กว่าจะมีวันนี้ได้ เส้นทางของเฉาก๊วยเต็งหนึ่งไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ลองมาฟัง ประวัติของหมู - ทินพันธุ์ วัฒนอัครโภคิน CEO เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง เด็กหนุ่มเจ้าของธุรกิจของดำทำเงิน เฉาก๊วย 100 ล้านบาท ว่าเป็นอย่างไร
ผมเป็นเด็กมีปัญหาครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกทางกันตอนอายุประมาณ 4 ขวบ พ่อเป็นกรรมกร จึงเดินทางเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ไปตามไซต์ก่อสร้างที่ต่าง ๆ ส่วนแม่เป็นช่างเสริมสวยจึงไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดู อดมื้อกินมื้อ ทำให้รู้ว่าความสูญเปล่า ความเปลี่ยวเหงาเป็นอย่างไร ตอนเรียนก็ต้องไปขอร้องคุณครูเพื่อขอจ่ายเงินค่าเทอมช้ากว่ากำหนด
ผมต้องไปอาศัยอยู่กับญาติ ๆ เวียนไปแต่ละบ้าน อาเลยรับผมไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ อยู่แถวบางซื่อ ได้เรียนโรงเรียนในเมืองทำให้ได้รับการศึกษาที่ได้มาตรฐาน แต่ผมติดเพื่อนเลยค่อนข้างเกเร กลับบ้านดึก สนุกสนานเฮฮาไปตามภาษาวัยรุ่น ผมเป็นคนเกเร บ่อยครั้งที่ต้องโดนคุณครูเชิญเข้าห้องฝ่ายปกครองไปตักเตือน ไปทำโทษจนครูทุกคนส่ายหน้า ไม่อยากให้เรียนต่อไปแล้ว แต่ก็มีคุณครูท่านหนึ่ง ท่านเข้าใจผม สงสารผม เพราะรู้ว่าทางบ้านมีปัญหาครอบครัวเลยให้โอกาสเราได้เรียนต่ออีกครั้ง
แต่ผมต้องไปโรงเรียนแต่เช้า ถึงประมาณตี 5 พร้อมทำงานต่าง ๆ เพื่อดัดนิสัย ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถู เรียงเอกสาร และทำงานต่าง ๆ ตามที่คุณครูมอบหมาย ก่อนไปเข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ ตอน 8 โมงตรง พอเลิกเรียนปุ๊บก็ต้องรีบตรงกลับบ้าน ให้คุณอาเช็กชื่อเช่นเดียวกัน เหมือนพนักงานตอกบัตรเข้างาน ต้องโดนควบคุมความประพฤติ
ทุกวันจะมีเวลาว่างสัก 2-3 ชั่วโมง เพราะต้องนั่งรอเวลาในห้องฝ่ายปกครอง ผมเลยหยิบหนังสือในห้องนั้นมาอ่านทั้งหมด หนังสือ ตำราเรียน วรรณกรรม วิชาการ หลักจิตวิทยา นิตยสาร หนังสือสวดมนต์ จนไปเจอหนังสือ How to ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรา มีป้าคนนึงจบ ป. 4 แต่ทำธุรกิจขายขนมหม้อแกงจนรวยหลายล้านบาท เราก็รู้สึกว่าป้าเป็น Role Model (ต้นแบบ) สักวันผมต้องรวยให้ได้
ถ้าเราไม่มีความรู้ ไม่มีทุนมากพอ ไม่มีพ่อแม่ที่มีเงินมากมาย เราก็ต้องมุ่งมั่น ขยันอดทน ต้องทำงานหนักและตั้งใจมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว
จนตอนเรียนปริญญาตรี ผมเลือกเรียนสาขาวิศวกรรมอุตสาหการและการจัดการ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้เจอคณาจารย์ พี่ น้อง เพื่อน ๆ และเริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจด้านการจัดการ ทำโรงงานอุตสาหกรรม ตอนไปฝึกงานที่โรงงานยางรถยนต์ ผมรู้สึกว่าที่เรียนมาอย่างหนัก คำนวณนั่นนี่มันไม่ได้ใช้เลย อีกอย่างเราเรียนมาก็ตั้งใจว่าจะได้ทำงานที่สร้างครอบครัว ช่วยพ่อแม่ให้สบาย ไม่มีหนี้สิ้น มีบ้าน มีรถ แต่ตอนไปฝึกงานเป็นวิศวกรฝึกหัด เราดูแล้วว่าเงินเดือนเราไม่น่าจะพอที่จะทำตามเป้าอย่างนั้น แค่พอตัวเองรอดเท่านั้น เลยตัดสินใจ เอาวะ! ลาออกไปทำธุรกิจดีกว่า
ทั้งเพื่อนและคณาจารย์ที่ปรึกษาก็บอกว่า มึงบ้าไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร เพราะความฝันของเรายิ่งใหญ่กว่านั้น ผมเชื่อมั่นว่ามันต้องดีกว่าการที่ผมไปเรียนแล้ว ไปทำงานกินเงินเดือนไปเรื่อย ๆ แน่นอน
หลังจากลาออกจากมหาวิทยาลัย ใครมีงานอะไรให้ทำ ผมไปทำหมด สนามบอล ร้านเหล้า ร้านถ่ายเอกสาร ร้านอาหาร จนมีเงินเก็บ 2 - 3 หมื่นบาท มีอยู่วันหนึ่ง ผมกับแฟนไปนั่งกินข้าวมันไก่ร้านประจำ แล้วเจ้าของร้านเขาอยากจะเซ้งร้าน เรามองหาธุรกิจอยู่แล้ว เราเลยตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจ ร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า ค่าเซ้งทั้งหมด 100,000 กว่าบาท เลยต้องไปยืมเงินทางบ้านแฟน
ข้าวมันไก่ ทำกำไรดีเหมือนกันวันละ 2,000-3,000 บาท ช่วงสอบนักศึกษาจะนอนกันดึก ขายดีมากได้ถึงวันละ 5,000 บาท เราเลยเปิดร้าน 23 ชั่วโมงเลย หยุด 1 ชั่วโมงไว้จัดการที่ร้าน ทำความสะอาด ส่งกะ จนขายเฉลี่ยวันละ 10,000 บาท กำไร 40,000-50,000 ต่อเดือน
แต่ก็พบปัญหาเรื่องสุขภาพอีก เพราะเรานอนน้อยมาก ๆ แค่ 2 - 3 ชั่วโมงเท่านั้น เลยมองหาโอกาสเพิ่มอีก อยากจะทำน้อยได้มาก เลยไปเจอธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้า ธุรกิจเขาดีมาก ทำแล้วไม่ต้องแลกกับสุขภาพและตอบโจทย์ที่เราต้องการจะสร้างตัวและทำให้ครอบครัวสุขสบาย ด้วยความมุ่งมั่นและความโชคดี ผมตัดสินใจเดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อลงเรียนการทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้า โดยขอไปนอนอยู่วัดจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียค่าโรงแรม ไปเป็นเด็กวัด พอดีมีเพื่อนบวชเรียน ณ วัดไผ่ตัน ย่านสะพานควาย หลวงพี่ได้ของทำบุญตักบาตรมาเยอะ เราเลยได้รับบุญตรงนี้ไปด้วย
หลวงพี่เก็บเฉาก๊วยถ้วยไว้ให้เรา หลังกลับจากอบรมเราเลยได้ชิมแล้วชอบรสชาติมาก เนื้อเหนียวนุ่ม ผมอยากนำไปวางขายที่ร้านข้าวมันไก่ ไปทำเฉาก๊วยนมสด ชานม ชาเขียว แต่ไปหาซื้อแล้วไม่มี หาในอินเทอร์เน็ตก็ไม่มีเลยลองโทรไปหาเขาว่าจะขอซื้อเนื้อเฉาก๊วยอย่างเดียว เขาก็บอกว่าไม่ขาย เขาขายแต่เฉาก๊วยในน้ำเชื่อมสำเร็จพร้อมรับประทานอย่างเดียว เราก็เลยลองทำเอง จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเลย จากเจ้าของร้านกิจการข้าวมันไก่สู่เจ้าของโรงงาน “เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง”
เริ่มศึกษาการตลาด พบว่า ขายดีมากในช่วงหน้าร้อน ขายวันละ 2 แสนถุง ก็ไม่รู้ขายถุงเท่าไหร่ แต่เขาขายแก้วละ 15 บาท คิดเล่น ๆ ก็น่าจะขายส่ง 10 บาท 200,000 ถุง ก็วันละ 2 ล้าน เดือนละ 60 ล้าน ปีละ 700 กว่าล้านบาท ไม่มีคู่แข่งอีก ไม่มีคนมาแบ่งตลาด ทั้ง ๆ ที่สินค้าขายดีอย่างนี้ ทุกวงการต้องมีคู่แข่งทั้งนั้น ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันน่าสนใจ ขอแค่นิดเดียว 10% ก็ 70 ล้านแล้ว
เริ่มจากการไปใช้เวลาเรียนรู้เฉาก๊วยทั้งหมด 365 วันเต็ม ๆ ต้มไม่เคยหยุด ทำร้านข้าวมันไก่ไปด้วย ว่างก็ขึ้นมาต้มเฉาก๊วย ล้างจาน สับไก่ ขายของ เพราะต้มทีหนึ่งใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมง มันนานมาก ๆ เคี่ยวให้ยางมันออกให้หมดและเอายางนั้นไปกวนแล้วหั่นออกมาเป็นเนื้อก้อน ทำอย่างนั้นจนแฟนสงสาร แต่เราเชื่อว่ามันต้องได้ ลองคำนวณดู ถ้าหนึ่งปีไม่สำเร็จจะเลิกทันที ลงทุนไปหลายแสน จนสำเร็จ ช่วงแรก ๆ ต้องไปแจกฟรี ให้ลูกค้าลองชิมจนลูกค้าบอกว่าอร่อย แต่ก็ยังขายไม่ได้ ก็เริ่มวางในร้านข้าวมันไก่ ขายได้ 30-40 กระปุก ฝากขายไปทั่วในละแวกนครปฐม แรก ๆ ยังไม่มีแบรนด์ มันดูไม่น่าเชื่อถือ
ผมเลยตั้งชื่อว่า “เต็งหนึ่ง” เต็ง อาจจะยังไม่ใช่ที่หนึ่ง เพื่อเตือนใจให้เราต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นที่หนึ่ง ให้เราได้เป็นที่หนึ่งทุกครั้ง แต่ถ้าเราย่ามใจ คิดว่าเราเก่งที่สุด สำเร็จแล้ว เราชนะ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ในทันที ทำให้ปัจจุบันเราขยายกำลังการผลิตต่อวันเป็น 10 ตัน ในปี 2561
เต็งหนึ่ง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ที่มากกว่าความหวานคือความใส่ใจ เราใส่ใจกับผู้ที่มีส่วนร่วมทุกส่วน เรามีตัวแทน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ละภูมิภาคมากกว่า 18 จังหวัด เราพยายามทำให้ครอบคลุมทุก ๆ จังหวัด มีพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อสินค้าไปขายต่อ สร้างงานสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ครอบครัวมีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บางวันโรงงานผลิตไม่ทัน เพราะขายดีมาก ๆ ไม่มีของส่งให้เขาไปเปิดร้านขาย ผมแอบไปนอนร้องไห้ เพราะผมคิดถึงสมัยไม่มีเงินเหมือนกัน
ลูกน้องในโรงงาน ผู้ส่งวัตถุดิบมาให้ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเฉาก๊วย ขวดพลาสติก ฝา ฉลาก พันธมิตรต่าง ๆ ที่ช่วยกันสร้างธุรกิจ เราอยากทำธุรกิจที่ทำน้อยได้มาก ใช้หลักการจัดการแบบ LEAN มาช่วยโดยทีมที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวางระบบ ออกแบบโรงงานใหม่ให้ได้มาตรฐานมากขึ้น เน้นการผลิตที่มีคุณภาพ บริหารต้นทุน และการส่งมอบที่รวดเร็วทันใจ เราเตรียมการขอการรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ GMP HACCP HALAL ซึ่งเราไม่หยุดพัฒนา เราทุ่มเทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลอดเวลา
อีกส่วนที่สำคัญ คือ ที่ปรึกษาทางการเงิน
KRUNGSRI PRIME – ให้คุณก้าวไปไกลอีกขั้น ด้วยสิทธิประโยชน์ทางด้านการเงิน เพื่อเติมเต็มชีวิต และไลฟ์สไตล์ ให้คุณพร้อมรับความสำเร็จที่เกิดขึ้นใหม่ได้ทุกวัน รวมไปถึงมีแอปพลิเคชัน
KRUNGSRI PRIME ทำให้สามารถรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของเครือกรุงศรีได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว การมีที่ปรึกษาทางการเงินก็เป็นอีกส่วนที่จะทำให้การทำธุรกิจราบรื่นไม่สะดุด
มันมากกว่าตัวผมคนเดียว มีคนอยู่ด้านหลังสนับสนุนผมอีกเป็นพัน ๆ ชีวิต ตอนนี้เต็งหนึ่งเป็นของดีนครปฐม แต่เราก็ยังอยากให้เต็งหนึ่งเป็นของดีของประเทศไทย เต็งหนึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษ คือ เหนียวหนึบไม่เป็นสองรองใคร เรามีสินค้าอยู่ 2 กลุ่ม หลัก ๆ คือ เนื้อเฉาก๊วยและน้ำเชื่อมคาราเมลกลิ่นต่าง ๆ และสินค้าแปรรูป เช่น เฉาก๊วยโบราณแบบถุง ฝาฉีก กระป๋อง และน้ำเฉาก๊วยพร้อมดื่ม บางช่วงจะมีสินค้าพิเศษออกมาให้ลูกค้าได้ทดลองทานด้วย