Young at Heart ความเป็นเด็ก ขุมพลังในการทำงาน

Young at Heart ความเป็นเด็ก ขุมพลังในการทำงาน

By Krungsri Academy

ถึงแม้ว่า ความเป็นเด็กอาจสื่อถึงความไร้เดียงสาและขาดประสบการณ์ แต่ผมว่า ยังมีอีกหลายมุมในความเป็นเด็กที่เราสามารถนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตการทำงานได้ วันนี้ เรามารำลึกช่วงเวลาในอดีตด้วยกัน กับ 3 พฤติกรรมของความเป็นเด็กที่เราควรเรียกกลับมาครับ

 

1. จินตนาการ เด็กกับจินตนาการเป็นของคู่กัน




“โตขึ้น หนูอยากเป็นหมอ, ผมอยากเป็นนายก, ผมอยากเป็นซุปเปอร์แมน” ตอนที่เราเป็นเด็ก ดูเหมือนว่า ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเหาะไปบนท้องฟ้า บินไปนอกโลก หรือจะสร้างยานอวกาศลำใหญ่ ๆ ผมเชื่อว่า คงมีหลายคนที่เป็นเหมือนผม ที่จำไม่ได้แล้วว่าใช้จินตนาการครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่ แล้วทำไมผมถึงเลิกใช้จินตนาการ ทั้ง ๆ ที่จินตนาการเป็นต้นกำเนิดของสิ่งประดิษฐ์มากมายบนโลก อย่างสองพี่น้องตระกูลไรท์ ที่จินตนาการถึงอุปกรณ์ที่จะทำให้คนบินได้ เอดิสันกับการสร้างหลอดไฟฟ้า นวัตกรรมเหล่านี้ ล้วนกำเนิดมาจากจินตนาการทั้งสิ้น

วันนี้ เรามาลองเรียกใช้จินตนาการของเรากันอีกครั้งครับ แต่คราวนี้ เราจะไม่เก็บจินตนาการไว้เพียงแค่ฝันกลางวัน หรือฝันหวานเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกต่อไป โดยลองเริ่มจินตนาการจากเรื่องใกล้ตัวก่อน เช่น หากเราตัดข้อจำกัดทุกอย่างออกไปแล้วเราจะมีวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหาเดิม ๆ ได้อย่างไร หรือเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคต เช่น หากวันนี้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน คุณจะทำอะไร แล้วในวันนี้ ที่คุณยังไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ คุณจะทำอะไรได้บ้าง และคุณจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ

 

2. ลองทำดู หรือชอบทำอะไรที่เสี่ยง ๆ




ตอนเด็ก ๆ เราอยากทำอะไร เราก็ลงมือทำทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เรามองทุกอย่างว่าเป็นสิ่งใหม่ เห็นต้นไม้ก็อยากปีน เห็นบ่อน้ำก็อยากลงไปเล่น เห็นรถก็อยากขับ เห็นอะไรก็อยากเข้าไปลองไปเสียหมด เพราะเด็กยังไม่รู้จักคำว่า ควรหรือไม่ควร, เสี่ยงหรือไม่เสี่ยง แต่พอโตขึ้น ด้วยข้อมูลที่มีมากขึ้น ประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ตอนนี้ เราคิดก่อนทำ คิดแล้วคิดอีก กังวลว่าทำแล้วจะได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าลงมือทำไปแล้ว หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะทำอย่างไร โดยมากจะลงเอยว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เริ่มทำโปรเจกต์ที่คิดไว้เสียที

เพราะตอนนี้ เรารู้จักคำว่าเสี่ยงแล้ว แต่หากเราใช้มุมมองแบบเด็ก ๆ ดูว่า ของยิ่งเสี่ยง ยิ่งน่าสนุกแล้วล่ะก็ ความรู้สึกของเราก็จะเปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าคิดดีแล้วว่าอยากทำอะไร ก็ลงมือทำไปเลยครับ เพราะหนทางนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก ถึงแม้ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรค แต่ทุกอุปสรรคย่อมมีหนทางแก้ไขได้เช่นกัน

 

3. ไม่ยอมแพ้ ลองทำอีกจนกว่าจะได้




ผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่า ความเจ็บตอนที่ล้มจักรยานเป็นอย่างไร จำได้แค่ว่าเคยล้ม แต่ก็ไม่รู้ว่าล้มไปกี่ครั้ง ผมจำได้ว่า ผมหัดขี่ตั้งแต่สว่างจนถึงค่ำอยู่หลายวัน จนวันนั้นที่ผมปั่นจักรยานสองล้อได้เองโดยที่ไม่ต้องมีคนประคอง ผมจำความรู้สึกได้เลยว่า มันพีคมาก เหมือนเป็นชัยชนะของผม หรือตอนที่ได้แผ่มเกมส์ใหม่มา ผมกับพี่แทบจะไม่กินข้าว ไม่หลับไม่นอน เราผลัดกันเล่น และหาวิธีกันจนกว่าจะเอาชนะในแต่ละ level ได้ นี่แหละครับ ความดื้อแบบเด็ก ๆ เมื่อเราโตขึ้น การทำงานใด ๆ ย่อมต้องมีอุปสรรคเพื่อเป็นเครื่องทดสอบความสามารถ ซึ่งเราก็ควรจะใช้ความดื้อนี่แหละ ฝ่าฟันไปให้ถึงชัยชนะ โดยไม่กลัวความผิดหวัง คนที่จะประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้นับกันที่จำนวนครั้งว่าใครทำผิดพลาดน้อยกว่ากัน แต่อยู่ที่ว่าใครล้มแล้วกลับมาลุกขึ้นยืนได้เร็วกว่ากันครับ

เห็นด้วยกับผมหรือยังครับว่า ความเป็นเด็กสามารถจุดไฟในตัวเราให้ลุกโชนตลอดเวลา การสร้างจินตนาการให้อยู่เหนือข้อจำกัดทางความคิดที่เรามักสร้างขึ้นเอง ความอยากรู้อยากเห็น อยากทำในเรื่องเสี่ยง ๆ รวมถึงความดื้อที่จะเอาชนะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเราสามารถนำพฤติกรรมความเป็นเด็กเหล่านี้มาใช้ขับเคลื่อนให้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่อย่างเราก้าวต่อไปได้อย่างมีพลังครับ

แต่หากเพื่อน ๆ รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ลองเข้ามาอ่านบทความดี ๆ ที่จะช่วย inspire ได้ที่ Plearn เพลิน เลยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา