เทคนิคซื้อของผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศยังไงให้คุ้ม

เทคนิคซื้อของผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศยังไงให้คุ้ม

By Krungsri Academy

เคยไหมที่เห็นเพื่อนอัพสเตตัสพร้อมกระเป๋าใบสวย รองเท้าแบรนด์หรู เห็นแล้ว มือนี่พุ่งไปกดไลค์เร็วกว่าแสงเลยใช่ไหมคะ? ซึ่งสินค้าบางตัวนั้น เราก็ไม่เคยเห็นขายในบ้านเราด้วยสิ แล้วเอ๊ะ... เพื่อนสอยมาจากไหนกัน คำตอบก็คือ “สั่งผ่านเว็บไซต์จากต่างประเทศ” เข้ามานั่นเอง ว่าจะตามไปซื้อ เห็นราคาบนเว็บก็พอสู้ไหว แต่มาติดอยู่ตรงเรื่อง “ภาษีอากรขาเข้า” นี่แหละ เห็นแบบนี้ใจไม่ดีรีบไปอ่านรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ

ถ้าลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งของนำเข้าจากต่างประเทศ เราจะเจอคำถามเรื่องภาษีเป็นลำดับต้น ๆ กันเลย ไม่ว่าสินค้าที่สั่งเข้ามานั้น จะชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ของใช้ส่วนตัว จะของขวัญหรือของฝาก ก็เลี่ยงภาษีได้ยาก โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศมีมูลค่ามากกว่า 1,000 บาทและไม่เกิน 40,000 บาท จะต้องเสียภาษีอากรขาเข้า (หากสินค้าแสดงหน้ากล่องพัสดุรวมค่าจัดส่ง มูลค่าไม่ถึง 1,000 บาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี) ซึ่งวิธีการเสียภาษีนั้นท่องไว้ในใจเป็นสูตรคร่าว ๆ ได้เลยว่า จะสั่งของเข้ามาเมื่อไหร่...
 
สินค้าราคาเกิน 1,000 บาท + ค่าขนส่ง + อัตราภาษี (ขึ้นอยู่กับหมวดสินค้า 5% - 56%) + vat 7% + ค่าดำเนินการ
ด้วยความที่หลาย ๆ คนพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากรขาเข้า ก็เลยระบุมูลค่าหน้ากล่องพัสดุไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมาตรวจสอบรายการและเกิดข้อสงสัยแล้วตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เมื่อตรวจสอบแล้วการแสดงมูลค่าสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง ก็กลายเป็นบิดเบือนข้อมูล ต้องโดนจ่ายภาษีหนักกว่าเดิม ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์ช้ำใจแบบนั้น หากใครอยากสั่งของจากเมืองนอกก็ลองทำตามวิธีด้านล่างดูได้เลย

ให้ผู้ขายระบุหน้ากล่องว่า “ของขวัญ/ของฝาก” (Gift)


การระบุหน้ากล่องว่าของขวัญของฝากเหมาะกับสินค้าที่มีขาดไม่ใหญ่ น้ำหนักไม่มากดูไม่น่าเป็นของที่นำเข้ามาเพื่อเป็นสินค้า ก็มักจะผ่านการตรวจตราได้ง่ายกว่า และไม่ค่อยน่าโดนแกะกล่องตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรเท่าใดนัก

เพิ่มเติมหน้าพัสดุว่า “No Commercial Value”


นอกจากสินค้าของคุณที่ไม่ควรจะมีชิ้นใหญ่และหนักมากแล้ว ก็ควรแสดงรายละเอียดให้ชัดเจนว่า “ไม่ได้นำเข้าสินค้าเพื่อการค้า” แต่เป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว แต่รายละเอียดนี้ก็ต้องสอดคล้องกับราคาประเมินหน้ากล่องด้วย (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)

