Jack of all trades VS Entrepreneur ช่วยธุรกิจคุณด้านใดบ้าง

Jack of all trades VS Entrepreneur ช่วยธุรกิจคุณด้านใดบ้าง

By Krungsri Guru

"Jack of all trades" หรือบางทีก็ใช้คำว่า "Jack off all trades, master of none" ซึ่งหมายถึงคนที่ทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญสักอย่างหรือสามารถทำได้หมดทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่างเลย แล้วคนแบบนี้จะช่วยธุรกิจคุณในด้านใดได้บ้าง

สำหรับ Entrepreneur คือการเป็นผู้ประกอบการ หมายถึง การเป็นผู้ประกอบการทางธุรกิจที่มีความสามารถในการแสวงหาโอกาส และสามารถใช้โอกาสนั้นเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง มีความสามารถในการสนองความต้องการของผู้บริโภค และสามารถปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ทันการณ์ นอกจากนี้การเป็นผู้ประกอบการอาจรวมถึงการเป็นผู้ประกอบการทางภาครัฐ ที่มุ่งแสวงหาการให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับผู้รับบริการ

Jack of all trades VS Entrepreneur ช่วยธุรกิจคุณด้านใดบ้าง

บทความนี้จะลองเปรียบเทียบเป็นข้อๆ ให้เห็นชัดๆ กันเลย... มาติดตามกันเลยดีกว่าครับ
 

ประการแรก Jack of all trades เป็นคนที่ทำอะไรได้หลายอย่าง VS Entrepreneur เป็นคนที่มักจะมีความถนัดเฉพาะทาง

ถ้าเราเป็น Jack of all trades เราอาจเหมาะกับการเป็นผู้จัดการงานที่ต้องอาศัยความรู้หลากหลายในการควบคุมงานในหลายรูปแบบ และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง แต่หากเราเป็นผู้ประกอบการ เป็น Entrepreneur จะต้องเป็นคนที่รู้จริงในสิ่งที่เราทำ ต้องมีวิสัยทัศน์ และมองเห็นภาพไกล ๆ ว่าธุรกิจที่เราทำมีอนาคตหรือไม่ ต้องปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง หากเรานำคุณสมบัติทั้งสองมาปรับใช้กับธุรกิจ เราก็จะสามารถจัดการงานได้หลากหลาย ในขณะเดียวกันก็ใช้ทักษะของผู้ประกอบการอย่าง Entrepreneur ทำให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้ครับ
 

ประการที่สอง Jack of all trades มักจะมีรายได้หลายทาง VS Entrepreneur ที่มักจะมีรายได้ทางเดียว

ความเป็นจริงแล้ว คนประเภททำอะไรได้หลายๆ อย่าง มักจะมีรายได้หลายทาง เนื่องจากไม่ได้ทำงานเพียงอย่างเดียว หากคุณเป็นคนประเภทนี้ ต้องรู้จักปรับความสนใจที่หลากหลายของตนเอง เปลี่ยนมันให้เป็น“กระแสเงินสด” ผมเองเคยรู้จักกับคนที่เป็น Jack of all trades และก่อตั้งเว็บไซต์ของตนเอง ด้วยคอนเซ็ปต์ว่า “อยากเขียนอะไรก็เขียน” ปรากฏว่ามีผู้ติดตาม และทำเงินได้หลักล้านต่อปีเลยทีเดียว แต่นั่นตรงข้ามกับคนประเภทผู้ประกอบการอย่าง Entrepreneur ที่จะเก่งในด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้รายได้ที่ได้รับมาจากการประกอบกิจการเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้จะมีรายได้ทางเดียว แต่รายได้ก็มากพอ และอาจจะมากกว่าคนที่มีรายได้หลายๆ ทาง แต่ไม่ได้ประกอบกิจการที่เป็นของตนเอง... เราสามารถนำคุณสมบัติของคนทั้งสองประเภทนี้ มาปรับใช้ร่วมกันได้ โดยคนประเภท Jack of all trades จะทำให้องค์กรของเรามีมุมมองใหม่ๆ ตลอดเวลา ในขณะที่ผู้ประกอบการอย่าง Entrepreneur จะช่วยให้งานเฉพาะทางสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
 

ประการที่สาม Jack of all trades เหมาะที่จะพัฒนาให้กลายเป็นผู้ประกอบการหรือ Entrepreneur อย่างยิ่ง VS Entrepreneur ที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็น Investor ในอนาคต

เนื่องจากความรู้ความสนใจของคนประเภท Jack of all trades ค่อนข้างหลากหลาย และนั่นคือหนึ่งคุณสมบัติของผู้ประกอบการหรือ Entrepreneur นั่นเองครับ... แต่การจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีนั้น “องค์ประกอบ” และ “การจัดระเบียบทรัพยากร” ก็สำคัญเช่นกัน หากเรารู้ตัวว่าเรามีความสนใจหลากหลาย เพียงเรารู้จักจัดองค์ประกอบให้ถูกต้อง และจัดระเบียบทรัพยากรที่มีในมือ เปลี่ยนมันเป็น “กระแสเงินสด” เราก็สามารถกลายร่างเป็น Entrepreneur หรือผู้ประกอบการได้อย่างแน่นอนครับ ส่วน Entrepreneur นั้นสามารถพัฒนาให้กลายเป็น Investor หรือ “นักลงทุน” ได้ เนื่องจากคนเหล่านี้จะมีกระแสเงินสดเป็นบวกจากกิจการที่ทำ และเริ่ม “สะสม” มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีเงินเหลือพอที่จะไป “ซื้อกิจการใหม่ ๆ” หรืออาจเป็นการซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น เช่น อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น (ลองอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Entrepreneur กันดูนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย)
ในดีมีร้าย-ในร้ายมีดี หากเรารู้จักปรับเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี มันจะช่วยธุรกิจคุณได้หลายด้าน และ “ความสำเร็จ” ย่อมเป็นของเราอย่างแน่นอนในที่สุดนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา