บทนำ
ภาคเกษตรทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น สงครามการค้า ปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน และโรคระบาดในพืชและสัตว์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รัฐบาลหลายประเทศจึงได้ผลักดัน “การพลิกโฉมภาคเกษตร” (Agricultural Transformation) ด้วยเป้าหมาย ได้แก่ เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต เพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน สร้างความหลากหลายของสินค้า และลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยรูปแบบเทคโนโลยี ที่นำมาใช้ในการพลิกโฉมภาคเกษตรมี 3 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ 1) เทคโนโลยีที่เปลี่ยนกระบวนการผลิตโดยรวม 2) เทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพเฉพาะส่วน และ 3) เทคโนโลยีที่สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่
สำหรับประเทศไทย เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นรายย่อย มีข้อจำกัดด้านทุนและทักษะ วิจัยกรุงศรีจึงมองว่าเทคโนโลยีที่เหมาะสมควร “เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนต่ำ และเห็นผลชัดเจน” โดยมีแนวทางดังนี้ 1) เสริมองค์ความรู้และทักษะ มุ่งเน้นการใช้แอปพลิเคชันรวมกลุ่ม แพลตฟอร์มการเรียนรู้ จัดหาเครื่องมือออนไลน์ และสร้างฐานข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ 2) เพิ่มมูลค่าและช่องทางการตลาด ด้วยเทคโนโลยีแปรรูปเบื้องต้น ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ และ 3) ปรับเปลี่ยนสู่การเกษตรอัจฉริยะ มุ่งเน้นลดต้นทุน ส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชันเพื่อจัดการฟาร์มได้อย่างแม่นยำ และใช้เครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็ก ทั้งนี้ เมื่อภาครัฐสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม ก็จะช่วยยกระดับชีวิตเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน
ภาคเกษตร และก้าวต่อไปสู่การเปลี่ยนแปลง
ภาคการเกษตรเป็นดั่งกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจมาช้านาน ด้วยบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งอาหารที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์ และสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยตลอดจนความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยปัจจัยภายนอกที่สร้างความเสี่ยงมากขึ้น อาทิ สงครามการค้า ภาวะโลกร้อน โรคระบาด ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ทำให้ผลผลิตเกษตรในบางพื้นที่และในบางช่วงเวลาไม่เพียงพอต่อการบริโภค เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร (Lack of Food Security) ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ประเทศต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับการพลิกโฉมภาคเกษตร
การพลิกโฉมภาคเกษตร (Agriculture Transformation) คือกระบวนการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของภาคเกษตรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยี นวัตกรรม และแนวคิดต่างๆ มาประยุกต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สังคม และตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ดังนี้
-
นวัตกรรมและเทคโนโลยี: เป็นหัวใจสำคัญของการพลิกโฉมภาคเกษตร สะท้อนจากการเปลี่ยนผ่านของภาคการเกษตรตั้งแต่ยุคสมัย 1.0-5.0 (ภาพที่ 1) ล้วนเป็นการขับเคลื่อนภายใต้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ปัจจุบันเป็นยุคสมัยนวัตกรรม 5.0 ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมหลายแขนงเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิต อาทิ การใช้ข้อมูลดิจิทัลควบคู่กับการใช้อุปกรณ์เครื่องมือทางด้านวิศวกรรม การใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มคุณสมบัติของพืชและสัตว์ และการใช้ข้อมูลเกษตรเพื่อวิเคราะห์แนวทางการผลิตจนถึงการจำหน่าย เป็นต้น
-
ประชากร: สหประชาชาติคาดว่าจำนวนประชากรโลกในปี 2050 จะเพิ่มเป็น 9.7 พันล้านคน1/ ทำให้แนวโน้มความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นกว่า 25% อีกทั้งประชากรที่มีความหลากหลาย ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม ศาสนา สุขภาพ อายุ และรายได้ ทำให้มีความต้องการอาหารหลากหลายตาม นอกจากนี้ อัตราการบริโภคต่อหัวที่อาจเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันช่วงชิงสินค้าเกษตรเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร หลายประเทศจึงต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตหรือพัฒนาวิธีเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตร เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในประเทศ
-
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม: ข้อจำกัดจากทรัพยากรธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคและศัตรูพืชต่างถิ่น อุณหภูมิโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การรุกคืบของทะเลทรายหรือพื้นที่แห้งแล้ง และปัญหาน้ำเน่าเสีย ทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ภัยธรรมชาติบ่อยๆ ต้องเร่งพัฒนาเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้ ตลอดจนปลดล็อคข้อจำกัดจากทรัพยากรที่มีอยู่
-
นโยบายและกฎระเบียบ: ด้วยเศรษฐกิจและการค้าโลกที่เชื่อมโยงกัน ทำให้นโยบายและกฎระเบียบของประเทศหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตในอีกประเทศหนึ่งได้ อาทิ การขึ้นภาษีศุลกากรทำให้การนำเข้าสินค้ามีต้นทุนสูงขึ้น หรือนโยบายที่สนับสนุนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการไม่รับซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรที่มาจากการบุกรุกป่า การลด Carbon Footprint และการตรวจสอบสินค้าว่ามาจากการผลิตอย่างยั่งยืน เป็นต้น ทำให้หลายประเทศจำเป็นต้องเร่งพัฒนาภาคเกษตรเพื่อให้สอดรับกับนโยบายและกฎระเบียบของประเทศคู่ค้าในตลาดโลก

แม้ว่าปัจจัยขับเคลื่อนทั้ง 4 ด้านจะมีความสำคัญและสามารถเชื่อมโยงกันเองได้ทั้งหมด แต่หากต้องการผลักดันให้เกิดการพลิกโฉมภาคเกษตร (Agriculture Transformation) อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นอันดับแรก เพราะมีสถานะเป็น “เครื่องมือสำคัญ” (Enabler) ที่จะช่วยให้ภาคเกษตรสามารถรับมือกับความท้าทายจากปัจจัยที่เหลืออีก 3 ด้านได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและเพิ่มขีดความสามารถให้ภาคเกษตรก้าวข้ามข้อจำกัดและความท้าทายต่างๆ จนสามารถพลิกโฉมได้อย่างแท้จริง
รูปแบบการพลิกโฉมภาคเกษตรที่จับต้องได้
เป้าหมายหลักของการพลิกโฉมภาคเกษตรไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน5/ และการลดความเสี่ยง ล้วนต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตร โดยรูปแบบของเทคโนโลยี6/ ที่ถูกนำมาใช้ในภาคเกษตรสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มสำคัญ ดังนี้
1. เทคโนโลยีที่เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตสินค้าเกษตรตลอดทั้งกระบวนการผลิต เทคโนโลยีกลุ่มนี้ช่วยเพิ่มช่องทางในการทำเกษตร และทลายขีดจำกัดต่างๆ ในกระบวนการผลิต เช่น การปลูกในพื้นที่ทะเลทราย และการทำการเกษตรในทะเล โดยรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือการเพาะปลูกพืชในเรือนกระจก (Greenhouse) ด้วยกรรมวิธีต่างๆ กัน อาทิ การปลูกพืชผักแบบไฮโดรโพนิกส์ (Hydroponic) อควาโพนิกส์ (Aquaponic) แอโรโพนิกส์ (Aeroponic) เกษตรแนวสูง (Vertical Farming)
เทคนิคดังกล่าวใช้เทคโนโลยีเพื่อลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ แมลง ศัตรูพืช จึงสามารถควบคุมสารอาหารและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้ สามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือประเทศผู้นำเข้าที่ต้องการผลผลิตคุณภาพสูง หรือมีปัญหาด้านพื้นที่ที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของเทคโนโลยีนี้คือต้องลงทุนสูงในระยะแรก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเพราะผลผลิตที่ได้มีราคาสูง อาจไม่ตอบโจทย์ช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัว
2. เทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณ และเพิ่มคุณภาพผลผลิต หรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรทีละขั้นตอน: เทคโนโลยีกลุ่มนี้เหมาะกับเกษตรกรที่มีทุนจำกัด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและสามารถทยอยเพิ่มได้ตามความต้องการและเงินทุน นวัตกรรมที่รู้จักโดยทั่วไป ได้แก่ ได้แก่ เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ระบบเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดความชื้น แสง ธาตุอาหาร (Censor System) ระบบแผนที่และนำร่อง (GIS & GPS) อากาศยานไร้คนขับ (Drone) หุ่นยนต์ (Robotic) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) บล็อกเชน (Blockchain) แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์ม (Application/Platform) เทคโนโลยีความจริงผสาน (Augmented Reality: AR) และเทคโนโลยีความจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) การพิมพ์สาม/สี่มิติ (3D and 4D-Printing)
เมื่อนำเทคโนโลยีในกลุ่มนี้มาใช้ร่วมกัน จะทำให้เกิดการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) (ภาพที่ 3 และ 4) ที่เพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต ประหยัดทรัพยากร ลดความเสียหาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้ดีขึ้นด้วยข้อมูลที่เหมาะสม แต่มีข้อเสียคือ ต้นทุนเริ่มต้นสูง ต้องพึ่งพาความรู้และโครงสร้างพื้นฐานระดับสูง เช่น ระบบไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต การอัปเดตโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระยะเวลาคืนทุนยาวนานและผลตอบแทนไม่แน่นอนเนื่องจากความผันผวนของราคาผลผลิต
- มูลค่าตลาดเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming): BIS Research ประเมินว่าในปี 2567 ตลาดการเกษตรอัจฉริยะทั่วโลกมีมูลค่า 20.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 47.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือมีอัตราเติบโต (CAGR) ที่ 18.5% ต่อปี โดยมีผู้ประกอบการในระดับโลกที่เป็นที่รู้จัก อาทิ บริษัท Deere & Company บริษัท CNH Industrial บริษัท Kubota Corporation บริษัท AGCO Corporation บริษัท Climate บริษัท BASF บริษัท Hexagon บริษัท Ag Leader Technology บริษัท CropX และบริษัท Cargill



3. เทคโนโลยีที่เพิ่มปริมาณและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่: เป็นการเพิ่มคุณภาพ หรือสร้างผลผลิตใหม่จากห้องทดลองหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อทดแทนกระบวนการผลิตรูปแบบเดิมที่ใช้เวลานาน อาทิ ชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology) การเพาะเลี้ยงเซลล์ (Cellular Agriculture) การปรับปรุงพันธุกรรม (Genetic Modification)
เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์: มีจุดเด่น คือ 1) ได้ผลผลิตมากขึ้นจากพืชที่ต้านทานโรค แมลง และสภาพอากาศเลวร้าย 2) ประหยัดทรัพยากรและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะลดการใช้ปุ๋ยหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3) ขยายตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่าทางอาหารที่เพิ่มขึ้น และ 4) ได้วัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง (High-value industry) เช่น อุตสาหกรรมยาและวัคซีน (ข้าวโพด ยาสูบ อาร์เทมิเซีย ผักกาดหอม) อุตสาหกรรมพลังงาน (ถั่วเหลือง สวิตช์กราส ปอเทือง อ้อย) อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ข้าว ข้าวสาลี มะเขือเทศ ถั่วเหลือง) (ภาพที่ 5) อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อจำกัดจากต้นทุนที่สูง โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนา ทำให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงยาก นอกจากนี้ยังมีความกังวลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม ตลอดจนด้านกฎหมายและการกำกับดูแลที่จะถูกนำมาใช้ และต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้สูง
- มูลค่าตลาดชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology): Arizton Advisory & Intelligence คาดว่าในปี 2567 มูลค่าตลาดชีววิทยาสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรอยู่ที่ราว 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 11.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 26.0% ต่อปี โดยมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีววิทยาสังเคราะห์ อาทิ บริษัท Ginkgo Bioworks บริษัท Inari บริษัท Pivot Bio บริษัท Calyxt บริษัท AgBiome บริษัท Conteva Agriscience บริษัท Cibus บริษัท Evogene บริษัท Demeetra AgBio บริษัท Avalo

สภาพแวดล้อมภาคเกษตรของประเทศไทยในปัจจุบัน
เพื่อพิจารณาแนวทางการพลิกโฉมภาคเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของภาคเกษตรไทย วิจัยกรุงศรีจึงใช้เครื่องมือกรอบการวิเคราะห์ด้วยวิธี SWOT Analysis และ PESTEL ร่วมกัน โดยนำเอาการวิเคราะห์ 1) ปัจจัยภายใน ซึ่งประกอบด้วยจุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses) และ 2) ปัจจัยภายนอก ได้แก่ โอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) จาก SWOT เข้ามาผนวกกับการมองปัจจัยแวดล้อมจาก PESTEL ซึ่งประกอบด้วย การเมืองและแนวนโยบายภาครัฐ (P - Political) เศรษฐกิจ (E - Economic) สังคม (S - Social) เทคโนโลยี (T - Technological) สิ่งแวดล้อม (E - Environmental) และกฎหมาย (L - Legal) ดังนี้ (ตารางที่ 1)

จากการวิเคราะห์ดังกล่าว แนวทางที่จะเร่งการพลิกโฉมภาคเกษตรไทยได้ แต่ต้องอาศัยผู้ที่เกี่ยวข้องหลากหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ อาทิ
เกษตรกร: เป้าหมายคือต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ผลิตตามวิถีดั้งเดิม” ไปสู่ “ผู้ประกอบการเกษตรอัจฉริยะ” (Smart Agri-preneurs) โดยภาคเกษตรไทยมีจุดแข็งหลายประการที่สามารถนำมาต่อยอดได้ อาทิ
-
ด้านการผลิต: มุ่งสู่เกษตรแม่นยำที่ลดการพึ่งพาสภาพอากาศ ใช้เทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้สม่ำเสมอ และยกระดับไปสู่สินค้ามูลค่าสูง เช่น เกษตรอินทรีย์ สินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) พร้อมพัฒนาให้ได้มาตรฐานการผลิต (GAP) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
-
ด้านธุรกิจและการตลาด: พัฒนาตนเองจาก "ผู้ผลิต" ให้เป็น "ผู้ประกอบการ" ที่มีความรู้การบริหารจัดการฟาร์ม คำนวณต้นทุน-กำไร การตลาดออนไลน์ การวางแผนการผลิต การสร้างแบรนด์ รวมถึงการรวมกลุ่มผ่านสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือสมาคม เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคาทั้งการซื้อปัจจัยการผลิตและการขายผลผลิต
ผู้ประกอบการ หรือผู้ส่งออก: เป้าหมายคือเปลี่ยนจาก “ผู้ค้าคนกลาง” ไปสู่ “ผู้สร้างแบรนด์เกษตรไทย” (Thai Agri-brand Builder) โดยภาคเกษตรไทยมีจุดแข็งหลายประการที่สามารถนำมาต่อยอดได้ อาทิ
-
การสร้างเรื่องราวและแบรนด์: ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้จุดแข็งด้านภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของสินค้ามาสร้างเรื่องราว (Storytelling) อาทิ ชูจุดขายของสินค้าออแกนิกส์และ GI ที่ได้มาตรฐาน GAP และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ไม่ใช่แค่แปรรูปเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ธรรมดา (Commodity) ที่ไม่มีความแตกต่าง
-
การใช้แพลตฟอร์มเจาะตลาด: ใช้ประโยชน์จาก Social Commerce (E-commerce และ Social Media) เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย โปรโมทสินค้า พร้อมนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจของผลิตภัณฑ์
ระบบนิเวศ: เป้าหมายคือ “การสร้างเสถียรภาพและความต่อเนื่อง” ผ่าน 1) นโยบายภาครัฐเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน 2) การบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน เพื่อให้การสนับสนุนไม่ซ้ำซ้อนและไปในทิศทางเดียวกัน 3) กฎหมายที่ทันสมัยและชัดเจน โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎระเบียบการค้า การลงทุน และการนำเข้า-ส่งออก และ 4) เทคโนโลยีการเกษตรที่ชัดเจน และเอื้อต่อเกษตรกรเพื่อให้แข่งขันในตลาดโลกได้
อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญที่ภาคเกษตรยังต้องเร่งแก้ไข คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างของเกษตรกรรายย่อย ที่ขาดทักษะบริหารจัดการเชิงธุรกิจและการตลาด ประกอบกับเกษตรกรเข้าไม่ถึงแหล่งทุนและเทคโนโลยี ซึ่งเป็น "คอขวด" สำคัญที่ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและโอกาสที่มีอยู่ได้ และยังคงติดอยู่ในวงจรหนี้สิน ต้นทุนสูง และรายได้ไม่แน่นอน แม้ว่าภาครัฐสนับสนุน มีเทคโนโลยีที่ดี หรือมีสินค้าคุณภาพเยี่ยมเพียงใด แต่ถ้าเกษตรกรยังคงทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้ผลิต" ที่รอคนกลางมารับซื้อ ก็อาจยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
มุมมองวิจัยกรุงศรี: ภาคเกษตรไทยจะหันไปใช้เทคโนโลยีในทิศทางใด
ด้วยบริบทของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ถือครองพื้นที่น้อย มีปัญหาด้านสภาพคล่องและการเข้าถึงแหล่งเงินลงทุน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงแต่ได้รับผลตอบแทนต่ำและไม่แน่นอน จึงมักมีปัญหาหนี้สิน นอกจากนี้ ภาคเกษตรยังมีจำนวนแรงงานที่ลดลงจากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งแรงงานโดยเฉลี่ยสูงอายุกว่าภาคส่วนอื่นๆ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาใช้ในภาคเกษตรจึงอาจไม่เหมาะสมกับบริบทของเกษตรกรไทย หากแต่เทคโนโลยีที่ควรนำมาใช้ต้อง “เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนต่ำ และเห็นผลชัดเจน” วิจัยกรุงศรีจึงวิเคราะห์แนวทางที่ภาคเกษตรไทยจะปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนี้
1) เทคโนโลยีที่เสริมองค์ความรู้และทักษะ (Knowledge and Skill Empowerment): ด้วยเครือข่ายสื่อสารของไทยในปัจจุบันที่ครอบคลุม และเกษตรกรสามารถเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) ได้ง่ายมากขึ้น เทคโนโลยีนี้จึงเป็นช่องทางที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำ ตลอดจนเอื้อการทำงานอื่นๆ ได้ ดังนี้
-
Link > รวมกลุ่มด้วยเทคโนโลยีสื่อสาร: เกษตรกรสามารถใช้แอปพลิเคชัน Line และ Facebook เพื่อตั้งกลุ่มติดต่อสื่อสาร แบ่งปันประสบการณ์ ปัญหา และหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน รวมทั้งยกระดับความเข้มแข็งของเครือข่ายและเพิ่มอำนาจต่อรอง ทั้งนี้ หากเกษตรกรยังเข้าถึงเทคโนโลยีไม่ได้ ยังสามารถใช้การรวมกลุ่มรูปแบบดั้งเดิม เช่น สหกรณ์และกลุ่มเกษตรหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้
-
Learn > เรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์: แพลตฟอร์มสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ (DOAE e-Learning15/, TARR16/, Kaset One Farmer17/) ที่มีวิดีโอสอน เทคนิคการเกษตรสมัยใหม่ และช่องทางขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และแพลตฟอร์มเพื่อการทำธุรกิจ (Agri Service Provider18/, Icon Kaset19/, ALLRENT20/) ที่ให้บริการเช่าโดรนพ่นยา เครื่องจักรเก็บเกี่ยว และบริการเกษตรอื่นๆ
-
Log > รวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ: ภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถร่วมกันสร้างระบบฐานข้อมูลเพื่อให้เกษตรกรใช้ตัดสินใจวางแผนการเพาะปลูก โดยควรประกอบด้วยข้อมูล 3 ด้านหลัก คือ ข้อมูลปัจจัยการผลิต (สภาพอากาศ21/ ดินและน้ำ22/ โรคศัตรูพืช23/) ข้อมูลการตลาด (ราคาสินค้าเกษตร24/ ความต้องการตลาด25/) และองค์ความรู้ (เทคนิคการเพาะปลูก การจัดการปุ๋ยและน้ำ เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ มาตรฐานการผลิต) โดยรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จากนั้นจึงวิเคราะห์และย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่ายในรูปกราฟและอินโฟกราฟิก แล้วจึงสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันที่เกษตรกรคุ้นเคย เช่น Line26/ และ Facebook ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรลดความเสี่ยงจากการวางแผนเพาะปลูก วางแผนการตลาดได้ดีขึ้น และตัดสินใจอย่างมีเหตุผลบนพื้นฐานข้อมูลจริง นำไปสู่การเกษตรที่ยั่งยืนและมีรายได้มั่นคง
2) เทคโนโลยีที่เพิ่มมูลค่าและช่องทางการตลาด (Value Addition and Market Access): เกษตรกรที่สามารถเรียนรู้การใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือมีเงินทุนเพียงพอที่จะจัดหาเครื่องจักรแปรรูปอย่างง่ายได้ สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและยกระดับรายได้ ด้วยแนวทางดังนี้
- Technology for Processing > เทคโนโลยีการแปรรูปเบื้องต้น: เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีอย่างง่ายเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรและต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป อาทิ การตากแห้ง การแช่เย็นแช่แข็ง การอัดเม็ด การบีบอัด ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าแล้ว ยังสามารถลดการเน่าเสีย ยืดอายุการใช้งาน ง่ายต่อการเก็บรักษาและการขนส่งได้อีกด้วย (ภาพที่ 6)
-
Traceability > เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับ: เกษตรกรที่เป็นผู้ประกอบการอาจบันทึกข้อมูลแบบง่าย อาทิ ทำ QR Code หรือ Barcode บนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเรียกดูข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนวิธีการผลิต และมาตรฐานสินค้า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ยกระดับมาตรฐานสินค้า และช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคใหม่ๆ ได้มากขึ้น
-
Trade Platform > แพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์: ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่ให้บริการช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง เข้าถึงราคากลางได้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขวางและรวดเร็ว โดยแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์ในไทยมีผู้ให้บริการหลายราย อาทิ ดีจีทีฟาร์ม (DGT Farm30/) อ.ต.ก. เดลิเวอรี่ (Ortorkor Delivery31/) ตลาดเกษตรกรออนไลน์ (ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com32/) ตลาดออนไลน์ของไปรษณีย์ไทย (Thailandpostmart.com33/) ฟาร์มโตะ (Farmto34/) DurianTradeX35/ และ Thai Rubber Trade36/ นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถใช้ช่องทางการตลาดบน Social Media และแพลตฟอร์ม E-commerce ยอดนิยม อย่าง Line Facebook TikTok Shopee และ Lazada เพื่อโปรโมทและจำหน่ายสินค้าเกษตรได้อีกด้วย
นอกจากแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ ภาครัฐยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่จะเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ อาทิ OAE Ag-Info37/ สมุดทะเบียนเกษตรกรดิจิทัล (Farmbook Application38/) เกษตรวัน (Kaset One Farmer) Biz Portal39/ หรือ SME One ID40/ แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำธุรกรรมและการเชื่อมโยงทางธุรกิจ (Business Matching) แก่ระบบนิเวศของภาคเกษตรไทยได้ดียิ่งขึ้น
3) เทคโนโลยีฟาร์มอัจริยะที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ (Smart Farming for Cost Reduction): หากเกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพื้นฐาน ตลอดจนเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ขนาดเล็กได้ หรือมีเงินลงทุนเพียงพอสำหรับการจัดซื้อเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ดังนี้
-
Manage > การจัดการอย่างแม่นยำ: เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน อาทิ 1) แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนร่วมกับชุดทดสอบดินแบบง่ายเพื่อวิเคราะห์ความต้องการธาตุอาหารของพืชและปริมาณน้ำที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทราบข้อมูลอย่างรวดเร็วและสามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ 2) แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ หรือให้ข้อมูลการระบาดของโรคพืชในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเตรียมพร้อมและป้องกันได้ทันท่วงที ลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูแปลงเพาะปลูก
-
Machine > เครื่องจักรกลขนาดเล็ก: ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์กับพื้นที่การเกษตรขนาดเล็ก อาทิ รถไถเดินตาม รถพรวนดิน โดรนเพื่อการฉีดพ่นในพื้นที่ไม่มาก ซึ่งเครื่องจักรเหล่านี้เริ่มมีราคาย่อมเยาว์ลง มีฟังก์ชันการทำงานมาก ทำให้ใช้งานได้สะดวกกว่าเครื่องจักรขนาดใหญ่
จากแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าการพลิกโฉมภาคเกษตรไทยให้ยั่งยืนไม่ได้อาศัยเพียงแค่เทคโนโลยีราคาแพงเท่านั้น แต่ต้องสอดคล้องกับบริบทของเกษตรกรรายย่อยในประเทศเป็นสำคัญ ภาครัฐจำเป็นต้องเป็นแกนกลางสร้างระบบนิเวศการเกษตรดิจิทัล ที่เชื่อมโยงเกษตรกรเข้ากับองค์ความรู้ แหล่งข้อมูล และตลาดอย่างครบวงจร สิ่งสำคัญคือส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีที่ใช้ง่าย ต้นทุนต่ำ และเห็นผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ การจัดการข้อมูลเพื่อใช้ตัดสินใจ และการเพิ่มช่องทางการตลาด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการผลิต เพิ่มผลตอบแทน และสร้างความมั่นคงในอาชีพในระยะยาว ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรยุคใหม่จะสำเร็จได้เมื่อเกษตรกรทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างแท้จริง
ภาคผนวก
References
ACIL Allen Consulting (2018). Emerging Technologies in Agriculture : Regulatory & Other Challenges. Retrieved from https://www.agrifutures.com.au/wp-content/uploads/2019/01/18-047.pdf
BIS Research (2024). Smart Specialty Crop Farming Market – A Global and Regional Analysis. Retrieved from EMIS
Bo Bi, Wei Li, Yushu Jiang, Hao Du (2022). Present and future prospects of crop synthetic biology. Retrieved from https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2772899422000179#bib86
Chantarat, S., et al. (2019). The aging situation, productivity, and farming of Thai agricultural households. Article from aBRIDGEd, PIER. จาก https://www.pier.or.th/?post_type=abridged&p=6704
European Commission (2017). Industry 4.0 in Agriculture : Focus on IoT Aspects. Retrieved from https://ec.europa.eu/growth/tools-databases/dem/monitor/content/industry-40-agriculture-focus-iot-aspects
European Parliament’s Committee on Agriculture and Rural Development (2019). Impacts of the digital economy on the food chain and the CAP. Retrieved from https://www.europarl.europa.eu
Evan D.G. Fraser, Malcolm Campbell (2019). Agriculture 5.0: Reconciling Production with Planetary Health. Retrieved from https://www.cell.com/one-earth/pdf/S2590-3322(19)30136-8.pdf
Food and Agriculture Organization of the United Nations (2017). The future of food and agriculture: Trends and challenges.
Food and Agriculture Organization of the United Nations (2019). OECD-FAO Agricultural Outlook 2019-2028. Retrieved from http://www.agri-outlook.org/Outlook-Summary-ENG.pdf
Food and Agriculture Organization of the United Nations (2020). Food Loss and Waste Database. Retrieved from http://www.fao.org/platform-food-loss-waste/flw-data/en/
Food and Agriculture Organization of the United Nations, Nikola M. Trendov, Samuel Varas, and Meng Zeng (2019). Digital Technologies in Agriculture and Rural Areas. Retrieved from http://www.fao.org/3/ca4887en/ca4887en.pdf
Francesco Castellano. Feeding the Future : An Overview of Agrifood Technology., and Feeding the Future : An Overview of Agrifood Industry. Retrieved from https://www.novu.ventures/insights
Fuglie, Keith, et al. (2020). Harvesting Prosperity: Technology and Productivity Growth in Agriculture. World bank group.
GHD and AgThentic (2018). Emerging Technologies in Agriculture : Consumer Perceptions Around Emerging Agtech. Retrieved from https://www.agrifutures.com.au/wp-content/uploads/2019/01/18-048.pdf
Global Forum on Agricultural Research and Innovation (GFAR), Global Open Data for Agriculture and Nutrition (GODAN), The Technical Centre for Agricultural and Rural Cooperation (CTA) (2018). Digital and Data-Driven Agriculture : Harnessing the Power of Data for Smallholders. Retrieved from https://f1000research.com/documents/7-525
Handelsblatt Research Institute, BAYER. The Future of Agriculture and Food. Retrieved from https://www.bayer.com/en/bay-landwirtschaft-ernaehrung-fakten-en-final.pdfx?forced=true
International Institute for Sustainable Development (2019). Transforming Agriculture in Africa & Asia: What are the policy priority.
John H. Tibbetts (2019). Agriculture Disruption : New technology, consolidation, may yield production gains, job upheaval. Retrieved from https://academic.oup.com/bioscience/article-abstract/69/4/237/5382228
McKinsey & Company (2017). Successful agricultural transformations: Six core elements of planning and delivery. Retrieved from https://www.mckinsey.com/industries/chemicals/our-insights/successful-agricultural-transformations-six-core-elements-of-planning-and-delivery
McKinsey & Company (2017). Readiness for agricultural transformation. Retrieved from https://www.mckinsey.com/industries/chemicals/our-insights/readiness-for-agricultural-transformation
Office of Agricultural Economics (2022). Agricultural Action Plan 2023-2027.
Office of Agricultural Economics (2023). Agricultural Action Plan to Cope with Climate Change 2023-2027.
Oliver Wyman (2018). Agriculture 4.0 : The Future of Farming Technology. Retrieved from https://www.oliverwyman.com/our-expertise/insights/2018/feb/agriculture-4-0--the-future-of-farming-technology.html
Ratanavararak, L. et al. (2019). Digital technology and enhancing the quality of life for Thai farmers. Article from aBRIDGEd, PIER. จาก https://www.pier.or.th/?post_type=abridged&p=6710
Sarah Nolet and Cass Mao, AgThentic (2018). Accelerating the Development of Agtech Solutions Worth Adopting : Challenges and Opportunities for Effective Value Proposition Design in Australian Agtech. Retrieved from https://www.agrifutures.com.au/wp-content/uploads/2018/10/AGF040-NRI-Agtech-A4-S3V1-Digital-Spreads.pdf
Silke de Wilde, STT, The Hague (2016). The Future of Technology in Agriculture. Retrieved from https://stt.nl/wp-content/uploads/2016/05/ENG-Toekomstverkenning-agri-food-Web.pdf
Technology Quarterly (2016). The Future of Agriculture. Retrieved from https://www.economist.com/technology-quarterly/2016-06-09/factory-fresh
The Business Research Company (2025). Global Greenhouse Horticulture Market Report 2025. Retrieved from EMIS
Technavio (2025). Global Hydroponics Technologies Market 2025-2029. Retrieved from EMIS
Ulrich Adam (2017). Agriculture 4.0 – the Challenges Ahead & What to Do About Them. Retrieved from https://www.economist.com/technology-quarterly/2016-06-09/factory-fresh
1/ ที่มา : United Nations Population Division, 2025
2/ ความยั่งยืนเชิงบูรณาการและการฟื้นฟู (Holistic and Regenerative Sustainability): การทำเกษตรที่มองภาพรวมระบบนิเวศทั้งหมด อาทิ การผลิตที่ไม่มีของเสีย (Zero Waste) การนำของเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม การทำเกษตรโดยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่ สร้างความสมดุลแก่ธรรมชาติ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
3/ การจำลองและฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twins and Simulation): การสร้างแบบจำลองเสมือนจริงของฟาร์มทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งจะเชื่อมโยงกับข้อมูลจริงแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถทดลอง ปรับปรุง และคาดการณ์ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในฟาร์มได้ก่อนลงมือทำจริง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก
4/ ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Resilience and Adaptability): การออกแบบภาคเกษตรให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ ตลอดจนการปรับแผนการผลิต และการสำรองผลผลิตเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร
5/ ห่วงโซ่การผลิตภาคเกษตร (Agriculture Value Chain) เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ นำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต เมื่อได้ผลผลิตเข้าสู่กระบวนการ เก็บเกี่ยว แปรรูป หรือบรรจุหีบห่อ แล้วกักเก็บเพื่อไว้ใช้งาน หรือขนส่งเพื่อกระจายสินค้าไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อจำหน่ายให้ถึงผู้บริโภคเป็นลำดับสุดท้าย
6/ ดูนิยามเทคโนโลยีและการใช้งานของเทคโนโลยีแต่ละประเภทได้ที่ภาคผนวก
7/ ระบบนำทางและบังคับเลี้ยว (Guidance and Steering Systems) ด้วยเทคโนโลยีการนำทางและการระบุตำแหน่งทำให้การควบคุมเครื่องจักรทำได้เองโดยอัตโนมัติ (Automation) ซึ่งเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการปลูก การใส่ปุ๋ย และการเก็บเกี่ยว
8/ เซ็นเซอร์การเกษตร (Agricultural Sensors) เป็นเซ็นเซอร์ที่ใช้รวบรวมและส่งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพดิน สภาพอากาศ กิจกรรมของศัตรูพืช และสุขภาพของพืช โดยข้อมูลปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและชีวภาพต่างๆ ที่สำคัญที่ได้เหล่านี้จะเป็นข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและผลผลิตของพืชผล
9/ จอภาพและเครื่องตรวจสอบผลผลิต (Displays/Yield Monitors) จะแสดงผลคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความดัน ค่าแสดงความเป็นกรด-เบส (pH) และความชื้นในดิน โดยจะทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ชุดข้อมูลจำนวนมาก จากนั้นจะส่งข้อมูลให้เกษตรกรเห็น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตรผ่านการจัดการข้อมูลที่แม่นยำและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์
10/ อาทิ เครื่องจักรเก็บเกี่ยวและเครื่องจักรปลูกพืชแบบอัตโนมัติ โดรนและระบบสร้างภาพจากทางอากาศ ระบบจัดการอาหารสัตว์
11/ วาล์วควบคุมอัตราการไหลและอัตราการใช้ (Flow and Application Rate Control Valve) เป็นวาล์วที่ติดตั้งกลไกควบคุมเพื่อควบคุมและตรวจสอบการไหลของของเหลวอย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและสารอาหารพืช/สัตว์
12/ ซอฟต์แวร์การจัดการฟาร์ม (Farm Operation Management) มีขอบเขตการทำงานที่กว้าง อาทิ การบันทึกและจัดเก็บข้อมูลฟาร์มโดยอัตโนมัติ การตรวจสอบและวิเคราะห์กิจกรรมของฟาร์ม การติดตามค่าใช้จ่ายและรายได้ การจัดการทางการเงินผ่านโปรแกรมบัญชี ระบบสนับสนุนการวางแผนฟาร์ม ฟังก์ชันการจัดซื้อ และเครื่องมือทางการตลาด ซอฟต์แวร์การจัดการฟาร์มจึงช่วย ให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิต การดำเนินงานฟาร์ม หรืองานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13/ ซอฟต์แวร์ควบคุมฮาร์ดแวร์ (Hardware Control Application) เป็นโปรแกรมที่ช่วยบริหารจัดการและประสานงานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และฮาร์ดแวร์อื่นๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคู่กับฮาร์ดแวร์ที่ควบคุมระบบของไหล หรือหุ่นยนต์/โดรนทำฟาร์ม เพื่อทำการหว่านเมล็ดพันธุ์ รดน้ำต้นไม้ ใส่ปุ๋ย กำจัดแมลง/ศัตรูพืชโดยอัตโนมัติ
14/ ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์ (Data and Predictive Analytics) ซอฟต์แวร์กลุ่มนี้จะเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลฟาร์มจากเซ็นเซอร์หรือข้อมูลที่ป้อนด้วยเกษตรกร ซึ่งครอบคลุมตัวแปรต่างๆ เช่น ความชื้น สภาพอากาศ และการไหลของน้ำ แพลตฟอร์มเหล่านี้ซึ่งรวมเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ซอฟต์แวร์นี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจ วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ หรือปรับกระบวนการจัดการเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการผลิต
15/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีหลักสูตรออนไลน์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และทักษะให้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและประชาชนทั่วไป
16/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลงานวิจัยด้านการเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าถึงงานวิจัยและองค์ความรู้ได้ง่าย
17/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนักวิชาการจากกรมพัฒนาที่ดินเป็นผู้ให้คำแนะนำและดูแลข้อมูลแก่เกษตรกรในทุกมิติ อาทิ การวางแผนปลูกพืช การบริหารจัดการแปลงเกษตร การบันทึกกิจกรรมการผลิต การคำนวณต้นทุนและกำไร/ขาดทุน โดยมีนักวิชาการเกษตรหรือนักส่งเสริมเกษตรคอยให้คำแนะนำเป็นรายแปลง
18/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของผู้ให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและผู้ให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงานคน
19/ แอปพลิเคชันนี้พัฒนาโดย บริษัท ไอคอนเกษตร จำกัด เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท ไอ ซี พี (ICP Group) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปุ๋ยและโดรนเพื่อการเกษตร
20/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยบริษัท ซีแพค จำกัด (CPAC) ในเครือ SCG (บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด) แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้เน้นภาคเกษตรโดยตรงแต่ด้วยคุณลักษณะเป็นแหล่งรวมเครื่องจักรให้เช่าทุกประเภททั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในงานเกษตรขนาดใหญ่ เช่น รถแทรกเตอร์ หรือเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้างในพื้นที่เพาะปลูก
21/ อาทิ พยากรณ์อากาศรายวัน รายสัปดาห์ และรายฤดูกาล รวมถึงข้อมูลปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วลม เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องการให้น้ำ การให้ปุ๋ย และการป้องกันความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
22/ อาทิ ข้อมูลคุณภาพดิน แหล่งน้ำ และปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกพืชที่จะใช้เพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมและภายใต้ทรัพยากรที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
23/ อาทิ ระบบแจ้งเตือนการระบาดในพื้นที่ใกล้เคียง วิธีการป้องกันและกำจัดอย่างถูกต้องและปลอดภัย
24/ ข้อมูลราคารับซื้อผลผลิตในปัจจุบันและแนวโน้มราคาในอนาคต ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
25/ ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตโดยรวมที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้ เพื่อคาดการณ์อุปทานและวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ
26/ อาทิ ข้อความแจ้งเตือนข้อมูลสำคัญได้โดยตรงและสม่ำเสมอ เช่น พยากรณ์อากาศรายวัน การเตือนภัยโรคระบาด หรือสรุปราคาพืชผลประจำสัปดาห์
27/ ใช้เป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ ถาม-ตอบปัญหาระหว่างเกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญ และสามารถโพสต์เนื้อหาความรู้ในรูปแบบวิดีโอหรือรูปภาพได้
28/ ปี 2568 ราคาสับปะรดโรงงานอยู่ที่ 12-13 บาท/กิโลกรัม และต้นทุนการปลูก 4.5-4.8 บาท/กิโลกรัม ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
29/ พิจารณาจากรายได้หักต้นทุน ทั้งสับปะรดสด และสับปะรดตากแห้ง ด้วยอัตราการแปรรูปสับปะรดสดต่อตากแห้ง 15:1
30/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องทางให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน
31/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเน้นการขายสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากตลาด อ.ต.ก.
32/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้โดยตรงถึงผู้บริโภค โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
33/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีจุดเด่นคือการใช้เครือข่ายไปรษณีย์ในการขนส่งสินค้าเกษตรทั่วประเทศ
34/ แพลตฟอร์มนี้เป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีมาเชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยตรง
35/ แพลตฟอร์มนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด (GML) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ บริษัท ทุเรียนเทรดเอ็กซ์ จำกัด เพื่อยกระดับการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะทุเรียน
36/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แพลตฟอร์มนี้ใช้เป็นช่องทางซื้อขายยางพาราแบบดิจิทัล ทำให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็ว และยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางพาราได้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานสากล เช่น กฎหมาย EUDR ของสหภาพยุโรป
37/ แพลตฟอร์มนี้เป็นบริหารจัดการโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วัตถุประสงค์แพลตฟอร์มเพื่อเป็นแหล่งรวมข้อมูลสารสนเทศและข่าวสารเศรษฐกิจการเกษตร และใช้ในการวางแผนทำการเกษตรและการตัดสินใจ อาทิ ราคาสินค้าเกษตร ปฏิทินสินค้าเกษตร การติดตามสถานการณ์การผลิตการตลาด การเตือนภัยและข่าวสารการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนนโยบายของรัฐ
38/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นเครื่องมือให้เกษตรกรใช้ในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลกิจกรรมการเกษตร
39/ แพลตฟอร์มนี้บริหารจัดการโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. (DGA) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับยื่นขอใบอนุญาตและเอกสารที่จำเป็นแบบออนไลน์ในการเริ่มต้นหรือประกอบธุรกิจแบบออนไลน์
40/ แพลตฟอร์มนี้โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ สพร. (DGA) เพื่อเป็นระบบยืนยันตัวตนของผู้ประกอบการที่เชื่อมโยงกับบริการของภาครัฐต่างๆ