เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

By ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา

งานศิลปะทำเงินที่เริ่มต้นจาก Passion คุยกับศิลปินที่เริ่มจากการวาดภาพประกอบ จนต่อยอดเป็น Lifestyle Product คุณป่าน ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา แห่ง JULI BAKER AND SUMMER

เมื่อศิลปะ คือ Passion ที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตเพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ทุก ๆ วัน และหล่อหลอมความเป็นตัวตนของเธอตั้งแต่วัยเด็กถึงปัจจุบัน จนทำให้คุณป่าน-ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา กลายเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่ง เธอเริ่มต้นจากการวาดภาพประกอบ ถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ส่วนตัวผ่านผลงานทุกชิ้นอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะการใช้สีสันและความสดใส จนพัฒนามาสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมายภายใต้แบรนด์ JULI BAKER AND SUMMER ที่มีลูกค้าติดตามและรอคอย Collection ใหม่ ๆ ของเธออยู่เสมอ ซึ่งการนำศิลปะ ไลฟ์สไตล์ และความชอบของตัวเองมาต่อยอดไอเดียจนเป็นธุรกิจได้ถึงทุกวันนี้ เธอมีแนวคิดและมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรไปฟังกัน
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

ทุก ๆ รายละเอียดในชีวิต คือ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะ

คุณชนารดี: แรงบันดาลใจสำหรับป่านมาจากทุกอย่างรอบ ๆ ตัวค่ะ ป่านเชื่อว่าแรงบันดาลใจมันไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เราจะไปหาได้ แต่มันเป็นสิ่งที่เราสะสมมา เป็นเรื่องรอบ ๆ ตัวเรา สถานที่ที่เราไป สถานที่ที่เราอยู่ บุคคลที่เราคุยด้วย หรือ Instagram ของคนที่เรา follow ก็ด้วย อย่างป่านเองเป็นคนชอบไปเที่ยว เลยรู้สึกว่าเวลาไปเที่ยวเราจะปลดล็อคอะไรบางอย่างในตัวเอง ทำให้เราเปิดตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะลองอะไรใหม่ ๆ มากขึ้น ยิ่งไปเที่ยวในที่ที่เราไม่เคยไป แล้วเขามีวัฒนธรรมอะไรที่แตกต่างจากเรา มันก็จะยิ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เรากลับมาพร้อมวัตถุดิบในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ รวมถึงงานศิลปะที่เราชอบ มันคือหลาย ๆ อย่างรวมกัน เรื่องต่าง ๆ ในชีวิตมันจะหล่อหลอมมาเป็นผลงานของเราเอง
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

ศิลปะที่เน้นความรู้สึก คือ นิยามในสไตล์งานของ JULI BAKER AND SUMMER

ศิลปะแนวที่ป่านชอบจะเป็นงานในยุค Expressionism และ Fauvism คือเป็นงานที่ใช้สีสันและวาดแบบไม่ Realistic มาก จะเน้นที่ความรู้สึกมากกว่า และป่านก็ยังสนใจศิลปะจำพวก Infant Art คือเป็นศิลปะที่มีแนวคิดว่าคนทุกคนสามารถทำงานศิลปะได้โดยที่ไม่ต้องมีทักษะ มันจะคล้าย ๆ งานศิลปะของเด็ก อย่างการใช้สีสัน ตัวป่านเองชื่นชอบงานของศิลปินชื่อ David Hockney มาก ๆ เคยไปดู Exhibition ของเค้าที่อังกฤษแล้วประทับใจมาก พอมาดูผลงานเก่า ๆ ของเขาก็ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจ จุดน่าสนใจคือ Hockney มีอาการ Synesthesia ที่ทำให้เขาได้ยินเสียงแล้วมองเห็นเป็นสี จึงส่งผลให้งานของเขามีสีสันที่แตกต่าง ช่วงแรกเราก็พยายามที่จะโฟกัสในงานของเขามากเป็นพิเศษ
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน
เครดิตภาพ: Holdsworth House
จากสไตล์ที่ชื่นชอบเหล่านี้ป่านเลยนำมาถ่ายทอดลงในงานของ JULI BAKER AND SUMMER ด้วย บวกกับความตั้งใจให้แบรนด์นี้มีนิสัยเหมือน Juli Baker คาแรกเตอร์นางเอกจากหนังเรื่อง FLIPPED ที่เราได้นำมาใช้ตั้งชื่อแบรนด์ คือจูลี่จะเป็นเด็กที่กล้าหาญ เป็นคนดี มองโลกในแง่ดี โทนของหนังเองก็มีความเข้าใจง่าย ป่านจึงอยากให้แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้แฟชั่นจ๋า เข้าถึงง่าย แอบมีความสนุกซุกซ่อนอยู่ในงาน พร้อมมองโลกในแง่ดีด้วยเหมือน Juli Baker และใคร ๆ ก็ใช้สินค้าของเราได้ค่ะ

พ่อและแม่ คือ Role Model ของการใช้ชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต

พ่อป่านเขาเป็นคนที่ทำงานช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน แล้วเราก็รู้สึกว่าเขาได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น เราจึงอยากจะทำสิ่งที่เราถนัดนั้นให้เกิดประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนเหมือนพ่อ แต่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ทำให้มันเกิดประโยชน์กับใครมาก แต่ก็หวังว่าจะได้ทำอะไรมากขึ้น อย่างในอนาคตป่านอยากจะสอนศิลปะเด็กค่ะ เพราะป่านรู้สึกว่าในประเทศไทย เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับศิลปะขนาดนั้น ซึ่งป่านรู้สึกว่าวิชาศิลปะจริง ๆ แล้วมันจำเป็นกับเด็ก ป่านเชื่อว่าถ้าคนเรามีความคิดสร้างสรรค์ มันจะเป็นส่วนที่ช่วยในการประกอบวิชาชีพทุก ๆ อาชีพได้มากขึ้น

การเดินทาง คือ สิ่งที่จุดประกายความคิดในการเปลี่ยนศิลปะให้กลายเป็นเงิน

ป่านเป็นคนชอบเที่ยว เราอยากจะเก็บเงินเพื่อจะไปเที่ยวด้วยตัวเองโดยไม่ต้องขอพ่อแม่ ตัวเราเรียนมาทางด้านแฟชั่น ทำให้รู้ว่าจะสามารถทำ Production จากที่ไหนได้บ้าง เราจึงเริ่มลงมือทำเลย ในช่วงแรกคือเริ่มจากการรับหมวกมือสองมาขาย ตอนหลังพอเรามีลู่ทางแล้ว เราก็ออกแบบเองทำเองทุกอย่างค่ะ
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

มากกว่าความเป็นแฟชั่น คือ งานศิลป์ที่จับต้องได้

จุดเด่นในงานของเราคือ ป่านมองว่ามันเป็น Product ที่เอางานศิลปะมาถ่ายทอดลงบนสินค้า ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน จึงทำให้มีความเป็นงานศิลปะมากกว่าสินค้าแฟชั่น และทำให้ลูกค้าเขาจำงาน Painting ของเราได้ด้วย คนก็จะรู้ว่าอันนี้เป็นของร้านเรานะ อย่างตอนนี้สินค้าภายใต้แบรนด์ของเราก็จะมีทั้ง เสื้อยืด ถุงผ้า เข็มกลัด ผ้าพันคอ ผ้าปูโต๊ะ สติกเกอร์ โปสการ์ด เคสโทรศัพท์ โดยเฉพาะเสื้อยืดนี่จะขายดีที่สุดเลย ป่านเคยไปขายในงาน Cat T-shit แล้วขายดีแบบเกินความคาดหมายมาก ๆ ค่ะ
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

ครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

หลัก ๆ แล้วสินค้าจะเปิดขายใน Instagram ค่ะ ก็จะเป็นคนไทยที่มาจากช่องทางนี้ แต่ที่ไปวางที่ร้าน Happening สาขาหัวหิน ก็จะมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เพราะเป้าหมายหลักของร้านคือนักท่องเที่ยวค่ะ คนที่มาซื้อของเราจึงเป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ และป่านเองก็เคยไปจัดนิทรรศการที่สเปน ตอนนี้จึงได้มีโอกาสเป็นดีไซน์เนอร์ให้แบรนด์ของเยอรมันอยู่ด้วยค่ะ ป่านออกแบบลายผ้าให้เขามา 2 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราไปฝึกงาน เขาก็เลยชวนเราทำต่อ ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี
เปลี่ยนศิลปะและไลฟ์สไตล์ให้เป็นเงิน

เพิ่มความรอบคอบ เพื่อลดปัญหาในขั้นตอนการผลิต

ป่านเป็นคนสะเพร่า เป็นคนไม่รอบคอบมาก ๆ ปัจจุบันนี้คือดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่าเมื่อก่อนคือเป็นคนแบบนั้นเลย ทำให้เคยมีปัญหาส่งของให้ลูกค้าผิด ผิดไซส์ ผิดลาย หลัง ๆ เราจึงต้องควบคุมสติตัวเองให้มากขึ้น อย่างเช่น เคยเจอเรื่องสีเพี้ยน เราก็จะเรียนรู้ได้ว่าโอเคต่อจากนี้ถ้าเราจะทำอะไรจะต้องขอตัวอย่าง 1 ชิ้นจากซัพพลายเออร์ก่อนเสมอ

เทคโนโลยีทางการเงิน คือ เครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์

ธุรกรรมออนไลน์ ก็จะช่วยในเรื่องความสะดวกรวดเร็ว คือ เราเป็นคนสะเพร่า เวลาที่ลูกค้าโอนเงินมาเราไม่ค่อยได้เช็ก แต่พอมันมีระบบการแจ้งเตือนเข้ามาในแมสเสจก็ช่วยเราได้มากขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าโอนเข้ามาจริง ๆ สั่งแล้วเขาโอนเงินเลยเรียบร้อยรวดเร็วดีค่ะ

แตกไลน์ Product พร้อมมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง อนาคตของ JULI BAKER AND SUMMER

หลังจากเรียนจบปริญญาโท ป่านก็อยากจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง อยากจะทำให้แบรนด์มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น คือ ตอนนี้งานของเรามันจะมีความเป็นแฟชั่นนิด ๆ เช่น กระเป๋า เข็มกลัด ป่านเลยอยากทำพวก House Wear มากขึ้น อย่างพวกผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หรือไม่ก็เฟอร์นิเจอร์อะไรอย่างนี้เลย อยากให้มีทุก ๆ อย่างค่ะ

เริ่มต้นด้วย Passion ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมออกมาดี

ป่านคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำทุก ๆ อย่างเลยนะ ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจหรือว่าทำงานศิลปะ คือ เราต้องมี Passion ในสิ่งที่เราทำให้มาก ๆ เราต้องรู้สึกสนุกไปกับมัน ไม่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องเครียด หรือเรื่องที่เราตื่นขึ้นมาแล้วต้องแก้ปัญหา อย่างนี้มันจะกลายเป็นการทำเรื่องไม่สนุก คือ ทุกวันนี้ไม่ว่าป่านจะทำงานหรือขายของ มันเป็นเรื่องที่เราสนุกและอยากทำจริง ๆ และป่านเชื่อว่าถ้าเราได้ทำอะไรที่รู้สึกว่าเรามี Passion กับมัน มันจะออกมาดี ขอแค่มีความรักกับมันก่อน ป่านเคยคุยกับพี่แพรและพี่โลเล (ศิลปินเจ้าของ Virus Space & Cafe Hua Hin) เขาบอกกับป่านว่า “เขาเชื่อว่าถ้าเราเอาหัวใจนำไป แล้วเดี๋ยวเงินจะตามมา ถ้าเราเอาเงินนำไป มันจะไม่สนุกแล้วมันก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ”
คิดว่าหลายคนอ่านแล้วคงได้รับแรงบันดาลใจมากมายจากสาวน้อยคนนี้ ส่วนใครยังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะหรือมีความชอบด้านไหน จะทำอาชีพอะไรดี จะทำแบรนด์และธุรกิจของตัวเองได้บ้างไหม ก็อาจค้นหาคำตอบได้ในบทความ อาชีพแบบไหนเหมาะกับบุคลิกแบบเรา แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง สุดท้ายแล้วอย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ การเปลี่ยนสิ่งที่ชอบให้เกิดขึ้นจริงด้วย “การลงมือทำ” นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา