หากเบื่อเที่ยวแบบเดิม ๆ แล้ว ลองเที่ยวในแดนพิศวงกันดูบ้างดีกว่า
บนโลกของเรานี้มีสถานที่ที่เรายังไม่เคยไปเยือนมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ยากแก่การเข้าถึง มักจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหล่านักสำรวจหรือนัก
ผจญภัยชื่นชอบ การได้ไปเยือนที่เหล่านั้นเสมือนเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง หากคิดจะเที่ยวแบบลุย ๆ แล้วไม่รู้ว่าจะไปไหนดี วันนี้เรามีแหล่งท่องเที่ยวชวนพิศวงอันเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมาแนะนำกันครับ
1. ถ้ำหนอนเรืองแสง (Glow Worm Cave) นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์ นับว่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ ซึ่งธรรมชาติได้สรรค์สร้างสถานที่อัศจรรย์แห่งหนึ่งในเมือง Waitomo ขึ้นมา นั่นคือ Glow Worm Cave หรือถ้ำหนอนเรืองแสง ตั้งอยู่บนเกาะตอนเหนือของนิวซีแลนด์
ถ้ำนี้มีสายน้ำไหลผ่าน เข้าถึงได้ด้วยการนั่งเรือเล็กเท่านั้น เมื่อเข้าไปในถ้ำจะต้องตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เป็นสายแสงระยิบระยับสีฟ้าจากหนอนเรืองแสงที่อาศัยอยู่ในถ้ำ เหมือนมีใครเปิด-ปิดไฟวิบวับ หนอนชนิดนี้เป็นตัวอ่อนของแมลงชนิดหนึ่ง ซึ่งจะมีเวลาเรืองแสง 6 - 12 เดือนตามความสมบูรณ์ของหนอนแต่ละตัว เมื่อตัวอ่อนเหล่านี้เรืองแสง บวกกับความมืดในถ้ำ ทำให้เกิดภาพอันสวยงามราวกับล่องเรืออยู่ในท้องฟ้ายามค่ำคืน
หนอนเรืองแสงพวกนี้จะไม่ชอบแสงไฟเท่าไหร่นะครับ ใครไปเที่ยวชมอย่าเผลอเอาไฟฉายส่องมันเข้าล่ะ
2. ทะเลแห่งดวงดาว บนเกาะวาดูห์ (Vaadhoo Island) มัลดีฟส์
สุดยอดทัศนียภาพยามค่ำคืนกับหาดทรายที่มีแสงสีน้ำเงินพร่างพราวเต็มผืน ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าพร้อมใจกันร่วงหล่นลงมาทอประกายบนผืนน้ำ แลดูเหนือจริงบนชายหาดของเกาะวาดูห์ มัลดีฟส์
แสงสีน้ำเงินนี้เกิดจากแพลงก์ตอนพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำครับ แพลงก์ตอนเหล่านี้จะสะสมแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และเปล่งแสงออกมาในยามค่ำคืน เมื่อมีการสั่นสะเทือนของน้ำจะเกิดแสงสีฟ้าเขียวสวยงามจับใจ ลองเก็บเงินชวนคนรักไปคงจะโรแมนติกน่าดู แถมช่วงนี้มีตั๋วโปรโมชั่นไปมัลดีฟส์ราคาถูกมากให้จับจอง รับรองว่าจะเป็นทริปที่คุ้มค่าสุด ๆ ครับ
3. ปากปล่องหินปูนแห่งยูคาทาน สู่แดนฝันในเทพนิยาย (เม็กซิโก)
ลองชวนเพื่อนจัดทริปไปแหวกว่ายในบ่อน้ำธรรมชาติ “ปากปล่องหินปูนแห่งยูคาทาน” กันเถอะ บ่อน้ำนี้เป็นหลุมที่เกิดจากการสลายตัวของหินปูนมานานนับล้านปี อยู่ในเขตยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก เห็นแล้วชวนอดใจไม่ไหว อยากลงไปว่ายน้ำเล่นเสียจริง ๆ สายเถาวัลย์ที่ห้อยระย้ารอบ ๆ ปากปล่อง บวกกับแสงแดดที่สาดลอดลงมา ชวนให้จินตนาการว่าเรากำลังแหวกว่ายอยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยายกันเลยทีเดียว
4. หลุมเพลิงร้อน ประตูสู่นรก (The Door To Hell) เติร์กเมนิสถาน
เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกัน ประตูสู่นรก หรือ The Door to Hell เป็นหลุมไฟขนาดใหญ่กลางทะเลทรายคาราคุม ใกล้เมือง Derweze ประเทศเติร์กเมนิสถาน ลุกโชนมานานหลายทศวรรษ ถูกค้นพบในปี 1971
สันนิษฐานว่า เกิดจากหลุมยุบตัวลงจากโพรงหินปูนใต้ดิน เพราะบริเวณแถบนี้เป็นแหล่งสะสมก๊าซธรรมชาติที่ไหลออกมาจนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ตลอดเวลา ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการตั้งแคมป์ชมไฟของเหล่านักผจญภัย
ภาพ: หลุมเพลิงในยามกลางวัน ยังคงมีไฟลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวบางรายเลือกที่จะปักเต็นท์ค้างคืนที่นี่ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิตที่ยากจะลืม
5. ดวงตาแห่งซาฮาร่า (Richat Structure: The Eye of Sahara) มอริเตเนีย
ภาพด้านบน จากนาซ่า/Credit: NASA
ณ ดินแดนอันแห้งแล้งบนทะเลทรายซาฮาร่า มีสถานที่อันแปลกประหลาดที่ถูกค้นพบโดยดาวเทียมของนาซ่า ตั้งอยู่ในประเทศมอริเตเนีย ทวีปแอฟริกา มีลักษณะเป็นหลุมรูปวงกลม มีวงแหวนซ้อนระยะห่างเท่า ๆ กัน มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 40 - 50 กิโลเมตร เมื่อมองจากยานอวกาศปรากฏเป็นรูปร่างคล้ายดวงตาสีฟ้า เป็นสิ่งที่น่าพิศวง จนนักธรณีวิทยาต่างตั้งข้อสันนิษฐานต่าง ๆ นานากับการเกิดขึ้นของสิ่งนี้ บางคนเชื่อว่าเกิดจากหลุมอุกกาบาต แต่เมื่อพิสูจน์กลับไม่ใช่ บ้างก็เชื่อว่าเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำ แต่ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าทำไมถึงเป็นรูปทรงกลม
"นักทฤษฎีบางคนถึงกับเชื่อว่ามันคือเมืองแอตแลนติสที่หายสาบสูญ"
ซึ่งมีลักษณะการวางผังเมืองเป็นรูปวงกลม ความลึกลับน่าค้นหานี้เองกลายเป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัส แต่ถ้าเดินไปดูใกล้ ๆ สิ่งที่ตาเปล่าเห็น คงเป็นเพียงทะเลทรายที่ร้อนระอุเท่านั้นครับ
หากใครรู้สึกว่าไปเที่ยวเองน่าจะลำบาก และกลัวว่าจะไม่เห็น The Eye of Sahara ได้ด้วยตาเปล่า ให้ลองเข้าไปดูใน Google Map ก็จะเห็นภาพราง ๆ ได้เหมือนกันครับ
ใครที่กำลังวางแผนการท่องเที่ยวแนวนี้อยู่ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การวางแผนเรื่องการเงิน ลองศึกษาเรื่องการเก็บเงินไปเที่ยวเพิ่มเติมได้จากลิงก์นี้
นอกจากนี้ อย่าลืมเช็คช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง (best travel season) พร้อมทำ
ประกันภัยการเดินทางไว้ให้ครอบคลุม เพื่อให้การผจญภัยในดินแดนพิศวงไม่มีสะดุดครับ