เนื่องจากปัญหาการระบาดของเหล่ามิจฉาชีพส่งผลให้มีผู้คนที่เสียหายจากการถูกแอบอ้าง และโดนสวมรอยจากมิจฉาชีพจนเกิดการสูญเงินเป็นจำนวนมากทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือที่เราเรียกกันว่าแบงก์ชาติเล็งเห็นถึงปัญหา และประกาศมาตรการรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานธุรกรรมทางการเงินให้รัดกุมขึ้นด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้าลงในแอปพลิเคชันโมบายแบงค์กิ้งซึ่งเรียกว่าข้อมูลชีวมิติ หรือ Biometrics (ไบโอเมตริกซ์)
แล้วทุกคนคงสงสัยว่าเจ้าข้อมูลนี้คืออะไร และรักษาความปลอดภัยให้เราได้จริงหรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อมกันกับบทความนี้
การยืนยันตัวตนด้วย Biometrics คืออะไร?
ระบบ Biometrics คือเทคโนโลยีในการระบุยืนยันถึงตัวตนตามลักษณะทางกายภาพ และลักษณะพฤติกรรมที่ไม่ซ้ำ หรือเหมือนใครบนร่างกายของเราซึ่งประกอบไปด้วยเทคโนโลยีทางชีวภาพ และทางการแพทย์ที่สามารถตรวจจับอัตลักษณ์ (identity) เฉพาะของเราได้อย่างแม่นยำทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย โดยมีองค์ประกอบหลักเลยก็คือ เซนเซอร์ที่จับไบโอเมตริกซ์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับเก็บข้อมูลเดิม และซอฟต์แวร์เพื่อเปรียบเทียบทั้งสอง
Biometrics แต่ละแบบที่ใช้ยืนยันตัวตน
1. ระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint Scanners
ข้อมูล Biometrics ที่เรารู้จัก และมีการนำมาใช้แรก ๆ เลยก็คือการสแกนลายนิ้วมือโดยมีการทำงานแบบจดจำลายนิ้วมือซึ่งตัวเซนเซอร์จะทำการบันทึกเป็นข้อมูลภาพให้เครื่องสแกนอ่านลายนิ้วมือจากนั้นเครื่องจะเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติการสแกนก่อนหน้า และระบุได้ว่าเป็นบุคคลนั้นหรือไม่ เช่นเดียวกับการจดจำเส้นเลือดดำบนชั้นผิวหนังของนิ้วมือ เพราะโครงสร้างเส้นเลือดในร่างกายมนุษย์ไม่เหมือนกัน และมีคุณสมบัติที่ต่างกัน สามารถทำได้โดยการนำมือไปสัมผัสรังสีอินฟราเรดหลังจากนั้นเครื่องจะประมวล และแสดงผลด้วยการแรงเงาของเส้นที่เปลี่ยนเป็นสีดํา แล้วระบุข้อมูลไบโอเมตริกซ์ที่ผ่านการสแกนออกมา
2. ระบบสแกนใบหน้า Facial Recognition
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี Biometric ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันด้วยการทำงานของ
เทคโนโลยี Deep Learning โดยมี AI ที่ถูกคอยเรียนรู้ลักษณะเฉพาะสำคัญที่จะช่วยแยกแยะหน้าตาของผู้คนจากรูปใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ตัวอย่างเช่น ระยะห่างระหว่างตา ตำแหน่งความยาวของจมูก เป็นต้น
นอกจากนี้ข้อมูลระบบ Biometrics อื่น ๆ ยังมีอีกหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ลักษณะใบหู กระจกเรตินาในม่านตา ลักษณะของมือ เสียงพูด หรือลายเซ็นต์เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการยืนยันตัวตนที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับตัวบุคคลได้อีกด้วย
ทำไมต้องสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน เมื่อทำธุรกรรมเกิน 50,000 บาท?
จาก
การระบาดของแก๊งมิจฉาชีพ และความเสียหายของผู้ที่ถูกสวมรอยจากกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศ 3 มาตรการจัดการภัยการทุจริตทางการเงิน ที่จะดูแลครอบคลุมตลอดเส้นทางในการทำธุรกรรมทางการเงินซึ่งกำหนด “โอนเงินเกิน 50,000” ต้องสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
มาตรการความปลอดภัย ทั้ง 3 ข้อมีดังนี้
1. มาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงข้อมูลของพวกเรา ให้สถาบันทางการเงินงดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล โดยการเลิกส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งานระบบโมบายแบงก์กิ้งของแต่ละสถาบันทางการเงิน ให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น โดยสถาบันทางการเงิน ต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ โมบายแบงก์กิ้งก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง
โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 3 ธุรกรรม ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านระบบ Biometrics
- การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ
- โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน
- การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน
2. มาตรการตรวจจับ และติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย
ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเงื่อนไขการตรวจจับ และติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิดเพื่อให้สถาบันทางการเงินรายงานไปสำนักงาน ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) และสถาบันทางการเงินจะต้องมีระบบตรวจจับ ติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ Near Real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมนั้น ๆ ได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบเพื่อป้องกันความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
3. มาตรการรับมือมิจฉาชีพ
เพื่อจัดการปัญหามิจฉาชีพที่เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ทางสถาบันทางการเงินทุกแห่งจะต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้แยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็วขึ้น รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันทางการเงิน
*ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.tba.or.th
วิธียืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า เมื่อต้องโอนเงินเกินครั้งละ 50,000 จากธนาคารกรุงศรี
- วิธีการสมัคร NDID ที่ธนาคารกรุงศรี สามารถทำตามได้ตามภาพตัวอย่างด้านล่างนี้
- วิธีการลงทะเบียน NDID ผ่าน KMA (Krungsri Mobile App) และ Krungsri Biz Online สามารถทำตามได้ตามภาพตัวอย่างด้านล่างนี้
การยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และพวกเราทุกคนสามารถทำด้วยตัวเองได้อย่างสะดวก เพื่อ
ความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง โดยสำหรับลูกค้ากรุงศรีที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถทำได้ในแอปพลิเคชั่น KMA (Krungsri Mobile App) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 และ สำหรับ Krungsri Biz Online มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2566 (เฉพาะบุคคลแบบ Single Control เท่านั้น)