สั่งหลายอย่าง ต้องแยกหมวดหมู่


ด้วยความที่อัตราการเสียภาษีอากรนำเข้าในแต่ละหมวดนั้นไม่เท่ากัน เวลาที่คุณสั่งสินค้าหลายอย่างหลายชนิด ก็ควรให้แยกหมวดหมู่สินค้าออกเป็นกล่อง ๆ ไป ไม่ควรนำสินค้าหลายชิ้นหลายชนิดมารวมอยู่ในกล่องเดียวกัน อย่างการซื้อหนังสือหรือตำราเรียนจากต่างประเทศ เมื่อสั่งพร้อม ๆ กับเสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนมแล้วนำมาบรรจุอยู่ในกล่องเดียวกัน โดยระบุรายละเอียดและมูลค่าหน้ากล่องพัสดุ ก็จะทำให้ต้องเสียภาษีในอัตราเหมารวม จริง ๆ แล้วหนังสือหรือตำราเรียนได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ดังนั้นก็ควรแยกหมวดสินค้าโดยให้หนังสืออยู่ในกล่องหนึ่ง และสินค้าชนิดอื่น ๆ ก็อยู่ในหมวดเดียวกันก็อยู่อีกกล่องหนึ่ง (อ่านข้อมูลสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีขาเข้าได้ที่นี่)

ใช้บริการจัดส่งพัสดุแบบลงทะเบียน


เมื่อตัดสินใจสั่งสินค้านำเข้าแล้ว ลองเลือกใช้บริการส่งพัสดุแบบลงทะเบียนดู เพราะการเลือกส่งของแบบนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรมักจะไม่ค่อยสุ่มตรวจเท่าใดนัก และบางเว็บไซต์ส่งให้ฟรี ตรงนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่ามูลค่าสินค้าจะแพงขึ้นเพราะค่าขนส่ง

เลี่ยงใช้บริการร้านหิ้ว


หลาย ๆ คนไม่อยากวุ่นวายกับขั้นตอนการสั่งซื้อและเรื่องภาษี จึงเลือกวิธีซื้อผ่านร้านหิ้วเหล่านี้แทน ซึ่งราคาก็จะโดนบวกเพิ่มมาอยู่แล้ว และทางร้านเหล่านี้ก็มักจะเป็นผู้หลีกเลี่ยงภาษี เราอาจจะได้สินค้าที่ชอบจริงแต่ก็จะกลายเป็นผู้สนับสนุนให้ร้านเหล่านี้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งหลาย ๆ ครั้ง ร้านเหล่านี้ก็มักไม่รับผิดชอบ เช่น ได้รับเงินค่าพรีออเดอร์จากหลายคนแล้วก็ปิดร้านเชิดเงิน หรือเมื่อสินค้าที่ร้านสั่งเข้ามาโดนภาษีเพิ่มขึ้นเยอะ พวกเขาก็มักจะมาเก็บเงินกับลูกค้าเพิ่มเติมอีก

ซื้อในบ้านเราปลอดภัยที่สุด


อีกหนึ่งวิธีการที่ดี ปลอดภัยจากการจ่ายภาษีเพิ่มเติม และได้ของเร็วที่สุดก็คือ การเดินเข้าไปซื้อสินค้ายี่ห้อที่ต้องการในห้างใกล้บ้านซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายมากที่สุด และภาษีส่วนนี้ก็จะเข้ารัฐเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ หากคอลเลคชั่นล่าสุดยังไม่มาก็อดใจรออีกนิด บ้านเราเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของแบรนด์มากมายเดี๋ยวเขาก็นำเข้ามาขาย แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียภาษีให้ปวดหัว
การสั่งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศผ่านเว็บไซต์นั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณได้รับสินค้าที่ต้องการ ส่วนในเรื่องของภาษีนั้น ก็ควรทำใจยอมรับตั้งแต่ตัดสินใจสั่งซื้อแล้ว หากคุณบิดเบียนข้อมูลแล้วทางสรรพากรจับได้ ก็จะกลายเป็นว่าโดนปรับและต้องจ่ายภาษีหนักกว่าปกติ ดังนั้นการซื้อสินค้าแบรนด์ดังในบ้านเราก็เป็นอะไรที่ดีที่สุดไม่มีการเลี่ยงภาษี เนื่องจากทางภาครัฐก็อยากให้เราใช้สินค้าที่มีจำหน่ายในบ้านเรา เพราะภาษีตรงนี้จะเป็นส่วนช่วยพัฒนาประเทศได้นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา