กองทุนรวมปันผล VS ไม่ปันผล เลือกแบบไหนดี บทความนี้มีคำตอบ
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

กองทุนรวมปันผล VS ไม่ปันผล เลือกแบบไหนดี บทความนี้มีคำตอบ

icon-access-time Posted On 31 พฤษภาคม 2568
By Krungsri The COACH
เมื่อพูดถึงการลงทุน “กองทุนรวม” ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมเสมอมา โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยความเสี่ยงที่มักไม่สูงเท่าสินทรัพย์อื่น ๆ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า กองทุนรวมนั้นแบ่งได้หลัก ๆ เป็น 2 ประเภท คือ กองทุนรวมปันผล และกองทุนรวมไม่ปันผล ซึ่งมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกันอย่างชัดเจน วันนี้ Krungsri The COACH จะพาไปไขความลับนี้ พร้อมชี้ว่า กองทุนแต่ละแบบเหมาะกับใคร มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจลงทุน ตามมาดูกันเลย

กองทุนรวมปันผลคืออะไร

กองทุนรวมปันผล

กองทุนรวมปันผล คือกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีนโยบายในการแบ่งปันผลกำไรที่ได้จากการดำเนินงาน และการลงทุนคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปแบบของ “เงินปันผล” โดยความถี่ในการจ่ายอาจเป็นรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือรายปี ตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนของกองทุนนั้น ๆ จำนวนเงินปันผลที่ได้รับจะผันแปรตามผลประกอบการ และเมื่อมีการจ่ายปันผล มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ก็จะปรับลดลงตามสัดส่วนเงินปันผลที่จ่ายออกไป

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนปันผล

การลงทุนในกองทุนปันผลมีข้อดีหลายประการที่น่าสนใจ ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มชื่นชอบเป็นพิเศษ ดังนี้

1. มีโอกาสรับเงินปันผลออกมาอย่างสม่ำเสมอ
จุดเด่นหลักของกองทุนปันผล คือ การมอบกระแสเงินสดคืนให้กับผู้ลงทุนตามรอบที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน (เมื่อกองทุนมีกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิเพียงพอ) เช่น ทุกไตรมาส หรือทุกปี ทำให้นักลงทุนได้รับเงินสดอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องขายหน่วยลงทุนออกมา เงินส่วนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือจะนำไปลงทุนต่อยอดในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มก็ได้

2. สร้างความมั่นใจในช่วงตลาดผันผวน
ในยามที่ตลาดการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูง การได้รับเงินปันผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคง และลดความกังวลให้กับนักลงทุนได้ การเห็นผลตอบแทนที่จับต้องได้จริง ๆ มีส่วนช่วยให้นักลงทุนอดทนถือหน่วยลงทุนต่อไปได้ และลดโอกาสที่จะตัดสินใจขายออกไปอย่างตื่นตระหนกเมื่อตลาดปรับตัวลงชั่วคราว

3. เหมาะกับคนที่ไม่อยากจับจังหวะตลาด
สำหรับนักลงทุนที่ไม่สะดวกจับจังหวะในการขายหน่วยลงทุนเอง การลงทุนในกองทุนปันผลถือว่าตอบโจทย์ เพราะมีผู้จัดการกองทุนในการบริหารการลงทุน และกำหนดจังหวะจ่ายผลตอบแทน ทำให้ผู้ที่ลงทุนมีโอกาสได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนื่องตามนโยบาย
 

กองทุนรวมปันผลเหมาะกับใคร

จากลักษณะและข้อดีที่กล่าวมา ทำให้กองทุนปันผลนั้นมีความเหมาะสมกับนักลงทุนบางกลุ่มเป็นพิเศษ ได้แก่
  • ผู้ที่ต้องการรายได้ระหว่างทาง
    เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอเพื่อใช้จ่าย เช่น ผู้ที่เกษียณอายุแล้ว หรือผู้ที่มีรายจ่ายประจำแต่ไม่มีรายได้ทางอื่น การได้รับเงินปันผลช่วยให้มีเงินใช้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขายหน่วยลงทุนออกมา
  • ผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องติดตามตลาดตลอดเวลา
    ตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่สะดวกติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด หรืออาจไม่ถนัดในการจับจังหวะซื้อขายทำกำไรด้วยตนเอง เพราะกองทุนประเภทนี้มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และยังเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลตามนโยบายที่กำหนด

กองทุนรวมไม่ปันผล (หรือกองทุนรวมแบบสะสมมูลค่า) คืออะไร

กองทุนรวมไม่ปันผล

กองทุนรวมไม่ปันผล หรือที่มักเรียกว่า “กองทุนรวมชนิดสะสมมูลค่า” (Accumulation Class) เป็นกองทุนประเภทที่จะไม่จ่ายเงินปันผลออกมาให้ผู้ถือหน่วยลงทุน แต่จะนำผลกำไรทั้งหมดที่ได้จากการลงทุนไป “ลงทุนต่อ” โดยอัตโนมัติ ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว ตามแนวคิดของผลตอบแทนทบต้น หากกองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดี
 

ข้อดีของกองทุนรวมไม่ปันผล

กองทุนประเภทนี้ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เน้นการเติบโตของเงินลงทุน

1. สะสมผลตอบแทนให้เติบโตต่อเนื่อง
เนื่องจากกำไรจากการลงทุนไม่ได้ถูกจ่ายออกมาเป็นเงินปันผล แต่ถูกนำกลับไปลงทุนต่อทันที จึงช่วยเพิ่มพลังการเติบโตให้กับมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) อย่างต่อเนื่อง ทำให้เงินลงทุนมีโอกาสงอกเงยได้เต็มที่ในระยะยาว ตามหลักการดอกเบี้ยทบต้น

2. เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
กองทุนประเภทนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เช่น การเก็บเงินเพื่อใช้หลังเกษียณ การสะสมทุนเพื่อการศึกษาบุตร หรือเป้าหมายทางการเงินอื่น ๆ ในอนาคตที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินในเร็ววันนี้

3. ไม่ต้องตัดสินใจนำเงินปันผลไปลงทุนเอง
ต่างจากกองทุนปันผลที่เมื่อได้รับเงินปันผลแล้ว ผู้ลงทุนอาจต้องตัดสินใจเองว่า จะนำเงินนั้นไปลงทุนต่อหรือไม่ และอย่างไร สำหรับกองทุนไม่ปันผล กองทุนจะบริหารจัดการนำผลกำไรไปลงทุนต่อให้อัตโนมัติ ช่วยให้การลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
 

กองทุนรวมไม่ปันผลเหมาะกับใคร

กองทุนรวมแบบไม่ปันผล หรือสะสมมูลค่า มักจะเหมาะสมกับนักลงทุนกลุ่มนี้ คือ
  • ผู้มีรายได้ประจำและไม่จำเป็นต้องใช้เงินปันผลระหว่างทาง
    เหมาะสำหรับคนวัยทำงาน หรือผู้ที่มีกระแสเงินสดจากแหล่งอื่นเพียงพออยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินปันผลเพื่อใช้จ่าย การไม่รับปันผลช่วยให้เงินลงทุนได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพโดยไม่มีสะดุด และไม่ต้องเสียเวลาหรือตัดสินใจนำเงินปันผลเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปลงทุนใหม่ด้วยตนเอง
  • ผู้ที่ต้องการสะสมความมั่งคั่งระยะยาว
    ด้วยกลไกการนำกำไรไปลงทุนต่อ ทำให้เงินทำงานสร้างผลตอบแทนทบต้น กองทุนประเภทนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายการเงินระยะยาว เช่น การวางแผนเกษียณ การเตรียมทุนการศึกษา หรือการเก็บเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อทรัพย์สินในอนาคต ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนรวมได้สูงกว่าในระยะยาว

สรุปความแตกต่าง กองทุนรวมปันผล VS กองทุนรวมไม่ปันผล (หรือกองทุนรวมแบบสะสมมูลค่า)

กองทุนรวมปันผลกับไม่ปันผล

ความแตกต่างสำคัญระหว่างกองทุนรวมปันผลกับไม่ปันผลอยู่ที่วิธีจัดการกับผลกำไรที่กองทุนทำได้

กองทุนรวมปันผลจะนำกำไรส่วนหนึ่ง (ตามนโยบาย) มาจ่ายคืนให้ผู้ถือหน่วยในรูปแบบเงินปันผลตามรอบเวลา เช่น รายไตรมาส หรือรายปี ทำให้ผู้ลงทุนได้รับกระแสเงินสดระหว่างทาง แต่ข้อสังเกตคือ มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) จะลดลงหลังวันขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ผู้ซื้อหน่วยลงทุนไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) และเงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ทันที ซึ่งเป็นอัตราคงที่โดยไม่เกี่ยวกับฐานภาษีของผู้ลงทุน

ในส่วนของกองทุนรวมไม่ปันผล (สะสมมูลค่า) จะนำกำไรทั้งหมดที่ทำได้กลับไปลงทุนต่อในกองทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ให้เติบโตขึ้น ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุนมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวจากพลังของผลตอบแทนทบต้น โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน ในรูปแบบของส่วนต่างกำไร (Capital Gain) ซึ่งข้อดีคือ กำไรส่วนนี้ ได้รับการยกเว้นภาษี (สำหรับบุคคลธรรมดา) ทำให้ได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วย

สรุปง่าย ๆ กองทุนรวมไม่ปันผล (สะสมมูลค่า) เหมาะกับผู้ที่ลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว ไม่ต้องการกระแสเงินสดระหว่างทาง และต้องการให้เงินเติบโตเต็มที่ (เช่น คนวัยทำงานวางแผนเกษียณ) ส่วนกองทุนรวมปันผลเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอมาใช้จ่าย (เช่น ผู้เกษียณอายุ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ) นั่นเอง
 
ตารางเปรียบเทียบ กองทุนรวมปันผล VS กองทุนรวมไม่ปันผล
 
ลักษณะ/จุดเด่น กองทุนรวมปันผล กองทุนรวมไม่ปันผล (สะสมมูลค่า)
เหมาะกับใคร
  • ผู้ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ (เช่น ผู้เกษียณ)
  • ผู้ไม่สะดวกจับจังหวะตลาด/ต้องการความสะดวก
  • ผู้มีรายได้ประจำ ไม่ต้องการเงินระหว่างทาง
  • ผู้ต้องการสะสมความมั่งคั่งระยะยาว (เช่น วางแผนเกษียณ)
รูปแบบการจ่ายผลตอบแทน จ่ายเงินปันผลคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนตามรอบที่กำหนด (รายไตรมาส, ครึ่งปี, ปี) เมื่อกองทุนมีกำไร นำผลกำไรทั้งหมดไปลงทุนต่ออัตโนมัติ ทำให้มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เติบโต
การเสียภาษี เงินปันผลถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ทันที กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ได้รับการยกเว้นภาษี (สำหรับบุคคลธรรมดา)
มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ปรับลดลงตามสัดส่วนเงินปันผลที่จ่ายออกไป มีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว จากการนำกำไรไปลงทุนต่อ
กระแสเงินสดระหว่างทาง         มีโอกาสได้รับสม่ำเสมอ ไม่มีกระแสเงินสดระหว่างทาง (ยกเว้นขายคืนหน่วยลงทุนเอง)
การเติบโตของเงินลงทุน เติบโตช้ากว่า เพราะมีการจ่ายปันผลออกไป มีโอกาสเติบโตได้เต็มที่ในระยะยาว จากพลังของผลตอบแทนทบต้น
การตัดสินใจลงทุนต่อ ผู้ลงทุนอาจต้องตัดสินใจนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเอง กองทุนบริหารจัดการนำผลกำไรไปลงทุนต่อให้อัตโนมัติ

ทางเลือกสำหรับคนวัยทำงานที่ชอบกองทุนปันผล

กองทุนรวม

หากคุณเป็นคนวัยทำงานที่ชอบแนวคิดของการได้รับกระแสเงินสดสม่ำเสมอเหมือนกองทุนปันผล แต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสให้เงินลงทุนเติบโตระยะยาว และไม่อยากเสียภาษีเงินปันผล 10% ยังมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจ ดังนี้
 

1. ใช้วิธีทยอยขายกองทุนรวมแทน

คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบไม่ปันผล (สะสมมูลค่า) ที่เน้นการเติบโต แล้วใช้วิธี “ทยอยขายคืน” หน่วยลงทุนออกมาเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินที่ต้องการใช้

วิธีนี้มีข้อดีคือ กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้คุณได้รับเงินเต็มจำนวน ไม่ถูกหัก 10% เหมือนเงินปันผล แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการขายคืน (Back-End Fee) ของแต่ละกองทุนด้วย
 

2. กองทุนรวมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ

อีกทางเลือกที่สะดวกสบายคือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบาย “รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ” (Auto Redemption หรือ R Class) กองทุนประเภทนี้จะทำการขายคืนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยเป็นประจำตามรอบที่กำหนด (เช่น ทุกเดือน ทุกไตรมาส) และโอนเงินเข้าบัญชีให้โดยอัตโนมัติ คล้ายกับการรับเงินปันผล แต่เงินที่ได้มาจากการขายคืนนี้ ไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวนให้ดี เพราะบางกองทุนอาจมีนโยบายขายคืนอัตโนมัติแม้ในช่วงที่กองทุนขาดทุนอยู่ก็ได้

Krungsri The COACH ขอแนะนำ : กองทุนรวมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน

กองทุนรวมกรุงศรี

สำหรับคนวัยทำงานที่สนใจกองทุนรวมที่ให้กระแสเงินสดสม่ำเสมอแต่ไม่ต้องเสียภาษี Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุนรวมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติที่น่าสนใจ ได้แก่ “KFSINCFX-R” ซึ่งช่วยให้คุณได้รับเงินสม่ำเสมอเหมือนได้รับเงินปันผล แต่ไม่ต้องถูกหักภาษี 10%

ข้อดีของกองทุนรวมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
  • ได้รับกระแสเงินสดสม่ำเสมอตามรอบที่กองทุนกำหนด
  • เงินที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุน ไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% เหมือนเงินปันผล
  • สะดวกสบาย ไม่ต้องส่งคำสั่งขายด้วยตนเอง
  • บางกองทุนอาจมีความยืดหยุ่นในการกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการรับ (โปรดตรวจสอบเงื่อนไข)

การเลือกระหว่างกองทุนรวมปันผลกับไม่ปันผลนั้น ไม่มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ความต้องการกระแสเงินสด และสถานการณ์ทางภาษีของนักลงทุนแต่ละคน หากคุณต้องการเงินสดใช้จ่ายระหว่างทาง และยอมรับภาษีหัก ณ ที่จ่ายได้ กองทุนปันผลอาจตอบโจทย์ แต่หากคุณเน้นการเติบโตระยะยาว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินระหว่างทาง และต้องการประโยชน์ทางภาษีสูงสุด กองทุนไม่ปันผล (สะสมมูลค่า) ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ทางเลือกอย่างกองทุน Auto Redemption ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดแต่ไม่อยากเสียภาษี การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ คือกุญแจสำคัญในการเลือกกองทุนรวมที่ใช่สำหรับคุณ


อ้างอิง
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา