กฎแรงดึงดูด ตัวช่วยเปลี่ยนแผนการเก็บเงินด้วยพลังบวก

กฎแรงดึงดูด ตัวช่วยเปลี่ยนแผนการเก็บเงินด้วยพลังบวก

By Krungsri Plearn Plearn
การนำแนวคิดทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและวางแผนทางการเงิน ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำความคิดเรื่อง “กฎแรงดึงดูด” (Law of Attraction) มาใช้ในการพัฒนาความคิดด้านบวกที่มีต่อเรื่องการเงิน จนสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเก็บเงินให้เป็นไปตามเป้าได้สำเร็จ และสามารถดึงดูดโอกาสสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยเข้ามาหาตัวเองได้ ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะไปเริ่มใช้กฎแรงดึงดูดกันนั้น น้องเพลินเพลินจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกฎแรงดึงดูดให้มากขึ้นกันก่อน

กฎแรงดึงดูด คืออะไร?

กฎแรงดึงดูดคืออะไร
กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าความคิดและความรู้สึกของเรามีพลังในการดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบ จากหลักการที่ว่า "สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน" หรือ "Like Attracts Like" ผ่านเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ โดยแนวคิดเรื่องกฎแรงดึงดูดนี้ปรากฏครั้งแรกในหนังสือของ Helena Blavatsky นักปรัชญาและนักเขียนชาวรัสเซีย เมื่อปี 1877 ซึ่งได้อธิบายถึงพลังจิตของมนุษย์ที่สามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ได้ หลังจากนั้นถูกนำไปพัฒนาเป็นแนวคิดและงานเขียนต่าง ๆ อีกมากมาย

กฎแรงดึงดูดทำงานอย่างไร?

การทำงานของกฎแรงดึงดูดนั้นถ้าเรามีความคิดลบ ชีวิตก็จะดึงดูดสิ่งลบ ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ถ้าเรามีความคิดบวก ชีวิตก็จะพบเจอแต่สิ่งดี ๆ และประสบผลสำเร็จในเรื่องที่คิดไว้ แต่สิ่งที่ยากที่สุดที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จกับการนำกฎแรงดึงดูดมาใช้ คือในความรู้สึกลึก ๆ แล้ว เราไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คิดอยู่จริง ๆ เช่น คิดว่าต้องประสบความสำเร็จ แต่ลึก ๆ ในจิตใจกลับแย้งว่าตัวเองไม่มีทางประสบความสำเร็จได้หรอก เป็นต้น

วิธีการใช้กฎแรงดึงดูดให้ได้ผล

เมื่อเรารู้แล้วว่าแรงดึงดูดทำงานอย่างไร แต่หลายคนไม่สามารถนำกฎแรงดึงดูดมาใช้ได้ประสบความสำเร็จ เราจึงนำวิธีการทำกฎแรงดึงดูดให้ได้ผลดีมาฝากกัน ดังนี้
  • จินตนาการถึงสิ่งที่เราต้องการให้ชัดเจน เริ่มด้วยการตัดสินใจอย่างแน่วแน่และชัดเจน อย่าลังเล สงสัย ไม่มั่นใจ กลัว หรือกังวลในสิ่งที่เราต้องการ จากนั้นจินตนาการให้เห็นภาพตัวเองว่าเราได้รับมันมาแล้ว มีความรู้สึกดีอย่างไร มีความสุขมากมายแค่ไหน รู้สึกให้ได้ตอนนี้เลย เพื่อให้จิตมีพลังดึงดูดสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นจริงได้เร็วขึ้น
  • ฝึกคิดในแง่บวก รู้เท่าทันความคิดลบแล้วเบี่ยงเบนความคิดนั้นให้เป็นความคิดในแง่บวกให้ได้มากขึ้น เช่น หมั่นชื่นชมและขอบคุณตัวเอง ขอบคุณผู้คนและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้จักให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด ความคิดเหล่านี้จะช่วยสร้างพลังบวก และดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิตได้มากขึ้น
  • หยุดพูดคำลบ ๆ เช่น คำว่า "ไม่" "อย่า" หรือ "ห้าม" เป็นต้น เพราะจิตใต้สำนึกไม่เข้าใจความหมายของตรรกะหรือคำพูด มันจะรับรู้แค่ว่าสิ่งที่เราพูดหรือบอกกับตัวเองบ่อย ๆ นั่นคือสิ่งที่เราต้องการนั่นเอง
  • เติมเต็มความรู้สึกขาดภายในใจตนเอง กฎแรงดึงดูดจะทำงานจากความรู้สึก หากเรายังมีความรู้สึกขาดอยู่ภายในใจ มันก็จะทำงานตามความรู้สึกของเรา แล้วดึงดูดสิ่งที่เราขาดนั้นมาให้ เช่น หากคุณต้องการจะเจอรักแท้ แต่ยังมีความรู้สึกขาดความรัก โหยหาความรัก ยังรักตัวเองไม่เป็น ไม่สามารถเติมเต็มความรักให้ตัวเองได้ ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่คุณจะพบรักแท้ เป็นต้น

กฎแรงดึงดูดส่งผลต่อความคิดด้านการเงิน

กฎแรงดึงดูดส่งผลต่อความคิดทางการเงิน
หลายคนจะประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินความเป็นจริง และไม่เชื่อในประสิทธิภาพที่ตัวเองมี จนเกิดความคิดที่จำกัดความสามารถของตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่กล้าทำงานใหม่ ๆ ไม่กล้าลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ไม่กล้าเสี่ยงแสวงหาความร่ำรวย จนทำให้โอกาสดี ๆ ในชีวิตถูกปิดกั้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการนำกฎแรงดึงดูดมาปรับเปลี่ยนความคิดลบด้านการเงิน และเสริมความคิดบวกด้านการเงินว่าเราจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นมากมาย เมื่อนั้นกฎแห่งแรงดึงดูดก็จะเริ่มทำงาน จนเรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้จริง

4 เทคนิคการใช้กฎแรงดึงดูด สร้างความคิดบวกด้านการเงิน

เทคนิคการใช้กฎแรงดึงดูด สร้างความคิดบวกด้านการเงิน
เมื่อเราได้รู้จักกฎแรงดึงดูดว่าคืออะไร และส่งผลอย่างไรกับความคิดด้านการเงินของเราแล้ว จะเห็นได้ว่าถ้าเรามีความคิดบวกด้านการเงิน เราก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายการเก็บเงินได้ ซึ่งหากใครยังนึกไม่ออกว่าจะคิดบวกอย่างไรดี เรามีเทคนิคมาฝากกัน ดังนี้

เทคนิคกฎของแรงดึงดูดที่ 1 หยุดเชื่อความคิดด้านลบเกี่ยวกับการเงิน

เริ่มแรกก่อนที่เราจะไปคิดบวกทางการเงินกันนั้น เราต้องหยุดความคิดด้านลบด้านการเงินกันก่อน เช่น คิดว่าเกิดมาจนยังไงก็ไม่มีทางรวย หรือเป็นคนรวยได้ต้องมีครอบครัวที่สนับสนุน และคนขี้โกงเท่านั้นที่จะรวย เป็นต้น ซึ่งหากเรายังคิดลบกับเงินอยู่แบบนี้ถึงแม้จะหาเงินได้มากขึ้นเท่าไร เราก็จะไม่มีความคิดหาวิธีเก็บเงินให้ได้มากขึ้น หรือกล้าเสี่ยงต่อยอดการลงทุนจนร่ำรวยขึ้นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

เทคนิคกฎของแรงดึงดูดที่ 2 คิดว่าเราคู่ควรแล้วที่จะมีเงินมาก ๆ

หลายคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับมัน เราอาจจะรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำและไม่ควรค่ากับการมีเงินเข้ามามาก ๆ เช่น เรากำลังทำงานได้เงินเดือน 20,000 บาท แต่มีความฝันอยากจะใช้เงินเดือนละแสน แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้เพราะรายได้ปัจจุบันที่มี ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิด และตั้งใจที่จะมีรายได้เท่านั้นจริง ๆ เราก็จะมีแรงพัฒนาตัวเองมากขึ้น จนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปแบบโบนัส หรือใช้การมองหางานใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มโอกาสในการเติบโตและได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงเราอาจจะมีความคิดถึงการทำงานอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อหารายได้มากขึ้น

เทคนิคกฎของแรงดึงดูดที่ 3 คิดว่าเงินอยู่รอบตัวฉัน ฉันสามารถหาเงินได้จากทุกที่

ไม่มีใครดึงดูดเงินได้เพียงเพราะบอกตัวเองว่า ฉันจะดึงดูดเงินเข้ากระเป๋าได้ แต่ต้องมาจากชุดคำพูดที่คอยช่วยพูดยืนยันแบบเชิงบวกให้ตัวคุณมั่นใจในสิ่งที่กำลังคิด เช่น ฉันรักเงินและเงินรักฉัน หรือฉันจะใช้เงินเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น หรือเงินเป็นรากฐานของความสุขและความสบายให้กับฉันได้ดีที่สุด หรือเงินอยู่รอบตัวฉัน ฉันสามารถหาเงินได้จากทุกที่ หรือการตอกย้ำตัวเองเชิงบวกในลักษณะแบบนี้ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างแรงดึงดูดในการดูดเงินให้ตัวเราเอง

เทคนิคกฎของแรงดึงดูดที่ 4 คิดว่าการวางแผนทางการเงินของเราจะสำเร็จ

ถ้าเราต้องการเก็บเงินให้ได้ตามเป้าหมาย การใช้กฎแรงดึงดูดจะช่วยให้เรามีความมุ่งมั่นและมีพลังบวกในการเก็บเงิน ลองตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ต้องการเก็บเงิน 100,000 บาท ภายใน 1 ปี จากนั้นสร้างภาพในจินตนาการว่าเราได้บรรลุเป้าหมายนี้แล้ว และใช้คำพูดเชิงบวก เช่น ฉันมีความสามารถในการเก็บเงินและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ก็สามารถช่วยทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้

Tips by น้องเพลินเพลิน : กฎแรงดึงดูดปรับเปลี่ยนวิธีคิดการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ กล้าเสี่ยงเพื่ออิสรภาพทางการเงิน

สำหรับผู้ที่สนใจมองหาโอกาสในการลงทุน น้องเพลินเพลินขอแนะนำกองทุนเดือนสิงหาคม “กองทุน KFGBRAND ลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่เป็นผู้นำในธุรกิจ และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยพิจารณาจาก Intangible Assets เช่น การมีเครื่องหมายการค้าเป็นที่รู้จักทั่วโลก การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า หรือกลวิธีการจัดจำหน่าย เป็นต้น

โอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว จากการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่มีความทนทานต่อภาวะตลาด (Defensive Stock) เป็นหลัก จึงมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในช่วงตลาดขาขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสในการช่วยปกป้องความเสี่ยงของเงินลงทุนในช่วงตลาดขาลง
  • ธีมการลงทุน : ลงทุนในหุ้นบริษัทในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จ/มีชื่อเสียงใน Brand เช่น เครื่องหมายการค้า เจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า หรือกลวิธีจัดจำหน่าย ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ Morgan Stanley Investment Fund - Global Brands Fund เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
  • ระดับความเสี่ยง : 6 (เสี่ยงสูง) ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของ ผจก.กองทุน

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

แม้กฎแรงดึงดูดจะเป็นจิตวิทยาที่น่าสนใจ และสามารถนำมาใช้ในการวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การสร้างภาพในจินตนาการ และการใช้คำพูดเชิงบวก แต่อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องใช้ชีวิตบนพื้นฐานของเหตุผลควบคู่กันไป และยอมรับผลในปัจจุบันเสมอว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตหรือรู้อนาคตล่วงหน้าได้ เราจึงควรโฟกัสที่การทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้นั่นเอง
 
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา