไรให้ลูกสนุก พ่อแม่สบายใจ
หลังจากรู้วิธีการเลือกของเล่นเสริมพัฒนาการแล้ว แต่มีอีกเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ผลิตของเล่นที่ต้องเป็นมิตรกับเด็ก สีที่ใช้บนตัวของเล่นก็ต้องไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายกับเด็ก และคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูลูกตลอดเวลาที่ให้ลูกเล่นของเล่นเพราะเด็กเล็กมีโอกาสที่จะนำของเล่นเข้าปาก หรือสะดุดหกล้มได้รับบาดเจ็บ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นจริง ๆ คุณพ่อคุณแม่จะเบาใจได้เมื่อมีประกันอุบัติเหตุ
ลูกเล่นสนุก พ่อแม่สบายใจ กับตัวช่วยจากกรุงศรี
กรุงศรีประกันอุบัติเหตุตามใจ
- ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ สูงสุด 1 แสนบาท ต่อครั้ง
- ไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษาที่รพ.ในเครือข่าย
- “ซื้อปุ๊บ คุ้มครองทันที” ซื้อง่ายมาก ที่ KMA krungsri app หรือที่ ธ.กรุงศรี ทุกสาขา
- ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุ สูงสุด 1 ล้านบาท
- ค่าเบี้ยประกัน ไม่ถึง 7 บาทต่อวัน
การมีประกันอุบัติเหตุก็ช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับลูกจริง ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าจะไปโรงพยาบาลไหนดี ค่ารักษาแพงมั้ย มีสิทธิ์บัตรทองหรือเปล่า ใกล้โรงพยาบาลไหนไปได้เลยทันที หรือเราสามารถเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับการรักษาเร็วที่สุด เพราะเด็กเล็กเป็นวัยที่กำลังโต และมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด ทำให้เด็กน้อยจะมีความซุกซนอยู่ตลอดเวลา อุบัติเหตุจากการเล่นหรือการเรียนรู้ตามวัยของลูกสามารถเกิดได้ทุกที่ ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน