เก็บเงินเท่ากันทุกเดือน ปลายปีจะไปเที่ยวไหนได้บ้าง?

เก็บเงินเท่ากันทุกเดือน ปลายปีจะไปเที่ยวไหนได้บ้าง?

By Krungsri Plearn Plearn
การไปเที่ยวพักผ่อนถือเป็นการเติมพลังให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงเวลาปลายปี เพราะเป็นช่วงที่อากาศดีและเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การให้รางวัลตัวเอง วันนี้เลยอยากจะชวนให้ทุกคนลองมาจินตนาการและเริ่มวางแผนท่องเที่ยวกันตั้งแต่ตอนนี้ นอกจากจะช่วยให้กระปรี้กระเปร่าแล้วยังช่วยให้ไม่ต้องเตรียมตัวกะทันหันทั้งเรื่องการเดินทางและเรื่องเงินที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการท่องเที่ยวอีกด้วย ถ้าไม่วางแผนให้ดีก็อาจทำให้พลาดที่ที่อยากไป ดังนั้นจึงต้องเริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่ต้นปีเพื่อทริปที่ถูกใจ มาดูกันว่าหากเราเก็บเงินเท่ากันทุก ๆ เดือน เมื่อถึงปลายปีแล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง

ออมเดือนละ 500 เที่ยวในประเทศได้ชิล ๆ

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเก็บออม แนะนำให้ออมเดือนละ 500 บาท ปลายปีก็จะมีเงินสำหรับไปเที่ยวในประเทศได้ 2-3 วัน ในราคา 5,000-6,000 บาท โดยค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดจะเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ส่วนค่าที่พักเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อคืน เหลือเงินไว้กินเที่ยวช้อปประมาณ 2,000-3,000 บาทชิล ๆ
สถานที่แรกที่อยากชวนคุณไปพักผ่อน คือ จังหวัดเชียงใหม่ หลบหนีความวุ่นวายไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ด้วยการนอนโฮมสเตย์ติดริมน้ำที่แม่กำปอง ไปรับลมหนาวด้วยการกางเต็นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งบริเวณที่กางเต็นท์ได้ ได้แก่ บริเวณดงสน ที่ทำการอุทยาน และน้ำตกแม่ปาน-ห้วยทรายเหลือง หรือจะไปชมหมอก ดูวิวเขา ใกล้ชิดธรรมชาติ และเดินเล่นชมดอกไม้ Skywalk ที่ม่อนแจ่มก็ดีไม่แพ้กันครับ
หรือใครอยากลองไปเปลี่ยนบรรยากาศทางใต้ แนะนำจังหวัดภูเก็ต มาถึงที่นี่ควรจะแวะชมความสวยงามของหาดทรายสีขาวละเอียดที่หาดกะรน เป็นหาดที่เงียบสงบไม่วุ่นวาย ช่วงเย็นอย่าพลาดไปชมวิวที่แหลมพรหมเทพที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทย และวางแผนไปดำน้ำดูปะการังสวย ๆ ที่เกาะพีพีต่ออีกวัน ต่อด้วยย่านเมืองเก่าภูเก็ต ที่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีสผสมผสานระหว่างกลิ่นอายตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว ปิดท้ายทริปด้วยการเดินช้อปปิ้งชิล ๆ ที่ ”หลาดปล่อยของ” อำเภอเมือง เริ่มเก็บเงินเพียงเดือนละ 500 บาท ก็ไปเที่ยวได้สบาย ๆ และหากวางแผนประหยัดค่าใช้จ่าย คุณอาจมีเงินเหลือกลับบ้านมาก็ได้นะครับ

ออมเดือนละ 1,000 ก็ปักหมุดเที่ยวประเทศใกล้ ๆ ได้

ถ้าใครอยากไปต่างประเทศ ลองขยับจำนวนเงินเก็บขึ้นมาเป็นเดือนละ 1,000 บาท ถ้าเก็บทั้งปีก็จะมีเงิน 10,000-12,000 บาท สามารถขยับจากเที่ยวในประเทศไปประเทศใกล้ ๆ ได้ 3-5 วัน ค่าตั๋วเครื่องบินเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000-4,000 บาท ถ้าจองตั๋วล่วงหน้าก็จะได้ในราคาถูก เหลือเงินสำหรับค่าที่พักและค่ากินอย่างสบาย ๆ โดยค่าที่พักจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 บาทต่อคืน
ใครอยากเที่ยวชิล ๆ สไตล์เมืองเก่า แนะนำให้ไปเที่ยวที่หลวงพระบาง ประเทศลาว ที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้คนมีอัธยาศัยดีและค่าครองชีพที่ไม่แพง ที่หลวงพระบางมีสถานที่ขึ้นชื่อมากมาย เช่น พระราชวังหลวงพระบางที่มีสถาปัตยกรรมอาคารแบบฝรั่งแต่หลังคาเป็นแบบลาว มีค่าเข้าชมประมาณ 120 บาท ต่อกันที่วัดเชียงทองที่งดงามด้วยศิลปะแบบล้านช้าง ค่าเข้า 80 บาท และน้ำตกตาดกวางสีที่ถือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง ซึ่งเสียค่าชมประมาณ 40 บาทเท่านั้น ที่เหลือก็ไปเดินเล่นชมเมืองเก่าและต้องไม่พลาดอาหารขึ้นชื่ออย่างส้มตำหลวงพระบางกันนะครับ
ส่วนใครที่สนใจวิถีชีวิตของผู้คน ห้ามพลาดเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพราะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น George Town ที่มีสถาปัตยกรรมสวยแปลกตา ส่วนสายอาร์ตแนะนำให้ไปเดิน Penang Street Art เพราะมีการเล่าเรื่องราวของเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนผ่านลวดเชื่อมและภาพวาดที่น่ารักจนเผลอยิ้มตาม ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ที่สำคัญไม่เสียค่าเที่ยวชมด้วยครับ
สำหรับใครที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ แนะนำให้ไปประเทศสิงคโปร์ เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้ เริ่มกันที่ Gardens by the Bay ที่ภายในสวนด้านล่างสามารถเข้าชมได้ฟรี ส่วน Two Conservatories โดมเรือนกระจก มีค่าเข้าชมประมาณ 630 บาท แต่ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ที่จำหน่าย Voucher กิจกรรมท่องเที่ยวตามเว็บไซต์ดัง ๆ จะเหลือประมาณ 500 กว่าบาท นอกจากนี้ยังมี Jewel Changi Airport สนามบินที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ไปเดินชมได้โดยไม่เสียค่าเข้า แต่ถ้าสนใจไปโซนอื่น ๆ เช่น โซนเครื่องเล่นก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สุดท้ายที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ย่าน Street Art ที่เหมาะแก่การไปเดินเที่ยวและถ่ายรูปเล่นสวย ๆ

ออมเดือนละ 3,000 เที่ยวโซนเอเชียได้ไม่มีเอาท์

ลองปรับจำนวนเงินเก็บในแต่ละเดือนให้สูงขึ้นอีกหน่อยเป็น 3,000 บาท ต่อเดือน เพื่อให้มีตัวเลือกในการไปเที่ยวที่หลากหลายขึ้น ปลายปีก็จะมีเงินไปเที่ยวถึง 30,000-36,000 บาท สามารถไปเที่ยวโซนเอเชียได้ประมาณ 3-5 วัน ค่าตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่นอยู่ที่ประมาณ 7,000-12,000 บาท หากได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ก็จะเหลือเงินสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ เกือบ 30,000 บาทเลยล่ะครับ
สำหรับใครที่ชื่นชอบอปป้าหรืออยากย้อนรอยซีรีส์เรื่องโปรด ก็ต้องไปประเทศเกาหลีใต้ แลนมาร์คสำคัญก็คือ หอคอยเอ็นโซล หรือ N Seoul Tower หอคอยที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนไปชมวิวของกรุงโซล มีค่าเข้าประมาณ 240 บาท ไฮไลท์เด็ดคือการคล้องกุญแจร่วมกับคนรักเพื่อให้ความรักยืนยาว ไปถึงเกาหลีแล้วห้ามพลาดใส่ชุดฮันบกสวย ๆ แล้วไปถ่ายรูปที่พระราชวังคยองบกกุง พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล มีค่าเข้าประมาณ 80 บาท ส่วนชุดฮันบกก็สามารถหาเช่าได้ในบริเวณใกล้เคียง ในราคาประมาณ 600 บาทครับ สุดท้ายไปเดินช้อปปิ้งและชิมอาหารที่เมียงดง อิ่มอกอิ่มใจและยังอิ่มท้องกลับบ้านด้วย
อีกประเทศหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย เชื่อว่าใครที่เคยไปญี่ปุ่นแล้วก็ต้องอยากกลับไปอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ สถานที่ห้ามพลาด คือ เกาะฮอกไกโด ที่มีซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ (Sapporo TV Tower) จุดชมวิวที่เห็นเมืองซัปโปโรได้ถึง 360 องศา ต่อด้วยไปเล่นสกีที่ Kiroro Ski Resort ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขาสวย ๆ แถมเนื้อหิมะยังละเอียดสุด ๆ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ส่วนใครที่ชื่นชอบการกินปลาดิบหรืออาหารทะเลสด ๆ ต้องห้ามพลาดที่จะไปเดินตลาดปลานิโจ เพราะเป็นแหล่งรวมอาหารทะเลที่หลากหลายและมีชื่อเสียงมากของซัปโปโร

ออมเดือนละ 5,000 เช็คอินได้ฟิน ๆ ที่ยุโรป

สำหรับคนที่มีกำลังมากหน่อย สามารถเลือกเก็บเดือนละ 5,000 บาท สิ้นปีก็จะมีเงินให้ชื่นใจถึง 50,000-60,000 บาท งบเท่านี้เลือกเที่ยวได้หลายที่ตามที่ใจต้องการ ทั้งยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตก สามารถไปเที่ยวได้ประมาณ 6-7 วัน โดยราคาตั๋วเครื่องบินจะอยู่ที่ราว ๆ 10,000-22,000 บาท
ใครยังไม่เคยไปยุโรปตะวันออก แนะนำเส้นทางออสเตรีย-สโลวาเกีย-เช็ก เมื่อไปถึงออสเตรียต้องแวะเมืองหลวงอย่างเวียนนาเพื่อเที่ยวชมสถาปัตยกรรมที่หรูหรางดงามแบบ Rococo และชมผลงานศิลปะอันหลากหลายของ Schoenbrunn Palace มีค่าเข้าประมาณ 445 บาท ต่อกันที่ประเทศสโลวาเกีย ต้องแวะเมืองประวัติศาสตร์อย่าง Košice และชมธรรมชาติบนเทือกเขาทาทรา (High Tatras) ปิดท้ายด้วยการชมความอลังการของ Prague Castle ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่สาธารณรัฐเช็ก โดยมีค่าเข้าชมราว ๆ 480 บาทครับ
เส้นทางยุโรปตะวันตกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม-เนเธอร์แลนด์ แค่มีวีซ่าเชงเก้นก็สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้สะดวก ค่าทำวีซ่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท ไปถึงฝรั่งเศสทั้งทีต้องไม่พลาดการถ่ายรูปคู่กับแลนมาร์คอย่างหอไอเฟลและประตูชัยปารีส ซึ่งถือเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ต่อด้วยไปพักผ่อนชื่นชมความสวยงามและดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกของทะเลสาบ Minnewater หรือ ทะเลสาบแห่งรักที่ล้อมรอบไปด้วยบ้านลักษณะคล้ายหอคอยของเมืองบรูจส์ ที่ประเทศเบลเยี่ยม ปิดท้ายด้วยประเทศเนเธอร์แลนด์ แนะนำให้ไปเยี่ยมชมผลงานศิลปะของศิลปินเอกที่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum) ค่าเข้าอยู่ที่ประมาณ 655 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะครับ

ทริคง่าย ๆ ถ้าทำได้ประหยัดชัวร์

1. วิธีจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก ควรเลือกซื้อตั๋วก่อนเดินทางประมาณ 7-12 สัปดาห์ และควรเป็นเที่ยวบินที่ออกเดินทางในวันอังคาร วันพุธ หรือวันเสาร์ เพราะเป็นวันที่มีที่นั่งเหลือเยอะ หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเทศกาล ที่สำคัญต้องเปรียบเทียบราคาแต่ละเว็บไซต์หรือสายการบินเพื่อให้ได้ตั๋วที่ถูกที่สุด
2. เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างไปเองกับไปทัวร์ บางครั้งการไปเที่ยวด้วยตัวเองก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากเราต้องจ่ายค่าที่พักและค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ แยกต่างหาก จนทำให้งบอาจบานปลายมากกว่าการไปกับทัวร์ซึ่งมีราคาที่แน่นอนกว่า แต่ต้องอย่าลืมว่าการไปทัวร์ก็อาจจะมีค่าทิปไกด์ หรือค่าอาหารที่ต้องจ่ายเองในบางมื้อ ควรบวกค่าใช้จ่ายแล้วเทียบกันให้ดีก่อนตัดสินใจ
3. หาดีลดี ๆ จากอีเวนต์ อีเวนต์การท่องเที่ยว อย่างเช่น “ไทยเที่ยวไทย” หรือ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษ ๆ มาให้เราได้เลือก ในงานจะมีทั้งโปรโมชั่นทัวร์ให้เลือกหลายหลายบริษัท โปรโมชั่นที่พัก รถเช่า สวนสนุก ตั๋วรถไฟอย่าง JR PASS ไปจนถึง Pocket WIFI นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นบัตรเครดิตเป็นส่วนลดเพิ่มอีกด้วย สำหรับใครที่ไปงานนี้แล้วมีบัตรเครดิตกรุงศรีก็อย่าพลาดมองหาส่วนลดกันนะครับ
เมื่อเลือกวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าปลายปีนี้จะไปเที่ยวที่ไหน ต้องไม่ลืมเรื่องวินัยในการเก็บเงินด้วย ทริปนี้จะล่มหรือไม่ก็อยู่ที่ความพร้อมของคุณเอง คุณควรมีบัญชีเงินฝากสำหรับไปเที่ยวโดยเฉพาะ หรืออาจเปิดบัญชีฝากประจำ โดยการฝากประจำถือเป็นการออมเงินที่ดีมาก เพราะเราจะไม่สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งนั่นหมายความว่าแพลนไปเที่ยวก็จะไม่ล่มง่าย ๆ นั่นเอง สุดท้ายลองทำตามทริคประหยัดงบที่แนะนำไปข้างต้น จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเงินจะไม่พอ...หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการไปเที่ยวครั้งนี้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2567 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow