จะซื้อของชิ้นใหญ่ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

จะซื้อของชิ้นใหญ่ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

By Krungsri Guru

ทำงาน เก็บเงิน ทำงาน เก็บเงิน แล้วเอาเงินไปทำอะไร? หลายคนทำงานเพื่อเงิน นำเงินไปเก็บสะสม เห็นตัวเลขเงินในบัญชีที่พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วมีความสุข แต่อีกด้านของความสุขก็คือ การซื้อของที่เราต้องการ ของที่เราอยากได้มานาน หรือของชิ้นใหญ่เป็นรางวัลชีวิตสักชิ้น

ทว่าบางคนที่ไม่มีแม้แต่เงินเก็บ มีแต่ค่าใช้จ่ายที่คอยรบกวนชีวิตทางการเงินของเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าอยากจะซื้อของชิ้นใหญ่ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง มาติดตามกันดูครับ

อย่างแรก มองหาของชิ้นใหญ่ที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

บางคนฝันใหญ่มาก อยากได้ของชิ้นใหญ่เป็นคฤหาสน์ซักหลัง หรืออยากได้รถสปอร์ตเปิดประทุนราคาสูงลิ่ว ฝันแบบนี้มันเอื้อมถึงยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเอื้อมมันถึงนะครับ ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ แต่หากอยากให้รางวัลระหว่างทาง ควรตั้งเป้าหมายของชิ้นใหญ่ให้เหมาะสมกับช่วงจังหวะเวลาแต่ละสถานะที่เราเป็นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ตั้งเป้าของชิ้นใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวซักหลังก่อนอายุ 30 เป้าแบบนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูง เนื่องจากสมัยนี้ระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยพัฒนาไปมากมาย ทำให้เราเป็นเจ้าของบ้านซักหลังนั้นไม่ยากเหมือนในอดีตนั่นเอง
ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ เมื่อคุณได้มันมาแล้ว มันจะมีแรงผลักให้เราก้าวสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเอง ถ้าใจเราถึงทุกอย่างเป็นไปได้เสมอครับ

อย่างที่สอง แบ่งเงินออกเป็น 4 ก้อน

เมื่อเราตั้งเป้าหมายเป็นของชิ้นใหญ่ที่ต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวต่างประเทศ บ้านซักหลัง รถยนต์ซักคัน หรืออะไรก็ตามที่เราฝันอยากได้อยากเป็นเจ้าของ เราก็ต้องแบ่งเงินหรือรายรับออกเป็นก้อน ๆ ดังต่อไปนี้
  • ก้อนแรก แบ่งไว้จ่ายหนี้ สำหรับคนที่ยังมีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้สารพัดผ่อน หรือหนี้สินจากบัตรเครดิต เราควรแบ่งเงินไว้จ่ายหนี้เสียก่อนเป็นอันดับแรก แบ่งให้เพียงพอสำหรับการจ่ายทั้งต้น และดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้มารบกวนใจเราในภายหลัง
  • ก้อนที่สอง แบ่งไว้ใช้จ่ายประจำวัน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าเราวางแผนจะซื้อของชิ้นใหญ่ บางครั้งเราต้องยอม “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” คือ การตัดรายจ่ายประจำวันบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป และแบ่งไปเก็บแทนครับ
  • ก้อนที่สาม แบ่งไว้สำหรับออมเงิน ก้อนนี้เป็นเงินสำคัญที่ไม่มี impact กับเราในปัจจุบัน แต่จะมีในอนาคต หากเราไม่แบ่งเงินไว้เก็บออม และทำให้เป็นนิสัยแต่เนิ่น ๆ อนาคตเราก็จะประสบปัญหาทางการเงินอยู่ตลอดเวลา เริ่มเสียแต่วันนี้จะดีกว่าครับ
  • ก้อนสุดท้าย แบ่งไว้สำหรับซื้อของชิ้นใหญ่ เมื่อผ่านด่านเงินสามก้อนข้างต้นมาแล้วก็คือคิวของเงินก้อนที่เราจะเอาไว้ซื้อของชิ้นใหญ่ที่เราอยากได้นั่นเองครับ

อย่างที่สาม เป็นเจ้าของชิ้นใหญ่ด้วยการ “ผ่อน”

ทางเลือกที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ “การผ่อนชำระ” โดยการผ่อนของที่เราซื้อนั้นสามารถแบ่งเป็นงวด ๆ ตั้งแต่งวด 4 เดือนขึ้นไป จนถึง 5-6 ปี หรือถ้าเป็นสินทรัพย์อย่างสินเชื่อที่อยู่อาศัย เช่น ผ่อนคอนโด เราสามารถผ่อนได้ยาวนานกว่า 30 ปี แต่ข้อเสียของการผ่อนก็คือ เราต้องมี “ภาระ” ค่างวดไปอีกนานหลายเดือน หลายปี ส่วนข้อดีก็คือ เราได้เป็นเจ้าของเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัย หรือบ้านทำเลดี ๆ ที่หากเราปล่อยไป อาจจะหาทำเลแบบที่เราต้องการได้ยากขึ้นในอนาคตถ้าเป็นแบบนี้การเลือกผ่อนชำระถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
แต่ถ้าหากเราอยากเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ในขณะที่รุ่นเก่าที่เราใช้อยู่ยังไม่ได้มีอะไรเสียหาย หรืออยากได้รถยนต์รุ่นใหม่ ในขณะที่รุ่นเก่าที่ใช้อยู่ยังผ่อนไม่หมด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลแล้วครับว่าเราอยากได้หรือมันจำเป็นจริง ๆ กันแน่?

อย่างสุดท้าย หารายได้เสริม

หากเรามีรายได้ไม่พอ และไม่อยาก “ผ่อนของ” ก็ควรหารายได้เสริม หรือหากเราอยากได้ของชิ้นใหญ่เร็วขึ้น เราก็ต้องหารายได้เสริมเช่นกัน ถ้าเราหวังพึ่งแต่เพียงรายได้ทางเดียว หรือเงินเดือนประจำเพียงอย่างเดียว “ของชิ้นใหญ่” ที่เราอยากได้อาจจะไกลออกไป มือถือที่เราอยากเป็นเจ้าของอาจจะ “ตกรุ่น” หรือรถยนต์ที่เราอยากได้ก็จะล้าสมัยไปเสียก่อน
วิธีที่จะทำให้เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่เราอยากได้เร็วขึ้นก็คือ หารายได้เสริม บางคนอาจคิดว่าซื้อแบบ “ผ่อนชำระ” ก็ได้ อย่าลืมว่าการผ่อนนั้นมีดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายด้วยนะครับ แต่อย่างไรก็ดีการผ่อนชำระถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ
อย่างไรก็ตามการซื้อ “ของชิ้นใหญ่” ถือเป็นรางวัลชีวิตของเรา ที่จริงมันคือเรื่องดี ๆ ในชีวิต เพราะหากเราทำงานหาเงิน และไม่ยอมใช้จ่ายเสียบ้าง เราจะหาเงินไปทำไมล่ะครับ? แต่การซื้อของชิ้นใหญ่เราก็ควรเตรียมตัวให้ดี ด้วยการตั้งเป้าของชิ้นใหญ่ให้เหมาะสม แบ่งเงินเป็นก้อน ๆ เพื่อเก็บสะสมซื้อของ เลือกผ่อนชำระ หรือหารายได้เสริม หาเงินเพิ่ม เพื่อให้เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่เราต้องการได้เร็วขึ้น สร้างความสุขใจให้กับเราและคนรอบข้างนั่นเองครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา